Chapter 1412 เจ้านิกายของข้า ช่างมีความคิดใหญ่นัก
ภายในเขตแดนลับกาลอากาศ.
จุนซ่างเซียวที่นั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่.
ในเวลานี้ ภายในทะเลจิตสำนึกมีสัจจะคาถา ที่เหมือนกับดวงดารากระจายเต็มท้องฟ้า จากนั้นก็ค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน.
“ฟู่!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนามเท่าไหร่ ร่างของเขาที่รวมแสงทั้งหมดกลับเข้าเป็นจุดเดียวกัน.
“เข้าใจแล้ว....”
ดวงตาของเขาที่ลืมขึ้นทันที.
ภายใต้การเร่งเวลาร้อยเท่า จุนซ่างเซียวศึกษาวิชาลับแยกเงาพันร่าง จนท้ายที่สุดก็สามารถนำมาใช้ได้จริง.
“ฟิ้ว!”
เขาลุกขึ้น กำหมัดและท้าวสะเอว.
“ฟู่ ฟู่!”
ภายใต้สัจจะคาถาแยกเงาพันร่าง ที่ด้านหน้าเกิดลมหมุน ก่อรูปเป็นร่างเงาร่างหนึ่งขึ้น.
รูปลักษณ์นั้น เหมือนกับจุนซ่างเซียวเป็นอย่างมาก ราวกับแกะสลักออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ทว่าดูค่อนข้างว่างเปล่า เป็นเพียงแค่เงาเท่านั้น ร่างแยกดังกล่าวเป็นร่างเงาเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีเลือดเนื้อเป็นร่างพลังงานเท่านั้น.
แต่ก็ไม่สามารถดูแคลนว่าเป็นแค่เงาได้ เพราะมันสามารถบ่มเพาะวิถียุทธ์ ศึกษาวิชายุทธ์ แม้แต่ดูดซับพลังธาตุฟ้าดินเหมือนกับร่างต้นได้.
ดูไปแล้วก็ดูคล้าย ๆ กับสัตว์พันธสัญญาที่ผูกพันธสัญญาเท่าเทียมแท้จริง.
อย่างไรก็ตาม.
ร่างเงาที่แยกออกไปนั้น ไม่สามารถใช้ทักษะยุทธ์ต่อสู้ใด ๆ ได้.
สำหรับนักปรุงยาสามารถสั่งงานมันทำหน้าที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลั่นยา เตรียมสมุนไพร แม้แต่ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆได้ กล่าวได้ว่าเป็นแรงงานเอนกประสงค์ที่ควรจะมีเป็นอย่างยิ่ง.
“นั่งลง.”
จุนซ่างเซียวสั่งการออกไปในทันที.
ร่างแยกเงาโกวเซิ่งหมายเลขหนึ่งที่ทำตาม.
ทำไมถึงเรียกหมายเลขหนึ่ง? เพราะว่าเรียกตามตำรา วิชาแยกเงาพันร่างเมื่อผู้ฝึกสำเร็จไปในแต่ละขั้นก็จะสามารถสร้างเงาหมายเลขสอง หมายเลขสามและหมายเลขอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ!
เพราะว่าตำราที่ระบบให้มา จุนซ่างเซียวไม่สามารถโกงใช้ยันต์รู้แจ้งได้ ดังนั้นเวลานี้เขาจึงแยกได้ร่างเดียวเท่านั้นเอง.
“ฟิ้ว!”
ร่างหลักและร่างแยกเงาที่ช่วยการศึกษาวิชาแยกเงาพันร่างต่อไปอีก.
ผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วยาม จุนซ่างเซียวเผยท่าทางดีใจ“สองร่างช่วยการบ่มเพาะเร็วขนาดนี้เลย!”
“เหลวไหล.”
ระบบเอ่ย “หากแยกได้ครบหมื่นร่าง การบ่มเพาะก็จะรวดเร็วขึ้นหมื่นเท่าเช่นกัน!”
“ข้าไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้นหรอก.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เพียงแค่แปดร่างก็พอใจแล้ว.”
......
วิชาลับแยกร่างพันเงานั้นไม่เพียงแค่แจกจ่ายให้หยวนเฟิงและเฟิงกุ้ยเฉินเท่านั้น ทว่ายังแจกจ่ายให้กับศิษย์ทุกคนทั่วนิกาย เวลานี้ทุกคนต่างก็ได้ฝึกกันครบ.
ที่ตื่นเต้นที่สุด คงจะเป็นเย่ชิงเฉิน เพราะว่าทุกครั้งที่สร้างร่างเงาได้ จะช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด!
“ยิ่งแยกเงาได้มากเท่าไหร่ พลังบ่มเพาะของข้าก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น!”ด้วยสัตว์พันธสัญญาเท่าเทียมแท้จริง และวิชาแยกร่างพันเงาช่วย อาหนิวที่คาดหวังถึงอนาคตได้เลย.
“ลึกล้ำมาก!”
“ลึกล้ำมากไปแล้ว!”
ในเวลานั้นเหออู๋ตี้ในเขตแดนลับกาลอากาศจ้องมองร่างแยกเงาของตัวเอง รู้สึกตื่นตะลึงมากขึ้นและก็มากขึ้น.
วิชาที่ใช้แยกร่างนั้นเขาเคยเห็นมาแน่นอน นอกจากนี้เมื่อบ่มเพาะเสร็จ สามารถใช้ต่อสู้ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลวงศัตรูเพื่อหลบหนีได้ ทว่าแยกร่างเพื่อช่วยกันบ่มเพาะนี่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!
“เจ้านิกาย!”
เหออู๋ตี้ที่ลอบคิดในใจ“ได้ของดีจากปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำมากมายจริง ๆ!”
กลุ่มสามมโนที่ตื่นตะลึงกับวิชาลับแยกเงาพันร่างเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่สามารถขาดราชาสัตว์จื่อหลินได้ ในเวลานี้เขาที่นั่งบ่มเพาะในห้อง พลางสีคางตบแก้มตัวเองไปมา “ยากเกินไปแล้ว!”
ทักษะยุทธ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์สำหรับเผ่าอสูรที่ต้องการเรียนย่อมยากเกินธรรมดา นอกจากนี้เพราะไม่สามารถบ่มเพาะได้เหมือนกับมนุษย์ยิ่งยากเข้าไปอีก ต้องไม่ลืมว่าสำหรับสัตว์อสูรนั้นเพียงแค่หายใจดูดซับปราณฟ้าดินก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ทว่าวิชาที่ได้มาจากจุนซ่างเซียวนั้นหากฝึกสำเร็จ จะยิ่งเพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่า.
นับตั้งแต่นั้นมา.
ทุกคนในนิกาย ไม่เว้นแม้แต่เผ่าพันธุ์อสูรต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนวิชาแยกเงาพันร่างอย่างตั้งอกตั้งใจ.
แม้นว่าเผ่าสัตว์อสูรจะฝึกฝนได้ยากกว่ามนุษย์ ทว่าหากพวกมันแยกร่างเงาได้สักร่าง จะได้ผลประโยชน์มหาศาลมากกว่ามนุษย์ซะอีก.
จะให้กล่าวจริง ๆ ที่ได้ประโยชน์ยังมีโถงยาและโถงเม็ดยา เพราะว่าซุนปู่คงและศิษย์คนอื่น ๆ หลังจากแยกร่างได้แล้ว ก็มีแรงงานเพิ่มมากขึ้นทั้งดูแลสวนสมุนไพรและปรุงยา.
ก่อนหน้านี้.
หนึ่งคน ทำงานได้หนึ่งงาน.
ตอนนี้.
หนึ่งคน สองร่างทำงานพร้อมกัน สองอย่างพร้อมกันเลย!
“เจ้านิกาย!”
บนยอดเขาเหล่าเหว่ย ที่จ้องมองศิษย์ที่แยกร่างช่วยกันดูแลแปลงสมุนไพร ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ผลผลิตสมุนไพรดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สองเท่ายังน้อยไป หลังจากนี้จะเป็นสี่เท่า สิบเท่าหรือมากกว่านี้เรื่อย ๆ!”
ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่นัก.
ขอเพียงศิษย์ของเขาสำเร็จวิชาที่สูงขึ้นก็จะแยกร่างเงาได้มากขึ้น หนึ่งชีวิตสามร่าง สี่ร่างห้าร่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.
เพียงแค่ร่างเงายังไม่เป็นที่พอใจของจุนซ่างเซียว เขาที่ต้องการให้ศิษย์สามารถแยกร่างได้มาก ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนิกายและพวกเขาเองด้วย!
ไม่ต้องสงสัยสำหรับ ซุนปู่กงและศิษย์คนอื่น ๆดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย เพราะว่าการใช้ร่างแยกเงา ไม่เพียงแค่ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น ยังช่วยเพิ่มวิถีปรุงยาของพวกเขา ทำให้ความเข้าใจในวิถีปรุงยาและสมุนไพรเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด.
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เฟิงกุยเฉินจะรู้สึกได้ดีที่สุด หลังจากกลับมาถึงเมืองหลินหยวน เขาที่สำเร็จวิชาแยกเงาพันร่าง ร่างหลักนั่งดื่มยา อีกร่างที่ช่วยเขาทำงานต่าง ๆ แทน.
แม้นว่าร่างแยกเงาจะไม่มีความสามารถในการสู้รบ ทว่าเรื่องการสนับสนุนนั้นไม่ได้ต่างจากร่างหลักเลย สามารถทำงานต่าง ๆ แทนร่างหลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ.
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”
บนโต๊ะทำงาน นายน้อยหยวนที่กำลังคำนวณบัญชีดีดลูกคิดไปมา ส่วนร่างแยกเงาทำการบันทึกตรวจสอบรายงานสินค้าคงคลังยา งานของเขาที่ลดลงไปครึ่งหนึ่งในทันที.
ดูเหมือนว่าคนที่ได้ประโยชน์จะมีไม่น้อย เจิ้นเต๋อจวินและซ่างกวนซินเหยา ทั้งสองที่แยกร่างเพื่อศึกษาค่ายกล กลายเป็นสองหัวสองสมอง เพิ่มพูนความเข้าใจค่ายกลเพิ่มขึ้น.
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ตาเฒ่าไท่เสวียนที่นั่งหัวเราะอยู่ในห้องเสียงดัง.
หลังจากบ่มเพาะวิชาลับแยกร่างพันเงา เมื่อสร้างร่างเงาได้ ก็มีสองสมองช่วยกันคิด ท้ายที่สุดเขาก็สามารถยกระดับจูซานหมายเลขหนึ่งสำเร็จ.
หากรู้ว่าเข้าร่วมนิกายเจ้าโจรน้อยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยอดเยี่ยม มีวิชาที่ทรงพลัง เขาเข้าร่วมทั้งแต่อีกฝ่ายขึ้นมาจากพิภพเบื้องล่างแล้ว.
กล่าวได้ว่าผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากการเข้านิกายมันมากกว่าความทุกข์ทนเมื่อเขาเป็นแพะรับบาปนั่นเอง.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง โจวหงที่ชักกระบี่อย่างรวดเร็ว แทบจะพร้อม ๆ กันกับร่างแยกเงา แววตาที่เป็นประกายราวกับตระหนักรู้อะไรได้ในทันที.
ผู้ก้าวไปบนวิถีกระบี่ในนิกายนั้นมีน้อยมาก นอกจากนี้ยังไม่มีอุปกรณ์ช่วยยกระดับเหมือนกับวิถียุทธ์อีก การได้วิชาลับแยกเงาพันร่าง ช่วยเขารับรู้อำนาจวิถีกระบี่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น.
......
ทั้งนิกายนรันดรต่างก็ฝึกวิชาลับแยกเงาพันร่างกันทั้งนั้น แม้นว่าศิษย์บางคนที่ยังไม่สำเร็จ ทว่าไม่ใช่ปัญหามันขึ้นกับเวลาแล้ว หลังจากนี้ เมื่อพวกเขาแยกร่างได้แล้วก็จะย่นเวลาลงได้เรื่อย ๆ พลังบ่มเพาะและความเข้าใจก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ เอง.
อนาคตของพวกเขา ไม่ต้องบอกว่าน่าหวั่นเกรงอย่างแน่นอน.
“ถางจู่เฟิง.”
ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง จุนซ่างเซียวก็เดินทางไปยังเมืองหลินหยวน เอ่ยออกมาว่า“ซุนปู่คงและศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็แยกร่างเงาได้แล้ว ความสามารถปรุงยาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้สามารถเปิดสาขาได้รึยัง?”
“ได้แล้ว.
เฟิงกุ้ยเฉินเอ่ย “ทว่า คงทำได้แค่ไม่กี่สาขา.”
“ปัญหาก็ไม่ได้ใหญ่นัก.”
จุนซ่างเซียวยกชาขึ้นดื่มเอ่ยออกมาว่า“เปิ่นจั้วได้ยินมาว่าโถงยา ยังมีหัวหน้าปรมาจารย์อีกเจ็ดคน แต่ละคนต่างก็เป็นสุดยอดนักปรุงยาอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
เฟิงกุ้ยเฉินพยักหน้ารับ.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ปรกติพวกเขาอยู่แต่ในโถงปรุงยาอย่างงั้นรึ? หากเปิ่นจั้วเดินทางไปพบ พวกเขาจะสนใจเจ้าร่วมนิกายนิรันดรใหม?”
“หะ?”
เฟิงกุ้ยเฉินที่ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที.
“อา ใช่.”
จุนซ่างเซียวที่ตบหน้าผาก “โถงปรุงยา ในเมื่อมีอำนาจในการจัดการองค์กรปรุงยา พวกเขาควรจะมีปรมาจารย์ปรุงยาหลายคน หากรับพวกเขาเข้ามา ก็น่าจะสามารถเปิดสาขาได้มากขึ้นไปอีก.”
“......”
ใบหน้าของเฟิงกุ้ยเฉินกลายเป็นเหรอหรามากขึ้นและก็มากขึ้น.
ความคิดของเจ้านิกาย ช่างน่ากลัวนัก.
......
สำนักงานใหญ่ โถงปรุงยา.
“ทุกท่าน.”
ชายชราที่นั่งอยู่ตำแหน่งแรก ขมวดคิ้วไปมา “ทำไมไม่รู้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนังตาซ้ายของข้ากระตุกไม่หยุดเลย.”
“โบราณว่าไว้ ขวาร้าย ซ้ายดี.”
ชายชราเผยยิ้ม “เช่นนั้นเหล่าฟู่กำลังพบเรื่องดีสินะ!”