เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 21: ผู้มีอำนาจ [อ่านฟรี]
ครืด! ครืด!
เสียงของหนัก ๆ ถูกดึงลากไปตามพื้น ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงนี้ที่ดังก้องไปทั่วทั้งป่า มันคือเสียงจากศพของสตอล์กเกอร์ถูกดึงเข้าไปในป่า เกล็ดหิมะสีขาวตกลงมารอบ ๆ อเล็กซ์ขณะที่เขาเดินผ่านผ่านเข้าไปในความมืดมิด
จู่ ๆ อเล็กซ์ก็เห็นแสงสีทองเล็ก ๆ ส่องมาจากท้องฟ้า หากดวงตาของเขาไม่แข็งแกร่งขึ้น เขาคงไม่สังเกตเห็นจุดแสงเล็ก ๆ นี้
เหนือชั้นเมฆขึ้นไปมีดาวตกสีทอง แสงของมันริบหรี่มากจนแทบจะมองไม่เห็น
‘ดาวตกสีทองนั่นสว่างมากจนฉันมองเห็นมันผ่านชั้นเมฆที่หนาขนาดนี้ได้เหรอ?’ อเล็กซ์คิดพลางขมวดคิ้ว ‘แปลกจัง ช่างเถอะ โลกนี้ไม่มีอะไรไม่แปลกหรอก ก็แค่เรื่องแปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น’
อเล็กซ์ละสายตาจากดาวตก ดาวตกสีทองนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา สักพักเขาก็กลับมาถึงพื้นที่ของตัวเองไม่พบสัญญาณของสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น หากเป็นหนึ่งเดือนที่แล้ว ด้วยเสียงนี้คงดึงดูดให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายสักชนิด แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่ผู้รอดชีวิตคนใหม่ที่เปราะบางอีกต่อไป
เขาเป็นหนึ่งในนักล่าแห่งป่า
สัตว์ทั่วไปจะตกใจกลัวเพราะศพของสตอล์กเกอร์ และสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังก็จะสัมผัสได้ถึงพลังของอเล็กซ์ สตอล์กเกอร์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในป่า แต่ก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
อเล็กซ์ยังคงจำสัตว์ขนาดมหึมาสองตัวที่เขาเห็นตอนที่เพิ่งมาถึงได้ ถ้าเขาคิดที่จะโจมตีพวกมัน ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะตายอย่างไร ด้วยพลังปัจจุบันคงยังต่อกรกับพวกมันไม่ได้
คำสำคัญคือ “ปัจจุบัน”
เมื่ออเล็กซ์มาถึงที่พัก เขาก็ทิ้งศพแล้วนั่งลงข้าง ๆ
ชิ้ง! ชิ้ง!
อเล็กซ์หยิบดาบออกมาและเริ่มถลกหนังศพ ในคืนอันเงียบสงบและหนาวเย็น มีเพียงแค่เสียงของมีคมเฉือนเนื้อเท่านั้นที่ดังอยู่ ด้วยความมืดมิดล้อมรอบไว้ เหมือนกับโลกใบนี้มีเพียงแค่เขา
หลังจากที่อเล็กซ์ถลกหนังสตอล์กเกอร์เสร็จแล้ว เขาก็หยิบหนังมาวางไว้ใกล้กระท่อม
จากนั้นอเล็กซ์ก็หยิบไม้แห้งจากตอไม้ของเขา ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาเก็บไม้มาได้เยอะมาก เมื่อฤดูหนาวมาเยือน หิมะจะทำให้ต้นไม้เปียกชื้น เขาต้องการไม้แห้งเพื่อก่อไฟ และเขาต้องการมากพอเพื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไป
ขณะที่อเล็กซ์วางกิ่งแรกลง ศีรษะของเขาก็หันไปทางขอบด้านหนึ่งของที่โล่งที่เขาอยู่
ดวงตาสีเขียว
อเล็กซ์รู้จักดวงตาคู่นี้เป็นอย่างดี มันคือกิ้งก่าที่ขโมยอาหารเขาไปมากกว่าหนึ่งครั้ง ตัวที่ยิงลูกไฟใส่หมาป่า อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไป นับจากตอนที่พบกันครั้งแรก กิ้งก่าก็มีพลังเหนือกว่า ถ้ามันไม่หมดแรงต่อสู้กับหมาป่า มันก็อาจฆ่าอเล็กซ์ได้
การเจอกันครั้งที่สองต่างฝ่ายต่างเท่าเทียมกัน
และตอนนี้อเล็กซ์เห็นได้ชัดว่าคือคนที่ทรงพลังกว่า
อเล็กซ์มีความมั่นใจในความสามารถของเขาในการหลบหลีกลูกไฟอย่างมาก และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แต่เขาก็ยังสามารถใช้ดาบหรือเสื้อคลุมเพื่อปัดป้องได้อยู่ดี
กิ้งก่าตัวนี้อันตรายแต่ก็ไม่อันตรายเท่าสตอล์กเกอร์ ซึ่งสัตว์ทั้งสองชนอดนี้ก็รู้ว่าอเล็กซ์แข็งแกร่งกว่า
อเล็กซ์ลูบคางพลางคิดขณะมองดูกิ้งก่าจากระยะไกล เขาตัดสินใจว่าเขาอยากลองอะไรบางอย่าง
วืด!
อเล็กซ์โยนขาของสตอล์กเกอร์ที่ตัดแล้วไปให้กิ้งก่า มันกระโดดหลบไปด้านข้างและมองอเล็กซ์อย่างระมัดระวัง เขาไม่เคลื่อนไหว เพียงมองดูกิ้งก่าอยู่พักหนึ่งเท่านั้น
จากนั้นอเล็กซ์ก็กลับไปก่อไฟอีกครั้ง
กิ้งก่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถต้านทานสัญชาตญาณของมันได้ ขณะเดินเข้าไปใกล้ขาที่เพิ่งถูกโยนมาอย่างระมัดระวัง โดยจับตาจับจ้องอเล็กซ์อยู่ตลอดเวลา
หมับ!
กิ้งก่ากัดขาแล้ววิ่งหนีไปด้วยความเร็ว
อเล็กซ์เพียงแต่ยิ้ม ‘บนโลก พวกสัตว์เลื้อยคลานเป็นสัตว์สันโดษ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างความสัมพันธ์ใด ๆ กับพวกมัน แม้ว่าจะมีการนำพวกมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงมานานหลายปีก็ตาม’
‘แต่ก็นะ ที่นี่แตกต่างจากโลก สตอล์กเกอร์ยังฉลาดพอที่จะสังเกตเห็นว่าฉันอ่อนแอลงตอนไม่มีอาวุธ คิดว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้มีความฉลาดมากกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป’
‘ใครจะรู้ล่ะ บางทีถ้าพยายามมากพอ อาจจะสร้างความร่วมมือกับกิ้งก่าตัวนั้นได้ก็ได้ ถ้ามันช่วยเพิ่มพลัง ฉันอาจจะใช้เป็นเตาอบหรือเครื่องทำลมร้อน นั่นจะทำให้การเอาชีวิตรอดในฤดูหนาวง่ายขึ้นมาก’
‘แต่ก็น่าแปลกใจอยู่นะที่เจอสัตว์เลื้อยคลานในสภาพอากาศหนาวเย็นแบบนี้ สัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลือดเย็นโดยธรรมชาติ และพวกมันจะแข็งตัวจนตายได้ในอุณหภูมิเท่านี้ คิดว่าคงเพราะไฟของมันสามารถใช้ทำให้มันอบอุ่นในฤดูหนาวได้’
‘ไงก็เถอะ นั่นเป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้ ฉันต้องดูก่อนว่ามันจะได้ผลจริงหรือเปล่า’ อเล็กซ์คิดขณะก่อไฟต่อ เขาจุดไฟไว้ห่างจากกระท่อมราวสิบเมตรด้วยเหตุผลบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที กองไฟขนาดใหญ่ก็ลุกโชนต่อหน้าอเล็กซ์ เขาตัดเนื้อบางส่วนออกจากสตอล์กเกอร์แล้วนำไปย่างรอบกองไฟ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้ตั้งใจทำให้หนังมันแห้ง
เขามีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น ในชั่วโมงถัดไปอเล็กซ์ยังคงสร้างกระท่อมของเขาต่อ
ตู้ม!
เกิดเสียงของหนักกระทบพื้นดังขึ้นจากระยะไกล อเล็กซ์ยิ้ม ‘ได้ผลจริงด้วยสินะ ฉันควรดีใจหรือกลัวดี?’
เสียงดังขึ้นในสองนาทีต่อมาจนกระทั่งมีบางอย่างปรากฏที่ขอบพื้นที่โล่งที่เขาพักอยู่ ขนาดมหึมาของมันมาพร้อมกับเข็มสีเขียวขนาดใหญ่
มันคือเม่น!
นี่คือเหตุผลที่อเล็กซ์ก่อไฟให้ห่างจากกระท่อมของเขามาก เขาคิดว่าจากการเจอเม่นครั้งสุดท้ายเป็นเพราะไฟและกลิ่นของเนื้อ และแน่นอนว่ามันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
อเล็กซ์ไม่ได้ซ่อนตัว แต่นั่งห่างจากกองไฟหลายเมตร ทำให้มีพื้นที่พอสำหรับเม่น เม่นมองดูอเล็กซ์สักครู่แล้วเพ่งความสนใจไปที่กองไฟ
เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว เม่นจะอุ่นตัวเองเหนือกองไฟเป็นเวลาหลายนาที ในขณะที่อุ่นตัวเอง มันก็กินเนื้อสตอล์กเกอร์ไปจนเกลี้ยง หลังจากนั้นไม่กี่นาที เม่นก็เดินออกไปจากกองไฟ โดยที่ครั้งนี้กองไฟยังคงปลอดภัยดี
หลังจากเดินผ่านไปหลายเมตร มันก็หยุดก่อนจะสบัดตัวอีกครั้ง คราวนี้ผลไม้ร่วงลงมาจากตัวมันมากขึ้น หลังจากสลัดผลไม้เสร็จ มันก็เดินจากไป
‘มอบเนื้อให้กับเจ้าป่า แล้วคุณจะได้รับผลไม้เป็นรางวัล’ อเล็กซ์คิดพร้อมรอยยิ้ม
อเล็กซ์มองเม่นที่กำลังเดินจากไป และเห็นผลไม้หลายร้อยผลเติบโตบนเข็มบนหลังมัน
พลังของเขาจะดีขึ้นขนาดไหนถ้าเขากินผลไม้ทั้งหมดนั่นเข้าไป?
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์จะไม่พยายามขโมยผลไม้เหล่านี้เด็ดขาด เม่นตัวนี้มีรูปร่างใหญ่โต สังเกตเห็นได้ชัด และเชื่องช้ามาก อเล็กซ์รู้ว่าสตอล์กเกอร์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในป่านี้ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากกว่านี้
แต่เม่นก็ยังเดินไปรอบ ๆ อย่างสบาย ๆ
ไม่มีสัตว์ชนิดใดที่จะพลาดการมาถึงของเม่นตัวนี้ได้เนื่องจากพวกมันสามารถได้ยินมันได้จากระยะไกลหลายร้อยเมตร นั่นหมายความว่าไม่มีสิ่งใดที่จะฆ่าเม่นตัวนี้ได้หรือแม้แต่ทุกสิ่งที่โจมตีเม่นก็จะลงเลยด้วยความตาย
จะเล่นงานเม่นตัวนี้ไม่ง่ายเลย
ยิ่งไปกว่านั้น อเล็กซ์ยังจำกิ้งก่าขนาดยักษ์ที่เขาเห็นบนภูเขาในวันแรกได้ กิ้งก่าตัวนั้นอาศัยอยู่บนภูเขาถึงแม้ว่ามันจะเข้าไปในป่าได้ก็ตาม สิ่งที่มันฆ่าอยู่ในป่า ไม่ใช่ในภูเขา
ไม่มีเหตุผลที่กิ้งก่ายักษ์จะไม่เข้าไปในป่า ท้ายที่สุดแล้ว ในป่าแห่งนี้ยังอุดมไปด้วยอาหารอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่ย่างกรายเข้ามา
อเล็กซ์สันนิษฐานว่าเม่นตัวนี้เป็นสาเหตุของเรื่องนั้น กิ้งก่ายักษ์ต้องเคยเห็นเม่น แต่แค่มันไม่ได้โจมตี เมื่อรวมเบาะแสเหล่านี้เข้าด้วยกัน เขาจึงสรุปว่าเม่นน่าจะเป็นสัตว์ที่ทรงพลังที่สุดในลุ่มน้ำทั้งหมด
ผลไม้เพียงหนึ่งในหลายร้อยผลทำให้ร่างของอเล็กซ์แทบจะระเบิดพร้อมกับมานา
สิ่งนี้คือสัตว์ประหลาดที่แท้จริง ผู้ทรงอำนาจที่แท้จริงของลุ่มน้ำนี้!
อเล็กซ์ยังจำได้ว่าพระเจ้าบอกว่าเขาควรไปที่ถิ่นทุรกันดารอื่น เมื่อถิ่นทุรกันดารนี้ไม่สามารถสร้างอันตรายใด ๆ แก่เขาได้อีกต่อไป นี่อาจหมายความว่าถิ่นทุรกันดารรอบ ๆ ลุ่มน้ำมีอันตรายมากกว่ามาก
แล้วทำไมถึงไม่มีสิ่งมีชีวิตจากที่นั่นเข้ามาในลุ่มน้ำนี้ล่ะ? ภูเขาก็ไม่อาจกั้นขวางพวกมันได้เนื่องจากภูเขาไม่ได้สูงขนาดนั้น นี่คืออาณาเขตของเม่น จากภายนอกก็อาจจะนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม อีกคำถามหนึ่งก็คือ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเข้ามา...
หรือสิ่งมีชีวิตทุกตัวที่เข้ามานั้นตายหมด?
อเล็กซ์ไม่แน่ใจ แต่เขากลับเบนความสนใจไปยังผลไม้ที่อยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
อเล็กซ์ยิ้ม
มันมีเยอะมากจริง ๆ!