บทที่ 35 กินไม่หมด แอบห่อพากลับ
จินอัน: "..."
ถ้าข้าพูดว่า
"เคล็ดวิชาดาบโลหิต" นี้ เป็นของผู้ที่อยู่เหนือกว่าเขาล่ะ
มือปราบเฟิงจะเชื่อไหมนะว่าบุตรสาวคนโตของผู้พิพากษาจางแห่งเทศมณฑลฉางส่งต่อให้ข้า
จินอัน: "ข้าตกหน้าผาตอนเด็กๆ แล้วบังเอิญเจอมันในถ้ำ"
หลังจากที่มือปราบเฟิงได้ฟังเรื่องนี้ เขาก็หัวเราะอยู่พักหนึ่ง
“คุณชายจินอัน ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป เฟิงแค่ถามเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น”
“เคล็ดวิชาดาบโลหิตนี้เป็นเพียงศิลปะยุทธระดับสามเท่านั้น มันไม่ใช่วิชาการต่อสู้หรือมนตร์คาถาที่มีเอกลักษณ์ มีคนหลายร้อยหรือหลายพันคนที่รู้จักเคล็ดวิชาดาบโลหิตนี้ทั่วยุทธจักร”
ฮ่าฮ่าฮ่า พ่องมุงสิ
มันตลกนักรึไง?
ต่อมา มือปราบเฟิงดูจริงจังและเริ่มถามจินอันโดยละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดของคดี
จินอันย้ำคำสารภาพที่เขาเคยบอกกับเถ้าแก่เนี้ยจางและจางหลิงหยุนมก่อนหน้านี้
“เป็นไปได้ไหมว่ามีปีศาจขโมยศพในเทศมณฑลฉางของเรา?” คิ้วของมือปราบเฟิงขมวดเหมือนมีเล่ห์นัยบางอย่าง
หลังจากพูดจบ มือปราบเฟิงก็เหลือบมองทรงผมที่สั้นของจินอันอีกครั้ง: "คุณชายจินอันเป็นลูกศิษย์ชาวพุทธที่กลับมาสู่ชีวิตฆราวาสงั้นหรือ?"
จินอัน: "ทำไมมือปราบเฟิงถึงพูดเช่นนั้น"
มือปราบเฟิงอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม: "คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ด้วยตาเปล่า ตามตำนาน สาวกลัทธิเต๋าและชาวพุทธสามารถปลูกฝังบางสิ่งบางอย่างเช่นดวงตาสวรรค์ ดวงตาธรรม และดวงตาปัญญา... พวกเขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าและน้ำพุสีเหลืองที่อยู่ห่างออกไปเก้าพันลี้ได้ ข้าไม่รู้หรอกจริงหรือเท็จ”
จินอันกระพริบตา: "ข้าไม่รู้ว่าข่าวลือเหล่านี้จริงหรือเท็จ แต่ข้าไม่ใช่พระฉะนั้นนี่คือเรื่องจริงอย่างแน่นอน"
มือปราบเฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด: "มีข่าวลือว่าในบางสถานที่มีเทพประจำเมืองที่เกิดมาพร้อมกับดวงตาหยินหยาง และพวกเขายังสามารถเห็นวัตถุหยินเหล่านี้ได้ด้วย"
จินอัน: "..."
ปัญหาคือข้าไม่ใช่เทพของเมืองนี้โว้ยย!
…
…
“คุณชายจินอัน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ฆ่าสตรีผู้นั้นในบ้าน ท่านมีหลักฐานพิสูจน์ไหมว่านักดาบคนนั้นเป็นผู้ที่ฆ่าน้องหญิงของเขาหลังจากถูกวิญญาณครอบงำแทนที่จะให้ท่านยืมดาบแล้วฆ่าใครสักคน?”
“เราได้ตรวจสอบตัวตนของทั้งสองคนแล้ว นักดาบและสตรีคู่นี้เป็นพี่น้องในสำนักเดียวกัน”
จินอันรู้มานานแล้วว่ามือปราบเฟิงจะถามคำถามนี้กับเขา
เขาไม่แปลกใจเลย
ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างครุ่นคิดไปว่า: "หากมีคนถูกครอบงำและมีวิญญาณชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย มือปราบสามารถสั่งให้ใครสักคนตรวจร่างกายดูหน้าอกหรือรักแร้ของนักดาบได้ แล้วพวกเขาจะพบบางสิ่งบางอย่างอย่างแน่นอน"
จินอันรู้สึกขอบคุณที่เขาได้พบกับนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋ามาก่อน
จากนั้นเขาก็บอกกับมือปราบเฟิงเกี่ยวกับวิธีการทดสอบลักษณะพิเศษที่นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าใช้ในการตรวจสอบว่าคนๆ นั้นถูกครอบงำหรือไม่
ในทันทีทันใดมือปราบเฟิงไม่ได้เลี่ยงความสงสัยและขอให้หมอที่ถูกเชิญมาโดยบริกรโรงเตี๊ยมทำการตรวจดูนักดาบคนนั้นทันที
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดไว้
หมอที่โรงหมอรู้สึกถึงก้อนเนื้อแข็งๆ ใต้รักแร้ของนักดาบ
“ดูเหมือนว่าคุณชายนอันจะพูดความจริง”
จนถึงตอนนี้ในที่สุดมือปราบเฟิงก็เชื่อคำพูดของจินอัน
“มือปราบเฟิงเชื่อข้าหรือไม่”
“คุณชายจินอัน โปรดอย่าลืมสิว่าตระกูลหลินประสบปัญหามากมาย ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่กองปราบของเราได้รับศพมาแล้วสองศพและมีศพหนึ่งที่เพิ่งพบแล้วเผาในวันนี้ ท่านอาจารย์เต๋าเฉินเองก็ได้บอกเราถึงวิธีการตรวจสอบร่างกายแล้ว”
“มือปราบเฟิงเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดีสำหรับประชาชนจริงๆ”
มือปราบเฟิงยิ้มแล้วโบกมือ: "คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป ข้าว่าทุกคนคงนอนหลับกันไม่สนิท ดังนั้นเฟิงจะไม่รบกวนคุณชายจินอันแล้ว เชิญท่านพักผ่อนต่อเถอะ"
“และด้วยสิ่งต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นนี้ พวกเราที่อยากนอนก็ไม่มีโอกาสได้นอนด้วยซ้ำ”
“ดูเหมือนว่าเช้าวันพรุ่งนี้ ข้าต้องพาพี่น้องเราไปวัดเต๋าหรือวัดพุทธที่อยู่ใกล้ๆ แล้วขอเครื่องรางเหลือง ลูกปัดแก้ว พระพุทธรูป กระจกบากัว หรืออะไรทำนอกนั้น มาปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย ปัดเป่าภัยพิบัติ พี่น้องในกองปราบปรามของเราจะได้ไม่ตื่นตระหนกมากนัก เมื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในเวลากลางคืน”
มือปราบเฟิงถามรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย จนในที่สุดเขาก็ออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และนักดาบที่ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ
จินอันได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากปัญหาในกองปราบปราม
แต่เมื่อเขากลับถึงบ้าน คืนนี้เขากลับนอนไม่หลับอีกเลย
จินอันกำลังคิดว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงตกเป็นเป้าหมายของวิญญาณชั่วร้าย?
จินอันเดาว่าสาเหตุที่บัณฑิตกระดาษโจมตีเขาคืนนี้ เป็นเพราะมันต้องการครอบงำเขาแล้วไปขโมยศพจากบ้านของหลินหลู่ต่อ?
การคาดเดานี้เป็นไปได้มาก!
แม้ว่าจะไม่มีที่หลักฐานพิสูจน์ได้ว่าบัณฑิตกระดาษในคืนนี้คือวิญญาณชั่วร้ายที่เข้าครองงำร่างของเฉินผีและซวนจื่อที่เสียชีวิตไปหลายวันและขโมยศพซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่จินอันมั่นใจว่ามันต้องเป็นผีมือของบัณฑิตกระดาษ
ศพของซวนจื่อถูกพบในระหว่างวัน
วิญญาณปรากฏขึ้นใกล้บ้านของซวนจื่อในตอนกลางคืน นี่มันไม่บังเอิญเกินไปเหรอ?
เมื่อมีเรื่องบังเอิญมากเกินไป มันก็จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป แต่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่บังเอิญ!
ทำไมบัณฑิตกระดาษถึงมุ่งเป้าไปที่เขา?
เรื่องนี้จริงๆ แล้วเดาได้ไม่ยาก
บางที เพราะเขาเป็นคนที่หามโลงศพสีขาวคนนึงและคุ้นเคยกับตระกูลหลินที่คอยเฝ้าดูตอนกลางคืน...
หรืออาจเป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ใกล้บ้านของซวนจื่อ...
จากปัจจัยทั้งหมดนี้ เดาได้ไม่ยากว่าเขากลายเป็นเป้าหมายในการครอบงำแล้วไปบ้านของตระกูลหลินเพื่อขโมยศพ
เหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้อาจเป็นเพราะมันเกี่ยวข้องกับ "ชามสมบัติ" !
ชามสมบัติ?
ชามสมบัติ!
จินอันเคาะนิ้วของเขาบนโต๊ะ และจู่ๆ คิ้วของเขาก็เบิกกว้างเพราะความคิดของตัวเอง เขาฆ่าวิญญาณชั่วร้ายได้สำเร็จในคืนนี้ ซึ่งทำให้จินอันมีความมั่นใจมาก
เขาแค่ต้องแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!
อย่างไรก็ตาม เขาได้ฝึกฝน "เคล็ดวิชาดาบโลหิต" ระดับที่หกจนสมบูรณ์แบบแล้ว
เป็นการยากที่จะพัฒนาต่อไป
หากมันสามารถฝึกฝน "เคล็ดวิชาดาบโลหิต" ต่อไปได้อีก แต่อันที่จริง "เคล็ดวิชาดาบโลหิต" จะเหมาะสมกับเขามากกว่า
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจอมโจรเก็บดอกไม้ "คุณชายหยินหัว"
เขาหลงไหลในพลังระเบิดของเคล็ดวิชาดาบโลหิตและความสามารถในการสยบวิญญาณชั่วร้าย
เมื่อพูดถึงแล้ว จินอันยังไม่ได้ลอง "เคล็ดวิชาดาบโลหิต" ว่ามันจะสามารถผนึกได้หรือไม่? ครั้งล่าสุดที่เขาหามโลงศพ แถมคราวนี้เขาก็ฆ่าบัณฑิตกระดาษได้ ตอนนี้เขามีคุณธรรมหยินถึง 300 แต้ม บางทีเขาอาจจะลองดูก็ได้
“ผนึกจักรพรรดิ!”
จินอันดีใจขึ้นมาทันที่ เขาแค่ลองทำดูแต่ไม่คิดเลยว่าเสียงแห่งวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่คุ้นเคยจะปรากฏขึ้นอีกครั้งจริงๆ! ทุกสิ่งในสวรรค์และโลกสามารถผนึกได้!
"เคล็ดวิชาดาบโลหิต" ระดับที่สิบสอง
นี่นับว่ามันได้รับการเลื่อนขั้นเป็นศิลปะยุทธขั้นสามระดับสูงสุดหรือไม่? จินอันอดดีใจไม่ได้ในขณะที่เขาถือตำรายุทธไว้ในมือ
…
วันต่อมา
"ค๊าาาาาาาาากถรุ้ย" จินอันแปลงฟันด้วยกิ่งต้นหลิวในตอนเช้า แล้วไปที่ห้องโถงของโรงเตี๊ยมเพื่อรับประทานอาหารเช้า
อาจเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้มีคนมารับประทานอาหารที่ห้องโถงเกือบครึ่งหนึ่งในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ห้องโถงมีชีวิตชีวามาก เถ้าแก่เนี๊ยจางเริ่มไล่ตามก้นหลานสาวตัวน้อยของเธออีกครั้งและทุบตีเธอ
จินอันมีความสุขมากที่ได้เห็นสิ่งนี้
เขามองไปรอบๆ แล้วก็เห็นจางหลิงหยุนนั่งอยู่คนเดียวในห้องโถง
“แม่นางหลิงหยุน วันนี้น้องสาวของเจ้าไปป้ายสีเถ้าแก่เนี๊ยจางอีกแล้วเหรอ?”
จางหลิงหยุน ที่กำลังทานข้าวต้มเนื้อไม่ติดมันอยู่นั้นชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นจึงเหลือบมองจินอัน
หลังจากฟังบบอกเล่าของจางหลิงหยุน จินอันก็เข้าใจทันที
ปรากฎว่าเด็กหญิงเล่นเป็นบ้าแล้วปฏิเสธที่จะนั่งทานอาหารอย่างเหมาะสม มันเลยทำลายหัวอกแม่เฒ่าของเถ้าแก่เนี๊ยจาง
ไม่นะ ตอนเช้าก็ไล่ตามหลานอีกแล้ว
นอันมองดูอย่างสนุกสนานขณะที่เถ้าแก่เนี้ยจางผู้งดงามไล่ตามแล้วตีบั้นท้ายของเด็กหญิงด้วยไม้ปัดขนไก่แล้วเขาก็พูดอย่างสนุกสนาน: “นี่มันกินไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
"?"
"!"
จู่ๆ จินอันก็รู้สึกเสียวสันหลัง ซึ่งมาจากการจ้องมองอย่างเย็นชาของจางหลิงหยุน ที่กำลังถือข้ามต้มไว้ในมือทั้งสองข้าง
แย่แล้ว!
ตายแน่ๆ!
จินอันผู้ซึ่งอยากเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้เปลี่ยนเรื่องคุยทันที: "แม่นางหลิงหยุน ข้าสงสัยว่าเจ้ามีตำรายุทธเล่มอื่นอีกบ้างไหม?"
“ข้าอยากเรียนรู้ไพ่ตายที่ไว้ช่วยชีวิตตัวเองอีกซักสองสามใบ”
(จบบทนี้)