ตอนที่แล้วบทที่ 29 ศัตรูพานพบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ประลองฝีมือกับศิษย์น้องเล็กข้า

บทที่ 30 น้อมรับองค์หญิงสี่


เมื่อเจิงหงเซินได้ยินเช่นนั้น แววตาเยาะเย้ยก็เปลี่ยนไปดูชั่วร้ายก่อนจะกลับมาแสร้งยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ “ข้าเพียงได้ข่าวว่าเจ้าหาซื้อเรือนใหม่ เลยมาแสดงความยินดีกับเจ้าเท่านั้น”

แล้วทำทีเงียบไปสักพักก่อนจะกล่าวเสริม

“จริงสิ ข้าได้ยินว่าเคยมีคนตายในเรือนหลังนี้ จากนั้นมันก็กลายเป็นปีศาจชั่วร้ายคอยหลอกหลอนผู้คนไปทั่วพื้นที่ หยางเฉา หากเจ้าจะย้ายมาอยู่ต้องระวังตัวให้มาก”

“ไม่เช่นนั้น เจ้าอาจตายเป็นรายต่อไปหลังเข้าอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ฮ่าๆๆ”

กล่าวจบอย่างนั้น เขาก็หันหลังจากไปพร้อมกับเหล่าองครักษ์ที่ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยสนุกสนาน

ทำให้ใบหน้าของหยางเฉากับหวงอิ๋งในตอนนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธและเจ็บแค้น

แววตาอันเยือกเย็นของหยางเสี่ยวเทียนเวลานี้ก็เช่นกัน เขาเพียงจ้องมองยังร่างอ้วนของเจิงหงเซินที่กำลังเดินจากไปด้วยความนิ่งเงียบ แม้ภายในจะคุกรุ่นไปด้วยไฟลุกโชน

ตระกูลเจิงทำการค้าเกี่ยวกับผ้าไหมและผ้าซาติน ที่ก่อนหน้านี้บิดาของหยางเสี่ยวเทียนเป็นผู้ดูแลกิจการผ้าไหมและผ้าซาตินของบ้านสกุลหยางเช่นกัน ซึ่งทำให้ทั้งสองนั้น มักมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง จนเป็นเหตุว่าทำไมทั้งสองถึงไม่ชอบหน้ากันขนาดคุกคามด้วยวาจาข่มขู่ร้ายแรงถึงเพียงนี้

เนื่องเพราะเจิงหงเซินนั้นมีทักษะทางวรยุทธ์ที่ด้อยกว่าหยางเฉา จึงถูกเขาซักซ้อมจนฟันร่วงและอับอายต่อหน้าผู้คนมาแล้วครั้งหนึ่ง

เมื่อดูจากท่าทางของเจิงหงเซินในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ายังแค้นเคืองเรื่องฟันของเขาอยู่ พอได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ เลยถือโอกาสตามมาเย้ยหยัน

หลังเจิงหงเซินเดินลับตาไป หยางเฉาก็เอ่ยถึงข่าวที่ได้รับรู้มา “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินว่าเจิงหงเซินร่วมมือกับเหวินเจียเหว่ยแห่งสมาคมการค้าเฟิงยวิน”

“หมายถึงเหวินเจียเหว่ย ผู้ดูแลของสมาคมการค้าเฝิงหยุนใช่หรือไม่” น้ำเสียงหวงอิ๋งแสดงถึงความเป็นกังวลยิ่ง

หยางเฉาพยักหน้ารับ

แน่นอนว่าหยางเฉาไม่ได้เกรงกลัวคนเยี่ยงเจิงหงเซินเลยแม้แต่น้อย แต่หากมีปัญหากับสมาคมการค้าเฟิงยวินคงจะไม่ดีเป็นแน่

เพราะสมาคมการค้าเฟิงยวิน เป็นสมาคมการค้าใหญ่แห่งอาณาจักรเสินไห่ ซึ่งมีสาขาแยกย่อยออกไปอยู่ในหลายๆ เมืองของอาณาจักรแห่งนี้ แสดงถึงอำนาจที่มีว่าสมาคมการค้าเฟิงยวินนั้นเป็นเช่นไร

เหวินเจียเว่ยงั้นหรือ หยางเสี่ยวเทียนจดจำชื่อนี้ในใจ

วันต่อมา หยางเฉาให้คนทยอยขนย้ายสัมภาระไปที่เรือนหลังใหม่ พร้อมกับให้ทำความสะอาดก่อนจะซื้อเครื่องเรือนเข้าไปตกแต่งภายใน แม้จำนวนทองที่มีจะไม่มากพอซื้อของราคาแพงและได้เพียงเครื่องเรือนราคาถูกๆ แต่มันก็ยังทำให้เขามีความสุขกว่าจะต้องทนอยู่ในที่แห่งนี้

ตามปกติแล้ว หยางเสี่ยวเทียนจะต้องขึ้นไปฝึกวรยุทธยังหุบเขาในเวลาพลบค่ำช่วงที่ผู้คนกำลังหลับใหล และศึกษาคัมภีร์หลอมโอสถในเรือนตนเวลากลางวัน ซึ่งจากการสะสมความรู้จนถึงวันนี้ เขาก็มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับโอสถ

เขาเพียงสังสัย ว่าอาจเป็นเพราะเขามีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงสุดงั้นหรือ จึงทำให้ความทรงจำของเขายอดเยี่ยมมากถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรการหลอมแบบไหน เขาก็สามารถจดจำได้เพียงแค่ได้อ่านมัน

นั่นรวมถึงทักษะทางวรยุทธต่างๆ ที่เขาก็สามารถฝึกฝนมันได้อย่างเชี่ยวชาญหลังจากอ่านเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าที่ยากขนาดไหนเขาก็สามารถเข้าใจมันได้ในทันที

สองวันผ่านไป เร็วราวกับวันเดียว

ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังออกไปรับสมุนไพรที่เหลือยังสมาคมการค้าเฟิงยวินในเมือง เขาก็เผลอได้ยินเสียงลือจากกลุ่มองครักษ์และสาวใช้ของตระกูลหยางวิ่งกรูรวมตัวกันซุบซิบถึงข่าวคราว

“นายน้อยหยางจงกลับมาแล้ว!”

ไม่กี่อึดใจ ผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านสกุลหยางก็แตกตื่นราวกับมีภัยพิบัติ

หยางหมิง หยางไห่ รวมทั้งคนอื่นๆ ต่างตื่นเต้นดีใจจนแทบทำตัวไม่ถูก พวกเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งนำเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านสกุลหยาง ออกไปนอกหมู่บ้านเพื่อรอต้อนรับเฉินหยวนและองค์หญิงสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่ที่กำลังเดินทางมาถึง

ทว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่มีใครนำข่าวมาแจ้งต่อครอบครัวของหยางเสี่ยวเทียนเลยแม้แต่ผู้เดียว ทำราวกับพวกเขาเป็นเพียงคนนอก

ขณะที่หยางหมิง หยางไห่ และคนอื่นๆ ต่างกำลังเฝ่ารอการมาเยื่อนของพวกเขาด้วยท่าทีสงบนอบน้อม ที่สุด เฉิงเป้ยเป้ย องค์หญิงสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่ พร้อมกับขบวนของเฉินหยวนและหยางจง ก็เคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า

โดยขบวนของเฉิงเป้ยเป้ยนั้น ดูท่าจะยิ่งใหญ่กว่าใครเมื่อเทียบกับจำนวนของเหล่าวิญญาจารย์หลายสิบคนที่รายล้อมอยู่รอบๆ เพื่อคอยคุ้มกันความปลอยภัยของนาง

“หยางหมิง หยางไห่ พร้อมทุกคนในหมู่บ้านสกุลหยาง นอบรับองค์หญิงสี่” พอหยางหมิงและหยางไห่ก้าวไปข้างหน้ากล่าวแสดงความเคารพอย่างตื่นเต้น ที่เตรียมพร้อมตั้งแต่เห็นขบวนมาจากระยะไกล พวกเขาก็เผยยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีปิติยินดีทันที

เฉิงเป้ยเป้ยมีอายุมากกว่าหยางจงสามปี นางสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง และเย็นชา ขณะนั่งอยู่บนหลังของสัตว์วิญญาณแล้วได้ยินน้ำเสียงปลาบปลื้มดีใจ นางกลับทำเพียงเหลือบมองหยางหมิง หยางไห่ และคนอื่นๆ ด้วยหางตา ก่อนจะแสดงกิริยาด้วยท่าทีดูถูกเหยียดหยามออกมาจากแววตาของตน

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าอาจารย์และคำร้องขอจากศิษย์น้องหยางจง นางคงไม่ลดตัวมายังสถานที่ทุรกันดารแห่งนี้ที่ไม่ต่างจากนอนตามป่าเขายังดีเสียกว่า

ส่วนหยางหมิง หยางไห่ พร้อมคนอื่นๆ ที่มัวแต่ปลาบปลื้มดีใจในเกียรติยศของคนตระกูลหยางจนไม่รับรู้ถึงสายตาที่ปรากฏออกมาชัดเจนขนาดนั้น

นอกจากรู้สึกตื้นตันที่ได้ต้อนรับองค์หญิงสี่อย่างเฉิงเป้ยเป้ย เฉินหยวน และผู้ติดตามของพวกเขาเข้าสู่หมู่บ้านสกุลหยาง

ขณะเดินทางเคลื่อนขบวนเข้าสู่หมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลหยาง หยางหมิงและหยางไห่ก็คิ้วขมวดนึกถึงพื้นที่ภายในจวนตนเอง พวกเขาทั้งคู่ต่างไม่คิดว่าองค์หญิงสี่จะนำองครักษ์และผู้ติดตามมาเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ซึ่งลานที่จัดไว้แต่เดิมตอนนี้ดูท่าจะไม่เพียงพอให้พำนัก

“มิสู้ให้น้องรองสละเรือนเสีย จะเร็วหรือช้ายังไงเขาก็ต้องไปอยู่แล้ว เช่นนั้นให้เขาย้ายออกไปเสียแต่วันนี้เถอะ” หยางไห่เสนอแนะ

“หากเรือนตรงนั้นของน้องรองว่าง มันก็เพียงพอที่เหล่าองครักษ์และผู้ติดตามขององค์หญิงสี่จะเข้าพำนักได้ จริงหรือไม่ท่านพ่อ”

“เช่นนั้น ก็เอาอย่างเจ้าว่า” หยางหมิงพยักหน้ารับราวกับไม่มีวิธีอื่นแล้ว นอกจากต้องให้ครอบครัวของหยางเสี่ยวเทียนไปวันนี้และต้องเป็นตอนนี้เท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด