ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 428 มุ่งสู่ทางใต้พันไมล์, ภูเขากู่คอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 430 แมลงแผดเผาในทะเลเปลวเพลิง

MDB ตอนที่ 429 การต่อสู้จากแดนไกล


ฝีแปรงนั้นหนักหน่วง สะท้อนถึงฝีมือการเขียนอันยอดเยี่ยมของการประดิษฐ์อักษร หลินจินศึกษาศิลปะการประดิษฐ์ตัวอักษรด้วย และเขาก็มีลายมือที่สวยงามเช่นกัน สำหรับเขา การสังเกตลายมือก็เหมือนกับการสังเกตตัวผู้เขียนเอง

เมื่อดูจดหมายครั้งหนึ่ง หลินจินก็นึกภาพนักพรตลัทธิเต๋าเขียนสองบรรทัดอย่างสูงส่งด้วยพู่กันที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า

‘เขามีนิสัยเอาแต่ใจ แถมยังทะนงตนสูง’

หลินจินสัมผัสได้จากข้อความของเขา

หลินจินรู้ด้วยว่าเขาคือเป้าหมายของนักพรตลัทธิเต๋า

หลินจินเอื้อมมือออกไปหยิบพู่กันขนสีขาวทันที เขารู้สึกถึงคลื่นพลังงานที่ไหลออกมาจากมัน เหมือนกับก้อนกรวดที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ

เขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่น

มันไหลออกมาและล้อมรอบเมืองฉีหลงในคราวเดียว

"แย่แล้ว!"

หลินจินไม่คาดคิดว่านักพรตลัทธิเต๋าจะลอบโจมตีด้วยคาถาลึกลับบางอย่าง

ทันทีที่เขาหยิบพู่กันขึ้นมา สัตว์เลี้ยงทุกตัวในเมืองฉีหลง รวมถึงสัตว์บรรทุกที่ไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยพันธสัญญาโลหิต ต่างเริ่มคำรามพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ

จู่ ๆ พวกมันก็ถูกครอบงำด้วยความดุร้ายและความกระหายเลือด พวกมันสามารถเอาชนะความภักดีต่อเจ้าของของพวกมันได้

เมื่อพันธสัญญาโลหิตใช้การไม่ได้ และความกระหายเลือดของพวกมันถูกกระตุ้น สัญชาตญาณดั้งเดิมของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ก็เข้ามาแทนที่ทันที กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันพร้อมที่จะออกอาละวาดหลังจากนี้

บนโต๊ะใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยงสัตว์ร้ายก็กระโดดขึ้นมาและโจมตีเจ้าของทันที สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วเมืองฉีหลง

ใช้เวลาเพียงชั่ววินาทีเดียวกองเลือดเริ่มไหลนอง และผู้บาดเจ็บล้มกองพะเนินเทินทึก

นี่อาจเป็นเพียงกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชายชราที่ตั้งใจจะแสดงพลังของเขาต่อหน้าหลินจิน

หลินจินไม่สามารถปล่อยให้โศกนาฏกรรมนี้ดำเนินต่อไปได้ เขาต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายใช้คาถาควบคุมสัตว์วิเศษ

"ผูกมัด!"

หลินจินรวบรวมพลังวิญญาณของเขา และดีดนิ้วของเขาในเวลาต่อมา

เสียงที่คมชัดกระเพื่อมไปทั่วเมืองฉีหลง

ราวกับว่าพวกมันถูกไม้ค้ำยันไว้ตรงคอ เหล่าสัตว์วิเศษถูกผลักออกจากผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ภายในไม่กี่วินาที นี่เป็นทางออกเดียวที่หลินจินสามารถคิดได้เพื่อตอบโต้คาถาของนักพรตลัทธิเต๋า

'ผูกมัด' เป็นคาถาที่ผูกมัดสัตว์วิเศษทั้งหมดในพื้นที่หนึ่งโดยไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากทักษะกำราบสัตว์วิเศษไม่ได้ผลกับสัตว์ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของคาถาบ้าคลั่ง นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาเดียวที่หลินจินสามารถใช้ได้

ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว ตั้งแต่ตอนที่สัตว์เลี้ยงบ้าคลั่งไปจนถึงตอนที่พวกมันขยับตัวไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองฉีหลงไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจำนวนหนึ่งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้คือความล้มเหลวชั่วขณะของพันธสัญญาโลหิตของพวกเขา

บรรดาผู้ที่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็กระโดดหนีจากสัตว์วิเศษอื่น ๆ ทั้งหมด

คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สัตว์เลี้ยงได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นเพื่อนชีวิตที่ใกล้ชิดที่สุดของมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลที่เจ้าของจะหวาดระแวงกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา

หลังจากที่ใช้ผูกมัดเสร็จ หลินจินได้เปลี่ยนมาใช้ 'ขจัดคาถา' โดยยืมพลังอีกาทองคำของโกลดี้ หลินจินส่งคาถาผ่านเสียงเพื่อลบล้างคาถาบ้าคลั่งที่ทรมานสัตว์สัตว์เลี้ยงทุกตัวในเมืองฉีหลง

ตั้งแต่ต้นจนจบ การต่อสู้ที่ไร้เลือดนี้กินเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ถึงกระนั้น หากหลินจินช้าแม้สักเสี้ยววินาที เมืองฉีหลงก็จะต้องนองไปด้วยเลือด

“เฮ้! เจ้าได้ยินไหม? เสียงมันเหมือนไก่ขัน!”

“ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน แต่ไก่ขันเอาตอนนี้เหรอ? แล้วไก่ตัวนี้มันของใครกัน?”

“ข้าเพิ่งสูญเสียการควบคุมสัตว์เลี้ยงของข้าไปเมื่อกี้ แต่ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติหลังจากที่ไก่ขัน แปลกมาก มันเกิดอะไรขึ้น!?”

ผู้คนในเมืองฉีหลงเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน หลินจินก็มุ่งหน้าออกจากเมืองแล้ว แน่นอนว่าเขาได้ทำลายพุ่มไม้ด้วยเพลิงมังกร เผื่อว่าจะมีกับดักอีก

คนที่ทิ้งข้อความนั้นไว้ให้เขาเรียกตัวเองว่า 'นักพรตลัทธิเต๋า'

สำหรับหลินจิน ชายคนนี้ต้องเป็นผู้ประเมินชั้นยอดที่มีการระดับการฝึกฝนอันแกร่งกล้า จนสามารถวางกับดักที่ซับซ้อนเช่นนี้ให้กับหลินจินได้ หากเขาไม่มีความสามารถเพียงพอ หลินจินคงพ่ายแพ้ในการต่อสู้ที่โรงเตี๊ยมไปแล้ว

แม้ว่าหลินจินจะไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย แต่การเห็นสัตว์เลี้ยงหลายพันตัวบ้าคลั่งในเมืองฉีหลงย่อมส่งผลเสียต่อสภาพจิตของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าแย่กว่าการบาดเจ็บทางกายเสียอีก

นี่คือเหตุผลของหลินจินที่ได้ข้อสรุปว่า 'นักพรตลัทธิเต๋า' นี้เป็นยอดฝีมือ

‘ภูเขากู่คองงั้นเหรอ? ก็ได้ เนื่องจากคุณกำลังฉันอยู่ ฉันคงต้องไปพบคุณตามคำเชิญ’ หลินจินครุ่นคิด

ในที่สุด นกอินทรีของเขาก็ตามเขาทัน และมันกำลังวนเวียนอยู่เหนือเมืองฉีหลง หลินจินวางชางเอ๋อร์บนไหล่ และอุ้มโกลดี้ไว้ในอ้อมแขน หลังจากนั้น เขาก็ขึ้นบันไดเมฆและกระโดดขึ้นไปบนนกอินทรีก่อนที่พวกมันจะมุ่งหน้าไปทางใต้สู่ภูเขากู่คอง

บนหลังนกอินทรี หลินจินนึกย้อนสิ่งที่หวังตู้จื่อบอกเขา ในตอนนั้น เขาเจอกับวานรยักษ์ขาวในเมืองฉีหลงเมื่อสองวันก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากวางกับดักนี้แล้ว พวกเขาจะต้องรีบไปที่ภูเขากู่คองทันที

หากการคาดคะเนของหลินจินถูกต้อง สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะมีกับดัก เช่นกัน หรือมันอาจจะเป็นภูเขาเป็นฐานทัพของนักพรตลัทธิเต๋าคนนั้นด้วยซ้ำ

เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจปองร้ายหลินจิน เขายังได้ใช้กลอุบายที่ซับซ้อนกับหลินจิน นั่นทำให้หลินจินไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้

ถ้าเขาไม่ไป คงมีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับวานรยักษ์ขาว แม้ว่ามันจะหมายถึงการต้องผ่านนรก หลินจินก็จะมุ่งหน้าไปเพื่อช่วยเหลือเขา

ตามความเข้าใจของหลินจิน 'นักพรตลัทธิเต๋า' มีทักษะสูง ระดับการฝึกฝนของเขาจะต้องทัดเทียมกับพระอธิการของวัดต้าหลัว

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการประเมินสัตว์วิเศษ ชายคนนั้นอาจเป็นผู้ประเมินระดับสามหรืออาจจะเป็นระดับสี่ด้วยซ้ำ

โชคดีที่หลินจินมีไพ่ตายเป็นของเขาเอง

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ชางเอ๋อร์ได้รับการฟื้นฟูจากเกล็ดห้วงวารี ด้วยพลังวิญญาณธาตุน้ำหล่อเลี้ยงเส้นเลือดของเธอ และรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของเธอที่ได้รับความเสียหายจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

เธอไม่เพียงแต่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่เท่านั้น แต่การฝึกฝนของเธอก็ดีขึ้นอีกด้วย ขณะที่เธอพัฒนาจากระดับสี่เป็นระดับห้า ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชางเอ๋อร์ก็เพิ่มขึ้นสิบเท่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

ในความเป็นจริง ไม่มีอะไรหยุดเธอจากการกลายร่างเป็นมนุษย์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจงใจปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น บางทีเธออาจจะชอบให้หลินจินอุ้มไปรอบ ๆ เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอมากเกินไป หลินจินจึงตัดสินใจปล่อยเธอไป แต่เมื่อวานรยักษ์ขาวได้รับการช่วยเหลือแล้ว เขาจะหยุดตามใจเธอ

ถัดจากชางเอ๋อร์ ก็เป็นโกลดี้

โกลดี้บรรลุระดับสี่โดยไม่ได้ฝึกฝนรูปแบบพลังงานอสูรด้วยซ้ำ ความสำเร็จของมันขึ้นอยู่กับสายเลือดอีกาทองคำเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงระดับสี่ แต่ถ้าเจ้าไก่ถูกยั่วยุ แม้แต่พระอธิการจากวัดต้าหลัวก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้

นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ยังมีเสี่ยวฮั่ว

เมื่อพูดถึงเสี่ยวฮั่ว เจ้าหมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาเอง แต่ถึงอย่างนั้น ระดับพลังของมันกลับอยู่รั้งท้ายของคนอื่น ๆ มันอยู่ที่ระดับสี่เท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีกายาแห่งธรรม แต่เมื่อต้องต่อสู้แบบเผชิญหน้า เขาก็ไม่มีทางเอาชนะโกลดี้ที่มีสายเลือดอีกาทองคำได้

มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเสี่ยวฮั่ว เริ่มต้นด้วยจุดที่ต่ำกว่าคนอื่น ๆ และมันไม่ได้มีสายเลือดที่มีเอกลักษณ์ใด ๆ เหตุผลเดียวที่มันมาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะพิพิธภัณฑ์ของหลินจิน

ท้ายที่สุด มีหมาป่าอัคคีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เคยบรรลุระดับสี่ในโลกนี้ และหมาป่าอัคคีระดับห้าก็ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นเลย

ด้วยนกอินทรี พวกเขาเดินทางได้ไกลถึงหนึ่งพันไมล์ได้อย่างง่ายดายภายในสองชั่วโมง เมื่อเดินทางเป็นระยะทางไกลเช่นนี้ นกอินทรีก็หมดแรงอย่างน่าประหลาดใจ ดังนั้น หลินจินจึงตัดสินใจป้อนยาให้มันและทำการฝังเข็มบนมัน เพียงเพื่อให้แน่ใจว่ามันสามารถครอบคลุมการเดินทางช่วงสุดท้ายของพวกเขาได้

หลินจินไม่เคยไปทวีปทักษิณมาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงอากาศเขตร้อนชื้นที่เมืองฉีหลง และตอนนี้พวกเขามาถึงขอบภูเขากู่คองแล้ว หลินจินสัมผัสถึงสภาพอากาศที่ชื้นที่นี่ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากทวีปกลาสซี่ที่หนาวเย็นและรกร้าง

ด้านล่างมีภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ที่นี่ไม่มีผืนดินที่ว่างเปล่า มีแต่ต้นไม้และใบไม้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งความร้อนเพิ่มขึ้นในตอนกลางวันและน้ำค้างควบแน่นในเวลากลางคืน โดยเฉพาะภูเขากู่คองนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณนับไม่ถ้วนที่ยืนหยัดมานานนับพันปี แม้แต่คนในท้องถิ่นก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเข้าไปในป่าลึกเกินไป เพราะมันเต็มไปด้วยแมลงพิษ ด้วยความพลาดพลั้งแม้ครั้งเดียว มันก็อาจเป็นจุดจบของชีวิตคน ๆ หนึ่งได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด