ตอนที่แล้วChaper 1408 เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยถึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1410 ข้า! ไม่ใช่นมพิษ

Chapter 1409 ไม่เคยตาย อย่าได้เอ่ยถึงความเจ็บปวด


ศิษย์หลักของนิกายระดับเจิ้นที่เข้าร่วม ต่างก็ถูกมองว่าเป็นตัวเก็งในการแข่งขัน.

อย่างไรก็ตาม สามคนก่อนหน้ากับพ่ายแพ้ลู่เชียนเชียน เซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ไปเรียบร้อยแล้ว และยังดูเหมือนง่ายดายเป็นอย่างมาก.

ดังนั้น การแข่งขันของซุยอู่ชิงและเย่ซิงเฉินครั้งนี้ ไม่เพียงแค่การเข้ารอบถัดไป แต่ยังเป็นการรักษาศักดิ์ศรีนิกายระดับเจิ้นอีกด้วย!

“ศิษย์พี่ ต้องชนะ!”

“ศิษย์พี่ ต้องชนะ!”

ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นเวที ศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นที่ตะโกนเสียงดังลั่น.

ภายใต้เสียงเชียร์ที่ดังก้องทำให้เหล่าผู้ชมอีกหลายคนตะโกนลั่น“ซุนอู๋ชิงเอาชนะ! ซุยอู๋ชิงเอาชนะ!”

เสียงร้องที่ดังกระหึ่ม หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น.

“ชิ.”

เย่ซิงเฉินแค่นเสียง ก่อนจะก้าวออกจากอุโมงค์สนาม.

ซุยอู๋ชิงก็เช่นกัน ระหว่างทางเดิน ใบหน้าของเขาที่ไร้อารมณ์เอ่ยออกมาว่า“แม้นว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ข้าก็ไม่อ่อนแอหรอกนะ.”

“ขยะ.”

สองปีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำให้เย่ซิงเฉินรู้สึกดูแคลนเหล่าผู้โดดเด่น ส่วนเรื่องแพ้ซุนมู่เซิ่งนั่น....โทษทีนั่นมันอาหนิว ไม่ใช่ราชันย์รัตติกาล!

“การแข่งขัน เริ่มได้!”กรรมการตะโกน.

“ฟู่!”

“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”

สิ้นเสียง ซุนอู่ชิงที่โบกมือ ใบหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายที่เผยพลังมากล้นออกมา.

“ตัดสามอารมณ์เพื่อเพิ่มพลัง!”

“หึ หึ อายุยังน้อยกับแข็งแกร่งเพียงนี้ เด็กคนนี้จะต้องเป็นความหวังของนิกายจ้านชิงเจิ้นแน่นอน.”

“ไม่รู้ว่าสามอารมณ์ใดที่เขาตัดไป.”

ผู้คนที่พูดคุยกันไปมา.

นิกายจ้านชิงเจิ้นนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะมีวิชาที่สามารถตัดอารมณ์ทั้งเจ็ดได้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งเป็นเป็นพลังให้กับตัวเอง.

กล่าวได้ว่านิกายแห่งนี้ มีเป้าหมายเพื่อตัดอารมณ์ทั้งเจ็ดนั่นเอง.

เจ็ดอารมณ์หกปราถนา?

[七情六欲 7 อารมณ์ : ดีใจ โกรธ เศร้า สุข ทุกข์ กลัว กังวล 6 ปรารถนา : ความอยากจากการได้เห็น จากการได้ฟัง จากการได้กลิ่น จากการได้รส จากการได้มีความเห็น]

อารมณ์ของตัวเอง ยากที่คนอื่นจะมองเห็น.

ซุนอู่ชิงที่เป็นศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นตั้งแต่เด็ก ก้าวไปบนเส้นทางตัดอารมณ์ที่แท้จริง.

กล่าวได้ว่าแม้แต่ชื่อของตัวเองก็เป็นเจ้านิกายเป็นคนมอบให้ อธิบายได้ว่าเขาเป็นคนที่มีประสิทธิ์ภาพเป็นอย่างมาก.

ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเขา 15 ปีเขาตัดความดีใจ 20 ปี ตัดความโกรธและ 23 ปีตัดความเศร้า กล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เยาว์ที่สามารถตัดอารมณ์ได้เร็วที่สุดในนิกายก็ว่าได้.

ทุก ๆ ครั้งที่ตัดอารมณ์ พลังบ่มเพาะของซุยอู๋ชิงก็จะเพิ่มพูน ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดมันทำให้ชีวิตที่มีชีวิตชีวาของเขาได้หายไป.

แน่นอน.

ตัดไปสามอารมณ์.

ยังเหลืออีกสี่อารมณ์ ด้วยอารมณ์ที่เหลืออยู่ มันทำให้เขาดุร้ายขึ้น อารมณ์ที่เหลือทำให้เขากลายเป็นเหมือนกับสัตว์ร้าย.

ในเวลานี้ เขาที่ไร้ความดีใจ ไร้ซึ่งความเศร้า ไร้ซึ่งความโกรธ ทำให้ดูสุขุมเป็นอย่างมาก.

“น่าสนใจ.”

มุมปากของเย่ซิงเฉินที่ยกยิ้มขึ้น.

กล่าวได้ว่าคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้อ่อนแอจนเกินไป ทำให้ไม่พอให้เขาได้อุ่นเครื่องด้วยซ้ำ.

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้น ซุยอู่ชิงที่เคลื่อนไหว พลังตัดสามอารมณ์ที่ระเบิดออกมา ก่อรูปเป็นฝ่ามือปรากฏขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมกับโจมตีเข้ามาพร้อมกัน.

นี่คือการต่อสู้.

เขาจำเป็นต้องเอาจริง!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ฝ่ามือที่ลอยอยู่รอบ ๆ บางฝ่ามือหัวเราะ บางฝ่ามือร้องไห้ บางฝีมือ คำรามดังก้องความความโกรธ อบอวลไปทั่วสนาม!

“ระวังด้วย!”

ใครบางคนที่อุทานด้วยความตกใจ“สามอารมณ์ที่ตัดเป็นพลังมีอำนาจกัดกร่อนจิตใจและวิญญาณ!”

เหล่าผู้ชมที่โคจรพลังต้านทาน.

โชคดีที่อยู่ไกลพอ กลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นค่อนข้างอ่อนแอ พวกเขาจึงสามารถสกัดกั้นได้.

พลังสามอารมณ์...พลังที่มากล้นของอามณ์ทั้งสามที่แผ่ไปทั่ว ไม่รู้ว่าเย่ซิงเฉินทนได้ใหม?

“ตูมมมม!”

“ตูมมมม!”

ในเวลานั้น ฝ่ามืออากาศที่โจมตีเข้ามา.

เย่ซิงเฉินที่ยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย.

ซุยอู๋ชิงที่ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงไม่หลบ?”

“อ่อนแอมาก.”เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย.

“......”

ซุยอู๋ชิงที่ไม่ได้โกรธ เพราะว่าได้ตัดความโกรธไปแล้ว “ก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้ทักษะฝ่ามือวิญญาณสามอารมณ์ เมื่อสัมผัสถูกร่างกาย จิตวิญญาณของเจ้าจะถูกกัดกร่อนเจ็บปวดตายทั้งเป็น.”

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าเขา เอ่ยออกไปด้วยความเย็นชาว่า“เจ้าเคยเจ็บปวดตายทั้งเป็นแล้วอย่างงั้นรึ?”

เป็นความเร็วที่น่าทึ่ง!

“ฟู่!”

หมัดที่ง้างต่อยออกไป ได้ยินเสียงที่เย็นชาตามมาอีกครั้ง“ไม่เคยตายมาก่อน อย่าพูดถึงความเจ็บปวด.”

“ตูมมมมมมม!”

หมัดโลน ๆ แต่ซุนอู๋ชิงยากจะหลบได้ ถูกต่อยเข้าที่ท้อง ตัวงอเป็นกุ้งฝอย ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า.

เย่ซิงเฉินยกมือขึ้น ดันหน้าผากของอีกฝ่ายล้มหงายไปด้านหลังทันที.

“เย้ดเข้ ร้ายกาจมาก!”จุนซ่างเซียวถึงกับอุทานออกมาทันที.

“......”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ สนามกลายเป็นเงียบไปเช่นกัน.

นิกายระดับเจิ้นที่ไม่สามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ในที่สุด พ่ายแพ้อย่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก.

“เย่ซิงเฉินนิกายนิรันดร เข้าสู่รอบถัดไป!”

ได้ยินเสียงกรรมการประกาศ จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นหันหน้าไปยังคนระดับสูงนิกายจ้านชิงเจิ้น“ให้ข้าชนะแล้ว ท่านให้ข้าชนะแล้ว!”

“......”

ศิษย์เจิ้นเหรินตงกู่ช่างหน้าไม่อายชะมัด ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มออกมา เอ่ยออกไปว่า“ศิษย์นิกายท่านช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก น่าชื่นชม!”

ถึงจะโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจไม่เผยออกมาทางสีหน้า.

......

ซุยอู๋ชิงที่ถูกยกกลับที่พัก.

ในเวลานี้ บนเวทีการแข่งขันมีผู้แข่งขันแปดคน ห้าคนเป็นศิษย์นิกายนิรันดร ส่วนคนที่เหลือสามคนขาเริ่มสั่นไปแล้ว พวกเขาที่เข้ารอบมา ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะโชคล้วน ๆ.

โชคก็ถือว่าเป็นฝีมืออย่างหนึ่ง.

ยกตัวอย่างนิกายระดับเสวียนคนหนึ่งที่ไม่ได้พบกับศิษย์นิกายนิรันดรเลย จนทำให้เขามาถึงรอบนี่.

รอบถัดไป

เซียวจุ้ยจื่อพบหลี่ชิงหยาง ศิษย์พี่รอง ที่ก้าวถอยลงเวทีไปเองปล่อยเซียวจุ้ยจื่อเข้ารอบถัดไป.

ซูเซียวโม่พบลู่เชียนเชียน เป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่กระโดดลงเวทีด้วยตัวเอง.

และคู่ต่อสู้ของเย่ซิงเฉินที่อ่อนแอกว่าซุยอู๋ชิงซะอีก ดังนั้นจึงถูกจัดการอย่างง่ายดาย.

ด้วยเหตุนี้ บนสนามจึงเหลือคนเพียงสี่คนอย่างรวดเร็ว มีศิษย์นิกายนิรันดรถึงสามคน และมีศิษย์นิกายระดับเสวียนหนึ่งคน ที่โคตรโชคดีหลุดมาถึงรอบนี้ กลายเป็นหนึ่งในตำนานการแข่งขันไปแล้ว.

ทว่า.

ความโชคดีก็ได้หมดลงแล้ว!

“เย่ซิงเฉิน ปะทะ ตั้วโหลวเหมิง!”

“เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ ซูเซียวโม่!”

“จบสิ้นแล้ว!”

ตั้วโหลวหมิงที่กลายเป็นสิ้นหวังในทันที.

หากเจออีกสองคน ถึงแม้นว่าแพ้ก็ยังคงเหลือศักดิ์ศรีบ้าง แต่ตอนนี้กับพบกับเจ้าอสุรกาย เกรงว่าคงไม่จบที่พ่ายแพ้แน่ ดีไม่ดีอาจจะต้องนอนบนเตียงไปอีกหลายวัน.

เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอมาก ส่วนพวกเซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ก็ไม่คิดที่จะสู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นงานประลองการแข่งขันผู้ได้ชัยชนะครั้งนี้ก็คือเย่ซิงเฉินในที่สุด.

กล่าวได้ว่า.

งานประลองสุดยอดนิกายจบสิ้นลง เป็นเวทีสำหรับอาหนิวนั่นเอง.

......

งานพิธีรับรางวัล.

จุนซ่างเซียวที่รับศิลาเพลิงเมฆาโลหิตหยาง สองวิชายุทธ์และศิลาเสวียนหนึ่งล้าน พร้อมกับเผยยิ้ม “เจ้าเมืองเถา งานประลองสุดยอดนิกายจะจัดขึ้นทุกหนึ่งปีหรือไม่?”

“......”

ผู้คนที่ได้ยินต่างก็มุมปากกระตุก.

หรือว่าปีหน้านิกายนิรันดรก็จะเข้าร่วมรึไง!

เจ้าเมืองเถาเอ่ยอย่างอักอ่วน “อีกห้าปี.”

“โอ้ว.”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางผิดหวัง ยกมือประสานไปด้านหน้า “ขอลา.”

“ขอลา!”

ภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง โกวเซิ่งนำศิษย์ทั้งห้าเดินจากไป.

ขณะกลับพบคนของนิกายจ้านชิงเจิ้น ดังนั้นจึงได้จ้องมองไปยังซุยอู๋ชิงเอ่ยออกไปว่า“ปุถุชนหาใช่นักบวช โลกใบนี้นั้นโหดร้ายจะทิ้งอารมณ์ไปได้อย่างไร หากพบนิกายนิรันดรอีก เปิ่นจั้วจะสอนเรื่องอารมณ์ให้เอง.”

“เจ้านิกายจุน.”

คนระดับสูงที่ไม่สามารถทนได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านไม่หน้าหนาไปหน่อยรึ?!”

จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม ”ล้อเล่น ๆ อย่าได้จริงจัง.

จากนั้น เขาก็เตรียมนำศิษย์จากไป.

ซุยอู๋ชิงยกมือขึ้น กำหมัดแน่น เอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกายจุน รอให้ข้าตัดเจ็ดอารมณ์แล้ว จะไปเยือนนิกายนิรันดร!”

“เจ้านะรึ?”

......

“ติ๊ง! ศิษย์เย่ซิงเฉินชนะเลิศสุดยอดนิกายเมืองเซี่ยงเหวย ศิษย์เซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ได้ที่สองและสาม ได้รับคะแนนชื่อเสียงนิกาย 100 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนชื่อเสียงนิกาย : 100.”

ขณะออกจากเมือง เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้น ทำให้จุนซ่างเซียวแทบตะโกนออกมาไม่ได้ “มารดาเถอะ ในที่สุดก็รู้วิธีได้รับคะแนนชื่อเสียงแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด