Chapter 1409 ไม่เคยตาย อย่าได้เอ่ยถึงความเจ็บปวด
ศิษย์หลักของนิกายระดับเจิ้นที่เข้าร่วม ต่างก็ถูกมองว่าเป็นตัวเก็งในการแข่งขัน.
อย่างไรก็ตาม สามคนก่อนหน้ากับพ่ายแพ้ลู่เชียนเชียน เซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ไปเรียบร้อยแล้ว และยังดูเหมือนง่ายดายเป็นอย่างมาก.
ดังนั้น การแข่งขันของซุยอู่ชิงและเย่ซิงเฉินครั้งนี้ ไม่เพียงแค่การเข้ารอบถัดไป แต่ยังเป็นการรักษาศักดิ์ศรีนิกายระดับเจิ้นอีกด้วย!
“ศิษย์พี่ ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่ ต้องชนะ!”
ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นเวที ศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นที่ตะโกนเสียงดังลั่น.
ภายใต้เสียงเชียร์ที่ดังก้องทำให้เหล่าผู้ชมอีกหลายคนตะโกนลั่น“ซุนอู๋ชิงเอาชนะ! ซุยอู๋ชิงเอาชนะ!”
เสียงร้องที่ดังกระหึ่ม หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น.
“ชิ.”
เย่ซิงเฉินแค่นเสียง ก่อนจะก้าวออกจากอุโมงค์สนาม.
ซุยอู๋ชิงก็เช่นกัน ระหว่างทางเดิน ใบหน้าของเขาที่ไร้อารมณ์เอ่ยออกมาว่า“แม้นว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ข้าก็ไม่อ่อนแอหรอกนะ.”
“ขยะ.”
สองปีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำให้เย่ซิงเฉินรู้สึกดูแคลนเหล่าผู้โดดเด่น ส่วนเรื่องแพ้ซุนมู่เซิ่งนั่น....โทษทีนั่นมันอาหนิว ไม่ใช่ราชันย์รัตติกาล!
“การแข่งขัน เริ่มได้!”กรรมการตะโกน.
“ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
สิ้นเสียง ซุนอู่ชิงที่โบกมือ ใบหน้าไร้อารมณ์ ร่างกายที่เผยพลังมากล้นออกมา.
“ตัดสามอารมณ์เพื่อเพิ่มพลัง!”
“หึ หึ อายุยังน้อยกับแข็งแกร่งเพียงนี้ เด็กคนนี้จะต้องเป็นความหวังของนิกายจ้านชิงเจิ้นแน่นอน.”
“ไม่รู้ว่าสามอารมณ์ใดที่เขาตัดไป.”
ผู้คนที่พูดคุยกันไปมา.
นิกายจ้านชิงเจิ้นนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะมีวิชาที่สามารถตัดอารมณ์ทั้งเจ็ดได้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งเป็นเป็นพลังให้กับตัวเอง.
กล่าวได้ว่านิกายแห่งนี้ มีเป้าหมายเพื่อตัดอารมณ์ทั้งเจ็ดนั่นเอง.
เจ็ดอารมณ์หกปราถนา?
[七情六欲 7 อารมณ์ : ดีใจ โกรธ เศร้า สุข ทุกข์ กลัว กังวล 6 ปรารถนา : ความอยากจากการได้เห็น จากการได้ฟัง จากการได้กลิ่น จากการได้รส จากการได้มีความเห็น]
อารมณ์ของตัวเอง ยากที่คนอื่นจะมองเห็น.
ซุนอู่ชิงที่เป็นศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นตั้งแต่เด็ก ก้าวไปบนเส้นทางตัดอารมณ์ที่แท้จริง.
กล่าวได้ว่าแม้แต่ชื่อของตัวเองก็เป็นเจ้านิกายเป็นคนมอบให้ อธิบายได้ว่าเขาเป็นคนที่มีประสิทธิ์ภาพเป็นอย่างมาก.
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเขา 15 ปีเขาตัดความดีใจ 20 ปี ตัดความโกรธและ 23 ปีตัดความเศร้า กล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้เยาว์ที่สามารถตัดอารมณ์ได้เร็วที่สุดในนิกายก็ว่าได้.
ทุก ๆ ครั้งที่ตัดอารมณ์ พลังบ่มเพาะของซุยอู๋ชิงก็จะเพิ่มพูน ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดมันทำให้ชีวิตที่มีชีวิตชีวาของเขาได้หายไป.
แน่นอน.
ตัดไปสามอารมณ์.
ยังเหลืออีกสี่อารมณ์ ด้วยอารมณ์ที่เหลืออยู่ มันทำให้เขาดุร้ายขึ้น อารมณ์ที่เหลือทำให้เขากลายเป็นเหมือนกับสัตว์ร้าย.
ในเวลานี้ เขาที่ไร้ความดีใจ ไร้ซึ่งความเศร้า ไร้ซึ่งความโกรธ ทำให้ดูสุขุมเป็นอย่างมาก.
“น่าสนใจ.”
มุมปากของเย่ซิงเฉินที่ยกยิ้มขึ้น.
กล่าวได้ว่าคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้อ่อนแอจนเกินไป ทำให้ไม่พอให้เขาได้อุ่นเครื่องด้วยซ้ำ.
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น ซุยอู่ชิงที่เคลื่อนไหว พลังตัดสามอารมณ์ที่ระเบิดออกมา ก่อรูปเป็นฝ่ามือปรากฏขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ พร้อมกับโจมตีเข้ามาพร้อมกัน.
นี่คือการต่อสู้.
เขาจำเป็นต้องเอาจริง!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ฝ่ามือที่ลอยอยู่รอบ ๆ บางฝ่ามือหัวเราะ บางฝ่ามือร้องไห้ บางฝีมือ คำรามดังก้องความความโกรธ อบอวลไปทั่วสนาม!
“ระวังด้วย!”
ใครบางคนที่อุทานด้วยความตกใจ“สามอารมณ์ที่ตัดเป็นพลังมีอำนาจกัดกร่อนจิตใจและวิญญาณ!”
เหล่าผู้ชมที่โคจรพลังต้านทาน.
โชคดีที่อยู่ไกลพอ กลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นค่อนข้างอ่อนแอ พวกเขาจึงสามารถสกัดกั้นได้.
พลังสามอารมณ์...พลังที่มากล้นของอามณ์ทั้งสามที่แผ่ไปทั่ว ไม่รู้ว่าเย่ซิงเฉินทนได้ใหม?
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
ในเวลานั้น ฝ่ามืออากาศที่โจมตีเข้ามา.
เย่ซิงเฉินที่ยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย.
ซุยอู๋ชิงที่ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงไม่หลบ?”
“อ่อนแอมาก.”เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
“......”
ซุยอู๋ชิงที่ไม่ได้โกรธ เพราะว่าได้ตัดความโกรธไปแล้ว “ก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้ทักษะฝ่ามือวิญญาณสามอารมณ์ เมื่อสัมผัสถูกร่างกาย จิตวิญญาณของเจ้าจะถูกกัดกร่อนเจ็บปวดตายทั้งเป็น.”
“ฟิ้ว!”
เย่ซิงเฉินที่มาปรากฏตัวที่ด้านหน้าเขา เอ่ยออกไปด้วยความเย็นชาว่า“เจ้าเคยเจ็บปวดตายทั้งเป็นแล้วอย่างงั้นรึ?”
เป็นความเร็วที่น่าทึ่ง!
“ฟู่!”
หมัดที่ง้างต่อยออกไป ได้ยินเสียงที่เย็นชาตามมาอีกครั้ง“ไม่เคยตายมาก่อน อย่าพูดถึงความเจ็บปวด.”
“ตูมมมมมมม!”
หมัดโลน ๆ แต่ซุนอู๋ชิงยากจะหลบได้ ถูกต่อยเข้าที่ท้อง ตัวงอเป็นกุ้งฝอย ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า.
เย่ซิงเฉินยกมือขึ้น ดันหน้าผากของอีกฝ่ายล้มหงายไปด้านหลังทันที.
“เย้ดเข้ ร้ายกาจมาก!”จุนซ่างเซียวถึงกับอุทานออกมาทันที.
“......”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ สนามกลายเป็นเงียบไปเช่นกัน.
นิกายระดับเจิ้นที่ไม่สามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ในที่สุด พ่ายแพ้อย่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก.
“เย่ซิงเฉินนิกายนิรันดร เข้าสู่รอบถัดไป!”
ได้ยินเสียงกรรมการประกาศ จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นหันหน้าไปยังคนระดับสูงนิกายจ้านชิงเจิ้น“ให้ข้าชนะแล้ว ท่านให้ข้าชนะแล้ว!”
“......”
ศิษย์เจิ้นเหรินตงกู่ช่างหน้าไม่อายชะมัด ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงยิ้มออกมา เอ่ยออกไปว่า“ศิษย์นิกายท่านช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก น่าชื่นชม!”
ถึงจะโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจไม่เผยออกมาทางสีหน้า.
......
ซุยอู๋ชิงที่ถูกยกกลับที่พัก.
ในเวลานี้ บนเวทีการแข่งขันมีผู้แข่งขันแปดคน ห้าคนเป็นศิษย์นิกายนิรันดร ส่วนคนที่เหลือสามคนขาเริ่มสั่นไปแล้ว พวกเขาที่เข้ารอบมา ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะโชคล้วน ๆ.
โชคก็ถือว่าเป็นฝีมืออย่างหนึ่ง.
ยกตัวอย่างนิกายระดับเสวียนคนหนึ่งที่ไม่ได้พบกับศิษย์นิกายนิรันดรเลย จนทำให้เขามาถึงรอบนี่.
รอบถัดไป
เซียวจุ้ยจื่อพบหลี่ชิงหยาง ศิษย์พี่รอง ที่ก้าวถอยลงเวทีไปเองปล่อยเซียวจุ้ยจื่อเข้ารอบถัดไป.
ซูเซียวโม่พบลู่เชียนเชียน เป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่กระโดดลงเวทีด้วยตัวเอง.
และคู่ต่อสู้ของเย่ซิงเฉินที่อ่อนแอกว่าซุยอู๋ชิงซะอีก ดังนั้นจึงถูกจัดการอย่างง่ายดาย.
ด้วยเหตุนี้ บนสนามจึงเหลือคนเพียงสี่คนอย่างรวดเร็ว มีศิษย์นิกายนิรันดรถึงสามคน และมีศิษย์นิกายระดับเสวียนหนึ่งคน ที่โคตรโชคดีหลุดมาถึงรอบนี้ กลายเป็นหนึ่งในตำนานการแข่งขันไปแล้ว.
ทว่า.
ความโชคดีก็ได้หมดลงแล้ว!
“เย่ซิงเฉิน ปะทะ ตั้วโหลวเหมิง!”
“เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ ซูเซียวโม่!”
“จบสิ้นแล้ว!”
ตั้วโหลวหมิงที่กลายเป็นสิ้นหวังในทันที.
หากเจออีกสองคน ถึงแม้นว่าแพ้ก็ยังคงเหลือศักดิ์ศรีบ้าง แต่ตอนนี้กับพบกับเจ้าอสุรกาย เกรงว่าคงไม่จบที่พ่ายแพ้แน่ ดีไม่ดีอาจจะต้องนอนบนเตียงไปอีกหลายวัน.
เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอมาก ส่วนพวกเซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ก็ไม่คิดที่จะสู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นงานประลองการแข่งขันผู้ได้ชัยชนะครั้งนี้ก็คือเย่ซิงเฉินในที่สุด.
กล่าวได้ว่า.
งานประลองสุดยอดนิกายจบสิ้นลง เป็นเวทีสำหรับอาหนิวนั่นเอง.
......
งานพิธีรับรางวัล.
จุนซ่างเซียวที่รับศิลาเพลิงเมฆาโลหิตหยาง สองวิชายุทธ์และศิลาเสวียนหนึ่งล้าน พร้อมกับเผยยิ้ม “เจ้าเมืองเถา งานประลองสุดยอดนิกายจะจัดขึ้นทุกหนึ่งปีหรือไม่?”
“......”
ผู้คนที่ได้ยินต่างก็มุมปากกระตุก.
หรือว่าปีหน้านิกายนิรันดรก็จะเข้าร่วมรึไง!
เจ้าเมืองเถาเอ่ยอย่างอักอ่วน “อีกห้าปี.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางผิดหวัง ยกมือประสานไปด้านหน้า “ขอลา.”
“ขอลา!”
ภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง โกวเซิ่งนำศิษย์ทั้งห้าเดินจากไป.
ขณะกลับพบคนของนิกายจ้านชิงเจิ้น ดังนั้นจึงได้จ้องมองไปยังซุยอู๋ชิงเอ่ยออกไปว่า“ปุถุชนหาใช่นักบวช โลกใบนี้นั้นโหดร้ายจะทิ้งอารมณ์ไปได้อย่างไร หากพบนิกายนิรันดรอีก เปิ่นจั้วจะสอนเรื่องอารมณ์ให้เอง.”
“เจ้านิกายจุน.”
คนระดับสูงที่ไม่สามารถทนได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านไม่หน้าหนาไปหน่อยรึ?!”
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม ”ล้อเล่น ๆ อย่าได้จริงจัง.
จากนั้น เขาก็เตรียมนำศิษย์จากไป.
ซุยอู๋ชิงยกมือขึ้น กำหมัดแน่น เอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกายจุน รอให้ข้าตัดเจ็ดอารมณ์แล้ว จะไปเยือนนิกายนิรันดร!”
“เจ้านะรึ?”
......
“ติ๊ง! ศิษย์เย่ซิงเฉินชนะเลิศสุดยอดนิกายเมืองเซี่ยงเหวย ศิษย์เซียวจุ้ยจื่อและซูเซียวโม่ได้ที่สองและสาม ได้รับคะแนนชื่อเสียงนิกาย 100 แต้ม.”
“ติ๊ง! คะแนนชื่อเสียงนิกาย : 100.”
ขณะออกจากเมือง เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้น ทำให้จุนซ่างเซียวแทบตะโกนออกมาไม่ได้ “มารดาเถอะ ในที่สุดก็รู้วิธีได้รับคะแนนชื่อเสียงแล้ว!”