Chapter 1407 เพียงแลมองก็สั่นสะท้าน
เมืองเซี่ยงเหว่ยนั้นมีค่ายกลห้ามบิน ยกเว้นนิกายระดับเจิ้น ขณะนิกายจิวหยวนเจิ้นบินข้ามไป ด้วยของวิเศษบินได้ ก็ทำให้ผู้คนอิจฉาขึ้นมาทันที.
เหล่าคนนิกายจิวหยวนเจิ้นเองก็รู้สึกพึงใจเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความอหังการ.
น่าเสียดาย ต่อหน้าจุนซ่างเซียวที่ไล่หลังมา เรือรบลำใหญ่ ไม่เพียงแค่กลบความโดดเด่นของพวกเขาไป ยังทำให้กลายเป็นที่สนใจต่อผู้คนจำนวนมากกว่าอีกด้วย.
ตัวตนแบบใด? สถานะใดอย่างงั้นรึ?
พลังอำนาจที่น่าพรั่นพรึงของเรือรบตงกู่ที่แผ่ออกมานั้น ดูน่าเกรงขามแม้แต่อยู่ไกลออกมาสิบลี้ ไม่ต้องบอกว่ามันผลาญศิลาเสวียนไปหลายหมื่นแล้ว.
ความน่าเกรงขามนี้ ใครจะกล้าปฏิเสธ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่จับจ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน.
แม้นว่าจะไม่สนใจ แต่เพราะแรงกดดันที่น่าเกรงขามของเรือรบตงกู่ พวกเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้น ไม่ต้องบอกเลยว่านี่คือการปรากฏตัวของศิษย์สายตรงเจิ้นเหรินตงกู่!
โดยเฉพาะเชื่อเสียงของอีกฝ่ายเมื่อสองปีที่แล้ว ชาวยุทธ์ทุกคนต่างก็ได้ยิน เวลานี้ได้เห็นตัวจริงแล้ว บุรุษที่หล่อเหลาบนดาดฟ้าเรือ ไม่ต้องคาดเดาเลยว่านั่นก็คือเจ้านิกายนิรันดร.
ย้อนกลับไปเมื่ออยู่ที่พิภพเบื้องล่าง โกวเซิ่งที่ท้าทายนิกายเซิ่งคุน ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วหล้า เพราะแสดงความสามารถต่อผู้คนทั่วโลกนั่นเอง.
ตอนนี้ถึงจะมาถึงพิภพเบื้องบนไม่กี่ปี ก็เป็นที่รู้จักต่อผู้คนไม่น้อย.
แม้นว่าจะไม่ใช่ชื่อเสียงที่มาจากเขา ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของนิกายและศิษย์ แต่เป็นชื่อของเขาที่ได้มาจากอาจารย์ต่างหาก!
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ที่ตำแหน่งเจ้าเมือง มีริ้วแสงหลายสายที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว.
เจ้าเมืองเซี่ยงเหว่ยนามเถาเหรินยวี ที่ลอยอยู่บนอากาศ ยกมือประสาน“เจ้านิกายจุนแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยม เมืองเล็ก ๆ ของพวกเรายินดีต้อนรับ!”
“เฮ้ย!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ“แม้แต่เจ้าเมืองออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย!”
“อย่าลืมสิ นั่นมันศิษย์สายตรงเจิ้นเหรินตงกู่ แม้แต่นิกายระดับเต๋ายังต้องต้อนรับอย่างสมเกียรติเลย!”
ใบหน้าของยอดฝีมือนิกายจิวหยวนเจิ้นถึงกับกลายเป็นเหรอหราขึ้นมาเล็กน้อย.
เวลานี้พวกเขาดูธรรมดาไปเลย ต่อหน้าเจ้าเมืองที่ออกมาต้อนรับอีกฝ่าย.
หากเป็นคนอื่น พวกเขาจะต้องรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม นิกายจิวหยวนเจิ้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะสถานะที่สูงส่งของอีกฝ่าย มีคุณสมบัติให้เจ้าเมืองออกมาต้อนรับจริง ๆ.
ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนใหนกล้าดูแคลน ไม่มีนิกายใหนกล้ากล่าวหยัน การมาเข้าร่วมงานประลองสุดยอดนิกายครั้งนี้ โกวเซิ่งได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุด.
“โอ้ว?”
จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางประหลาดใจ“เจ้ารู้จักเปิ่นจั้วด้วยรึ?”
“.....”ระบบที่พูดไม่ออกจริง ๆ.
นำเรือรบจงใจแสดงสถานะขนาดนั้นออกมา ตอนนี้ยังวางท่าอีก ต้องหน้าหนาขนาดใหนกัน?
เจ้าเมืองเถาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้านิกายจุนนำนิกายข้ามผ่านค่ายกลสายฟ้าหมื่นทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมาเบื้องบน ทั่วทั้งพิภพเบื้องบนไม่มีใครไม่รู้จัก พวกเราจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน.”
เป็นธรรมดาเขาที่ต้องกล่าวประจบจุนซ่างเซียวสักเล็กน้อย.
กล่าวให้ถูก ทุกคนล้วนแต่รู้จักเจิ้นเหรินตงกู่ต่างหาก พวกเขาจะกล้าละเลยศิษย์ของอีกฝ่ายได้อย่างไร.
“โชคดี เพียงแค่โชคดีเท่านั้น.”
จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างถ่อมตน ขณะนำเรือมาหยุดที่ใจกลางเมือง.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์คนอื่น ๆ ที่กระโดดลงมา.
เจ้าเมืองเถาที่เห็นและเอ่ยถามออกมา“บางทีเจ้านิกายจุนคงนำนิกายมาเข้าร่วมงานสุดยอดนิกายอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวที่เก็บเรือเหาะเข้าไปในแหวนมิติ พร้อมกับยกมือประสานไปด้านหน้า“ลงทะเบียนที่ใหนรึ?”
เจ้าเมืองเถาเผยด้วยรอยยิ้ม “เมืองเซี่ยงเหว่ยที่กำลังจัดงานประลองสุดยอดนิกาย เถาโหมวในฐานเจ้าเมือง ขอเชิญที่ตำหนักเจ้าเมืองได้เลย แล้วเถาโหมวจะจัดการลงทะเบียนให้กับเจ้านิกายจุนเอง.”
“โอ้ว?”
จุนซ่างเซียวที่เร่งรีบยกมือประสานไปด้านหน้า “แท้จริงเป็นเจ้าเมืองเถานี่เอง เสียมารยาท เสียมารยาทแล้ว!”
ทั้งสองที่พูดคุยกันอย่างถูกคอ.
จุนซ่างเซียวที่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นต้องไปหาที่พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปยังตำหนักเจ้าเมืองเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงานประลองอย่างเป็นทางการ.
“เจ้านิกายจุน.”
เจ้าเมืองเถาเร่งรีบเอ่ยกล่าวออกมา“เถาโหมวได้จัดที่พักให้ท่านและศิษย์แล้ว หากไม่รังเกียจ โปรดตามข้ามาเถอะ.”
“รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก.”
ไม่ต้องเอยกล่าวอะไรต่อ จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ตามอีกฝ่ายไปในทันที.
ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรเสียหาย.
เจ้าเมืองที่จัดที่พักส่วนตัวให้กับเขา เป็นสวนที่มีห้องหลายห้อง สภาพแวดล้อมไม่เลวทีเดียว.
กล่าวได้ว่าเหล่านิกายที่เข้าร่วมงานประลอง ไม่มีโอกาสได้ใช้ตำหนักเจ้าเมือง ทำให้หลาย ๆ คนรับรู้ รู้สึกสึกอิจฉาเป็นอย่างมาก.
“มีผู้สนับสนุนดีก็ยอดเยี่ยมอย่างนี้.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้อง พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ.
มีเบื้องหลังที่น่าเกรงขาม ก็ไม่มีใครเดินสุ่มสี่สุ่มห้ามาหาเรื่อง แม้แต่ออกไปซื้อของ เหล่าชาวยุทธ์ก็จ้องมองอย่างห่าง ๆ ไม่มีใครกล้าที่จะมายั่วยุเขาด้วย.
เขาที่พักที่แห่งนี้มาหลายวัน จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาเนือย ๆ ”รู้สึกเบื่อจริง ๆ.
เพราะไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องโกวเซิ่ง แต่ละคนที่ดูหวั่นเกรงเขาอยู่ไม่น้อย ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก.
และวันประลองก็มาถึง
ดวงตะวันสาดแสงแรงกล้าส่องสว่างเจิดจรัสแผ่ขจายไปทั่วเมือง เป็นเช้าที่อากาศสดใสเป็นอย่างมาก.
บนสนามประลองเมืองเซี่ยงเหว่ยทางทิศใต้ ผู้ชมที่มาชมการประลองการต่อสู้กันเต็มที่นั่ง.
จุนซ่างเซียวที่ได้รับที่นั่งบนพื้นที่แขกผู้ทรงเกียรติ ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เหล่าเจ้านิกายใหญ่ที่มาถึงต่างก็ยกมือประสานทักทายเจ้านิกายจุนกันไม่หยุด.
ไม่สิ!
เหมือนว่ามีคนหนึ่ง.
กำลังดูแคลนเขา หรือว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่!
“หืม?”
ในเวลานั้น จุนซ่างเซียวพบว่าที่นั่งด้านหน้ามีชายชราที่ยังคงนั่งอยู่ ท่าทีไม่สนใจโลกเลย คาดว่ามีตำแหน่งใหญ่โตแน่ ๆ ดังนั้นจึงได้โอกาสเอ่ยแสดงความสุภาพกล่าวด้วยความเคาพออกไปเล็กน้อย “ผู้ยอดเยี่ยมนี้คือ?”
ชายชราที่เผยยิ้มยกมือประสานมาทางด้านหน้า “ข้าเส้าซินเฟิง เพราะว่าบาดเจ็บที่ขาไม่สามารถลุกได้ ต้องขออภัยเจ้านิกายจุนด้วย!”
“.....”
จุนซ่างเซียวแทบล้มไปด้านหน้า.
นึกว่าเป็นเจ้านิกายที่ยิ่งใหญ่ที่ใหน ถึงไม่ลุกขึ้นทักทายเขา แท้จริงก็ป่วยนี่นา เพ่ย อุตส่าห์แสดงท่าทางเคารพเป็นอย่างมาก โดนหักหน้าจัง ๆ เลย!
......
เวทีการแข่งขัน.
เหล่านิกายต่าง ๆ ที่เข้าร่วม ล้วนแต่พร้อมที่จะต่อสู้กันทั้งนั้น.
เหล่านิกายใหญ่ที่ต่างก็มั่นใจเต็มเปี่ยม แม้นรู้ว่านิกายนิรันดรเข้าร่วม ทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเพิ่งขึ้นมายังพิภพเบื้องบน มีเพียงแค่อาจารย์เจ้านิกายเท่านั้นที่พวกเขาหวั่นเกรง.
เป็นความจริง.
นี่คือการแข่งขันสุดยอดนิกาย ไม่ได้วัดกันที่สถานะใด ๆ ไม่ได้วัดที่พื้นหลัง แต่วัดที่ความแข็งแกร่งล้วน ๆ.
พื้นที่นิกายจ้านชิงเจิ้น.
พวกเขามีศิษย์เข้าร่วมราว ๆ 20 คน แต่ละคนที่เผยยิ้มอย่างมั่นใจ“งานประลองสุดยอดนิกาย ศิษย์พี่ใหญ่ต้องได้ที่หนึ่งแน่!”
“ใช่แล้ว!”
คนกลุ่มนี้แน่นอนว่าคือกลุ่มก่อนหน้านี้.
คือกลุ่มคนที่พบเย่ซิงเฉินขณะออกมาหาประสบการณ์ก่อนหน้านี้นะเอง.
“อีกสามนิกายที่มีระดับเจิ้นคงส่งคนมีฝีมือเข้าร่วมเช่นกัน งานประลองนี้ข้าจะตั้งใจเต็มที่.”ศิษย์พี่ใหญ่ที่กล่าวอย่างจริงจัง.
ไม่อหังการ เต็มไปด้วยความระมัดระวัง.
การประลองระดับนี้ไม่สามารถประมาทได้จริง ๆ!
อย่างไรก็ตาม.
ในเวลานั้นพวกเขาคงไม่คาดคิดไม่ฝัน ในอีกกลุ่มพื้นที่ หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อ และคนอื่น ๆ ที่กำลังอบอุ่นร่างกาย แววตาของอีกฝ่ายนั่นคมกล้า ดูไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง.
......
“เตรียมตัว!”
บนเวทีการแข่งขัน เจ้าเมืองเถาที่ประกาศเสียงดัง “เหล่านิกายที่เข้าร่วม ขอให้ศิษย์ทุกคนเข้าสนาม!”
“ท้ายที่สุดก็เริ่มแล้ว!”
ซูเซียวโม่ที่เหยียดขา มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นมา.
“ไป.”
ลู่เชียนเชียนนำทุกคนก้าวออกจากอุโมงค์แข่งขัน ก้าวสู่พื้นทีข้างสนาม ปรากฏต่อเหล่าผู้ชม.
เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากอุโมงค์อื่นก็ออกมาเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน คนกลุ่มหนึ่งที่จับจ้องมองมายังพื้นที่นิกายนิรันดรด้วยความสงสัย ว่าพวกเขาแตกต่างกันขนาดไหน?
“ศิษย์พี่!”
ศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นคนหนึ่งชี้ไปยังเย่ซิงเฉิน เอ่ยด้วยความตกใจ “เป็นเขา!”
สายตาของทุกคนที่จ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน อีกฝ่ายที่เผยใบหน้าอหังการและเย็นชา คนที่สังหารสัตว์ร้ายหนึ่งแกนในทันทีที่ในป่าทึบ พวกเขาที่จำได้ไม่ลืม.
“เอ๊ะ!”
“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้านั่นจะเป็นศิษย์นิกายนิรันดร!”
เหล่าผู้เข้าร่วมแข่งขันนิกายจ้านชิงเจิ้นถึงกับหวาดหวั่นขึ้นมาทันที.
ศิษย์คนหนึ่งกระซิบข้างหูศิษย์พี่ใหญ่เสียงเบา “เจ้าคนนั้น แม้นว่าจะไม่มีกลิ่นอายปรากฏ ทว่าข้าบอกได้เลย ความแข็งแกร่งเขาไม่ธรรมดา!”
“หืม?”
กลุ่มคนที่บังเอิญเห็นเย่ซิงเฉินระห่างทางต่างก็จับจ้องมองเย่ซิงเฉินเป็นสายตาเดียวกัน ทำให้เย่ซิงเฉินขมวดคิ้วจ้องมองกลับไป ทำให้ศิษย์นิกายจ้านชิงเจิ้นหลบสายตาในทันที.
เพียงแค่แววตา ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายเลย.
นี่คือราชันย์รัตติกาล นี่คืออาหนิว!