Chapter 1403 งานประลองสุดยอดนิกาย
สองปีผ่านไปไวจริง ๆ.
อย่างไรก็ตาม จุนซ่างเซียวเพราะภารกิจมหากาพย์สะกด ทำให้เขามีระดับหนึ่งแกนหมุนไม่พัฒนาเลย เป็นอะไรที่บัดซบเล็กน้อย.
วิถียุทธ์ให้น้ำหนักในความแข็งแกร่ง ทว่าความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ก็สำคัญเช่นกัน ดังนั้นแม้นว่าโกวเซิ่งจะยังไม่ยกระดับ ทว่าสองปีมานี้การฝึกฝนของเจิ้นเหรินตงกู่ก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์.
โดยเฉพาะเจิ้นเหรินชิงเยว่และยอดฝีมืออีกหลายคนที่แวะเวียนมาหาอยู่เป็นครั้งราว โกวเซิ่งที่รับหน้าที่เสิร์ฟน้ำชา ซึ่งก็ได้รับผลประโยชน์มาไม่น้อยเช่นกัน.
โดยเฉพาะเขาที่เป็นมือใหม่ ในแต่ละวันได้ยินการพูดคุยของเหล่ายอดฝีมือระดับค้นหาความจริง เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่มีทางที่จะได้รับมา.
นี่คือตัวตนระดับใด?
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาจากถ้ำสวรรค์จื่อเต๋า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั้นคุ้นเคยกับสุดยอดฝีมือเหล่านั้นไปแล้ว.
ข้าและเจิ้นเหรินตงกู่เป็นศิษย์และอาจารย์ ข้าและเจิ้นเหรินฉีเยว่เคยเดินหมากด้วยกัน ข้าและเหล่าปราชญ์เจ็ดเมฆาเคยพูดคุยสนทนากัน.
สุดยอดฝีมือหมุนแกนในพิภพเบื้องบน ใครมันจะยอดเยี่ยมเท่าข้ากัน.
ไม่มี ไม่มีเลย.
เหล่าสุดยอดฝีมือเร้นกายเหล่านี้ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเลย แม้แต่นิกายใหญ่ยังยากจะได้พบด้วยซ้ำ.
กล่าวได้ว่าจุนซ่างเซียวเวลานี้ ได้สร้างเส้นสายที่ไม่ธรรมดาขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว.
สิ่งสำคัญที่สุด เขายังได้ร่ำเรียนทักษะยุทธ์จากเจิ้นเหรินตงกู่และเจินเหรินฉีเยว่มาไม่น้อย แม้นว่าระดับพลังบ่มเพาะยังไม่เพิ่ม ทว่าวิชาที่ได้รับก็เต็มไปด้วยวิชาที่พิเศษเป็นอย่างมาก.
สองปีที่แล้ว เขาที่ถูกกลุ่มชาติพันธ์รุมล้อม เกือบที่จะบ้านแตกซะแล้ว.
สองปีหลังจากนี้ ข้าที่เข้มงวดกับตัวเองเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคและลบล้างการถูกหยามเกียรติ ข้าผู้แบกเกียรติของกองทหารเดนตาย โค้ดเนม โกวเซิ่ง ถึงเวลากลับมาทวงเกียรติยศ นักสู้ผู้สร้างตัว คนรวยรุ่นสอง จากตระกูลโบราณ ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย!
ระบบที่ร้องตะโกน “ผิดเรื่องแล้ว นั่นมันละครเมืองมายาแล้ว!”
“ตงกู่.”
เจิ้นเหรินฉีเย่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าถ้ำสวรรค์จื่อเต๋าเอ่ยออกมาว่า“ความเข้าใจของศิษย์เจ้าสูงมาก ชีวิตนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ในอนาคตจะต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง สามารถคาดหวังได้จริง ๆ.”
“ฟู่!”
ควันที่ลอยเป็นวง ปู้น ๆ.
ในมือของเขาที่คีบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งได้มาจากนำวิชายุทธ์ไปแลกมา.
ตอนแรกนั้น จุนซ่างเซียวส่งมอบให้ฟรี ทั้งเพื่อนและสหายของอาจารย์.
อย่างไรก็ดีเจิ้นเหรินฉีเยว่จะดีจะร้ายก็คือยอดคน จะยอมรับของจากผู้เยาว์มาง่าย ๆ ได้อย่างไร ดังนั้นจึงได้มอบวิชาแบ่งเอ็นแยกกระดูกเพื่อแลกเปลี่ยนมา.
จุนซ่างเซียวที่เห็นดังนั้นจึงมอบของขวัญให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมอาจารย์ทันที ทำให้ได้วิชามามากมายหลากหลาย.
แม้แต่ปราชญ์เจ็ดเมฆาก็ไม่รอด.
พวกเขาไม่ชอบเล่นหมากล้อม แต่ก็ชื่นชอบอ่านบทกลอนชื่นชมธรรมชาติ โดยเฉพาะของขวัญที่โกวเซิ่งมอบให้คือบทกลอนราชวงศ์ถัง 300 บท นอกจากนี้ยังมีสุราเมามายา เมื่ออีกฝ่ายได้ดื่มแล้ว ก็แทบจะยกวิชายุทธ์ให้กับพวกเขามากมาย.
คำนวณคร่าว ๆ จุนซ่างเซียวได้รับทักษะยุทธ์มากกว่าสิบวิชา ท่าเท้า เพลงหมัด วิชาฝ่ามือ วิชากระบี่ มีแทบทุกวิชาที่ได้รับมา.
ปัญหาคือ.
วิชามากมายเหล่านี้ สองปีใครจะฝึกหมด.
อย่างไรก็ตาม.
ความเข้าใจวิชาของเขากับผิดมนุษย์มนา สามารถศึกษาได้จนหมดจด.
ไม่ต้องสงสัยว่า เขาได้รีเฟรชร้านค้า พร้อมกับซื้อยันต์รู้แจ้งเวอร์ชันพิภพเบื้องบนมา หากไม่ใช่วิชาในระบบ เขาก็สามารถเรียนรู้เข้าใจเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น.
ด้วยเหตุนี้ ทำให้เจิ้นเหรินฉีเยว่ชื่นชมเขาเป็นอย่างมากนั่นเอง.
......
“สองปีที่แล้วเกิดเรื่องใหญ่ที่เทือกเขาเซียนเฟิงฉี เสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยตา!”
“ใช่ ๆ มีสุดยอดฝีมือมากมายมารวมตัวกัน ปิดล้อมนิกายนิรันดร หากได้เห็นกับตาล่ะก็ ถึงตายก็ไม่เสียดาย.”
ภายในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เหล่าชาวยุทธ์ที่กำลังพูดคุยร่ำสุรา พูดคุยถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว เห็นชัดเจนว่าถึงจะผ่านมานานแล้ว ผู้คนก็ยังไม่ลืม.
“อย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วเลย อีกหกเดือน ข้าได้ยินมาว่าที่เมืองเซี่ยงเหว่ย จะมีงานประลองสุดยอดนิกาย.”
“มีอะไรน่าดูคนที่ได้ชัยชนะเลิศก็ต้องไม่พ้นสี่นิกายระดับเจิ้นนั่นล่ะ.”
“การแข่งขันที่จัดทุกปี กับอนุญาตให้นิกายระดับเจิ้นเข้าร่วมด้วย ทำให้กลายเป็นการชิงชัยเฉพาะสี่นิกายระดับเจิ้นเท่านั้น ดูน่าแปลกใจจริง ๆ.”
“ข้าได้ยินมาว่าผู้ชนะเลิศได้รางวัลมากมาย.”
“โอ้ว? รางวัลอะไร?”
“ข้าก็ได้ยินไม่ชัด เหมือนว่าจะเป็นศิลาเพลิงเมฆาโลหิตหยางหนึ่งพันจิน!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที.
ศิลาเพลิงเมฆาโลหิตหยางนั้นเป็นสมบัติฟ้าดินที่มีระดับสุดยอด สามารถนำมาหลอมอาวุธชั้นยอด หรือของวิเศษชั้นยอด กล่าวได้ว่าคุณภาพของมันนั้นอยู่ในระดับเจิ้นขั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย.
“ไม่แปลกใจเลยว่า นิกายระดับเจิ้นสี่แห่งถึงเข้าร่วม เพราะสมบัติฟ้าดินขั้นสูงพันจินนี่เอง น่าอิจฉาชะมัด!”
“ข้าได้ยินมาว่า มีนิกายเล็กหลายนิกายเข้าไปเสี่ยงโชคด้วย.”
“มีนิกายระดับเจิ้นเข้าร่วม นิกายไม่มีชื่อ ก็แค่ของแถม ประกอบฉากเท่านั้นล่ะ.”
ผู้คนที่พูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อน และที่มุมนั้นมีบุรุษชุดดำที่นั่งดื่มสุราอยู่ ก่อนที่จะเดินไปจ่ายเงินและออกจากโรงเตี้ยมไป.
ใช่แล้ว.
เขาก็คือ โค้ดเนม โกวเซิ่ง จุนซ่างเซียวนั่นเอง.
เขาไม่เร่งรีบกลับนิกาย เลือกเดินทางชมนกชมไม้ เรียนรู้วัฒนธรรมเมืองต่าง ๆ ในเมืองใหญ่ของพิภพเบื้องบน.
เพราะว่าศาสตร์ปิดพลังทำให้เขาปกปิดกลิ่นอายได้อย่างแนบเนียน สามารถไปกินดื่มในโรงเรียนที่พักต่าง ๆ โดยไม่มีคนสนใจได้.
“เมืองเซี่ยงเหว่ย.”
“งานประลองสุดยอดนิกาย.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา เอ่ยออกมาว่า“น่าสนใจเล็กน้อย.”
“ฟิ้ว!”
ออกไปนอกเมือง เขาที่พุ่งบินหายไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขานั้น ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ที่ต้องดวงตาเบิกกว้างกลมโตขึ้นมาทันที.
“คนผู้นั้นกลิ่นอายระดับหนึ่งแกนหมุนเท่านั้น ทำไมถึงได้บินได้เร็วขนาดนั้นกัน?”
“นั่นมัน ท่าเท้าพิเศษของหลิงเซียวจื่อ ปราชญ์เจ็ดเมฆา วิชาเงาทะลวงนภาโชติช่วงไม่ใช่รึ?”
......
“โฮกกกกก!”
ภายในป่าเขา เหล่าสัตว์อสูรหลายตัวที่มีระดับหนึ่งแกนพุ่งโจมตีเข้ามา.
เย่ซิงเฉินที่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ขยะ.”
ในเวลานั้น เหล่าสัตว์อสูรที่เผยท่าทางประหลาดใจ เพราะว่าสายตาของฝ่ายตรงข้ามที่ส่งมานั้น น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง!
มนุษย์ผู้นี้ ดูคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ยิ่งนัก!
ไม่สามารถหาเรื่อง ไม่สามารถยั่วยุได้!
สัตว์อสูรหลายตนที่ตัดสินใจหลบหนีอย่างรวดเร็ว ทว่าขณะที่ตัดสินใจหนี ก็ปรากฏหมาน้อยมาขวางทาง รูปร่างดูน่ารัก แต่แววตาคมกล้า.
โอ้วสวรรค์!
นี่คือสัตว์อสูรผานฮู!
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น เย่ซิงเฉินที่โจมตีสังหารสัตว์อสูรเหล่านั้นทันที.
“ตูมมมม ครืนนนนน!”
ง่ายดาย ไม่เอิกเกริก กระบวนท่าเรียบง่ายแต่ทรงพลัง.
เย่ซิงเฉินที่ยืนอยู่อย่างสงบต่อหน้าสัตว์อสูรพันธสัญญา สี่สัตว์อสูรก่อนหน้านี้หน้าอกทะลวงเป็นรู แววตาไร้ประกาย ความตายที่ได้มากล้ำกลายแล้ว.
สัตว์อสูรผานฮูที่แลบลิ้นเลียโลหิตที่ไหลกระฉูด แววตาจดจ้องมองไปยังศพหลายศพด้วยแววตาเป็นประกาย.
“ไป.”
เย่ซิงเฉินเอ่ย “จัดการของอร่อย.”
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!”
ผานฮูน้อยร้องออกมาหลายครั้ง ก่อนที่อาหนิวจะเอ่ยเสียงดัง“บอกหลายครั้งแล้ว อย่าเลียนแบบเสียงร้องเหมือนหมา!”
“เหมียว เหมียว!”
“......”
เย่ซิงเฉินแทบล้มทั้งยืน.
......
แม้นว่าอสูรผานฮูจะยังไม่โต ทว่ากับทรงพลัง สามารถจะกลืนกินสัตว์อสูรขนาดใหญ่หลายตัวไม่ทิ้งไว้แม้แต่กระดูก.
“ไปเดินทาง.”
เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
หลังจากที่เขาและสัตว์พันธสัญญาจากไปไกลแล้ว ก่อนจะปรากฏชาวยุทธ์หลายสิบคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้วยความตื่นตะลึง.
“ศิษย์พี่ เจ้านั่นร้ายกาจมาก สัตว์อสูรสี่ตัวที่มีพลังไม่ได้ด้อยกว่าหนึ่งแกนหมุนถูกสังหารทันทีเลย!”
“อาวุโสกล่าวถูกแล้ว พิภพเบื้องบนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่น่าหวาดกลัว คาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ดูเหมือนมีอายุยี่สิบสามสิบปี แต่กับมีพลังที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามขนาดนี้!”
“คนผู้นี้ หากเข้าร่วมงานประลองสุดยอดนิกาย เกรงว่าแม้แต่นิกายจางชิงเจิ้นก็ยากจะล้มเขาได้.”
“คน ๆ เดียวเดินทางบนป่าเขาคนเดียว ควรจะเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัด ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมประลอง หนำซ้ำศิษย์พี่ใหญ่ยังเพิ่งตัดผ่านระดับ ความแข็งแกร่งเพิ่มพูน ไม่ได้ด้อยกว่าเขาแต่อย่างใด.”
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน จุนซ่างเซียวก็ผ่านมาพอดี เอ่ยกล่าวในใจ“งานประลองสุดยอดนิกายไม่อนุญาติให้คนทั่วไปเข้าร่วม เช่นนั้นไว้ให้ชิงหยาง ซิงเฉินและคนที่ออกไปหาประสบการณ์กลับมา ค่อนนำพวกเขาไปทดสอบความแข็งแกร่งก็แล้วกัน.”