Chaper 1408 เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยถึง
ด้วยการอาศัยอยู่ในเผ่าสัตว์อสูรมาเป็นเวลานาน ทำให้แววตาของเย่ซิงเฉินดูดุร้ายไม่ต่างจากสัตว์.
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่นเองก็มี แต่เพราะนิสัยของพวกเขา ทำให้สะกดมันเอาไว้.
เย่ซิงเฉินนั้นต่างออกไป.
ตัวตนที่อหังการเป็นต้นทุนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้สะกดความกระหายโลหิตของสัตว์เอาไว้ แม้แต่ปล่อยออกมาคุกคามผู้จดจ้องมองมาอีกด้วย.
แล้วคนทั่วไปจะทนได้อย่างงั้นรึ?
หากไม่คุ้ยเคยกับการต่อสู้กับสัตว์ร้าย บางคนจะต้องล้มลงกับที่อย่างไม่ต้องสงสัย.
เหล่าศิษย์นิกายที่อยู่ห่างออกมาถึงกับตื่นตะลึง ลอบคิดในใจ“ดุร้ายเกินไปแล้ว!”
“ศิษย์ของข้าดูดุร้ายเล็กน้อย.”
จุนซ่างเซียวที่ไม่คาดคิดเช่นกัน เพียงแค่สายตาของเย่ซิงเฉิน ก็ทำให้ศิษย์นิกายอื่นต้องถอยกรูดด้วยความตกใจแล้ว.
ศิษย์พี่ใหญ่นิกายจ้านชิงเจิ้นที่เผยท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที.
แววตาดุร้ายที่ไม่ต่างจากสัตว์อสูรที่มองมานั้น ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน หากเลือกได้ พวกเขาไม่ต้องการพบกับคนผู้นี้ตั้งแต่รอบแรกเช่นกัน!
ยังไม่สู้ก็หวาดกลัวแล้ว.
นี่ถือว่าเป็นการข่มขู่กันชัด ๆ
เหล่านิกายอื่นที่กลายเป็นงงงวยเช่นกัน.
ต่างก็คิดว่านิกายระดับเจิ้นทั้งสี่คงแย่งชิงกันเอง ไม่คาดคิดเลยว่าจะปรากฏนิกายนิรันดรขึ้นมาอีก.
“ขออย่าให้เจอรอบแรกเลย!”
คนทั้งห้าที่ก้าวเข้ามา หนึ่งในนั้นมีสายตาดุร้ายจนทำให้พวกเขาได้แต่ภาวนาขออย่าให้เจอ.
“จับฉลาก ตัดสินคู่ต่อสู้รอบแรก!”เจ้าเมืองเถาประกาศ.
ในเวลานั้นผู้เข้าร่วมที่ก้าวขึ้นมาจับฉากซึ่งเป็นกล่องมีค่ายกลปกคลุมเอาไว้.
ในเวลานั้น.
นิกายนิรันดรที่ก้าวขึ้นไปจับฉลาก.
ลู่เชียนเชียน เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่นต่างก็จบฉลากในกล่องขึ้นมา ไม่มีใครสนใจนัก ทว่าขณะเย่ซิงเฉินเดินไป ผู้คนที่จับจ้องด้วยใจกระวนกระวายใจ แม้แต่พูดคุยกันเสียงเบา.
แววตาที่ไม่ต่างจากสัตว์ป่าของอีกฝ่าย ทำให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันหวาดกลัวนั่นเอง.
“หมายเลขสาม!”
กรรมการที่ประกาศเสียงดัง.
ทุกคนที่จับจ้องมองแผ่นป้ายของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ พอรับรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกฝ่ายก็หายใจโล่ง.
อย่างไรก็ตามหมายเลขสี่ เวลานี้ดูเหมือนว่าแข้งขาอ่อนทรุดไปกองบนพื้น จนทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องยกปีกแขนเขาเอาไว้.
“โชคดี โชคดีจริง ๆ.”
ศิษย์คนหนึ่งที่จ้องมองไปยังซูเซียวโม่ที่ไร้พิษภัย เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“คู่ต่อสู้ข้าเป็นเขา!”
เพราะว่าสายตาที่ดุร้ายของเย่ซิงเฉิน ทำให้ผู้เข้าร่วมหลายคนหวาดกลัว ทว่าคนอื่น ๆ กับดูไร้พิษภัยพวกเขาไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร.
และคนที่ได้ต่อสู้กับลู่เชียนเชียนถึงกับดีใจร้องลั่นทีเดียว ต้องไม่ลืมว่าไม่ว่าอีกฝ่ายไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ อย่างน้อยเขาก็ได้ปะทะกับสตรีผู้งดงาม ได้ต่อสู้กับเทพธิดา.
“ผลการจับฉลาก หมายเลข 1 Vs 2 3 Vs 4 80 Vs 90 ซึ่งถูกจัดให้ขึ้นเวทีที่แตกต่างกัน.
หลังจากจับฉลากเสร็จ เจ้าเมืองเถาที่ประกาศเสียงดัง.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ทุกคนที่แยกย้ายขึ้นเวทีที่อยู่รอบ ๆ.
เย่ซิงเฉินที่ก้าวขึ้นเวทีเช่นกัน ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาที่ยืนขาสั่นกล้า ๆ กลัว ๆ ทำให้เขาต้องเอ่ยอย่างผิดหวัง“ขยะ!”
“เฮ้อ.”
เหล่าแขกผู้มีเกียรติ เหล่าคนระดับสูงที่มาชม ต่างก็ส่ายหน้าไปมา.
งานแข่งขันครั้งนี้มีสี่นิกายระดับเจิ้นที่เป็นตัวเก็ง พวกเขาที่ไม่คิดว่าจะต้องพยายามอะไรตั้งแต่รอบแรก ทว่าใครจะคิดว่าศิษย์ของพวกเขากับกล้า ๆ กลัว ๆ ขาดซึ่งความมั่นใจ แม้แต่กลัวจะไม่ผ่านรอบแรก.
แพ้ก็แพ้สิ.
แต่อาการขี้ขลาดแม้แต่ภาวนาต่อหน้าผู้คนมากมายนี้มันอะไร.
“เริ่มได้!”
ในเวลานั้น กรรมการที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
อย่างไรก็ตาม สิ้นเสียง มือที่ยกขึ้นมายังไม่ได้ชักลงด้วยซ้ำ “ข้า....”
“ตูมมมม!”
ฝ่ามือของเย่ซิงเฉินที่ตวัดตบฝ่ายตรงข้ามนอนหมอบบนพื้นแล้ว พร้อมกับเอ่ยด้วยแววตาเย็นชา“เป็นผู้ชายก็มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้กว่านี้หน่อย!”
กล่าวได้ว่า อีกฝ่ายที่ขาสั่นแทบหมดสติตั้งแต่เห็นสายตาที่ดุร้ายของเย่ซิงเฉินแล้ว.
เริ่มต้น และจบลงอย่างรวดเร็ว.
กรรมการที่งงงันก่อนที่จะตั้งสติและประกาศออกมาว่า“นิกายนิรันดรเย่ซิงเฉิน เข้าสู่รอบถัดไป.”
“......”
เหล่าผู้ชมที่เผยใบหน้าท่าทางเหรอหราออกมา.
มันจะจบลงเร็วเกินไปแล้ว เปลือกเม็ดแตงยังแกะไม่เสร็จด้วยซ้ำ.
“ฟิ้ว!”
เย่ซิงเฉินที่สะบัดแขน กระโดดลงเวที แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง.
ซูเซียวโม่ที่ยกนิ้วให้ “ศิษย์น้องเย่ไม่ใช่ศิษย์น้องเย่คนเดิมที่พ่ายแพ้ ศิษย์น้องซุนมู่เซิ่งอีกต่อไปแล้ว.”
เย่ซิงเฉินที่ใบหน้ามืดครึ้ม.
เรื่องอับอายข้าในอดีต จะเอ่ยมาทำบ้าอะไรกัน!
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองการต่อสู้อยู่ พบว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันส่วนมากอยู่ในระดับครึ่งปราชญ์และปราชญ์ยุทธ์ จึงได้แต่ส่ายหน้า“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เสียเวลาถ่อมาถึงที่นี่จริง ๆ.”
......
การประลองยังคงดำเนินไป.
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวขึ้นเวทีคนที่สอง.
ผู้เข้าร่วมแข่งขันที่เป็นสตรีนั้นหายากมาก ยิ่งคนที่งดงามราวกับเทพธิดา ทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คน แม้แต่คู่แข่งขันยังพ่ายแพ้ความงดงามของนางไปแล้ว ทว่าเพียงแค่เริ่มต้นอีกฝ่ายก็กระเด็นลอยหลุดจากเวทีไปแล้ว.
“เอ๊ะ?”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ“ศิษย์หญิงใหญ่ของข้า บ่มเพาะวิชาของเผ่าฟินิกซ์เหมันต์ด้วยรึ?”
“ศิษย์นิกายนิรันดร เข้าสู่รอบต่อไป!”
หลังจากกรรมการประกาศ ในเวลานั้นผู้คนที่เริ่มพูดคุยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาทันที.
ต้องไม่ลืมว่าผู้คนมากมายที่จับตานางอยู่ แต่ไม่คาดคาดคิดแม้แต่น้อย ว่านางจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พริบตาเดียวก็เอาชนะศิษย์นิกายระดับเจิ้นแล้ว.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ซูเซียวโม่ที่ขึ้นเวที ท่าเท้าที่เคลื่อนไหว มองเห็นราวกับเขาแยกร่างกระจายออกไปรอบ ๆ หมุนวนรอบคู่ต่อสู้ จนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหล่นลงเวทีตอนใหน.
“มีความเร็วที่ยอดเยี่ยม!”
“ศิษย์คนนี้ฝีมือไม่เลว!”
ผู้คนที่อุทานเสียงดัง.
จากนั้นหลี่ชิงหยางที่ก้าวขึ้นเวที เพราะว่าจิตใจที่มั่นคง ทำให้เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างจืดชืดธรรมดา ไม่ได้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงแต่อย่างใด.
“ฟู่!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ พ่นลมหายใจ กล่าวในใจ“อย่างน้อยก็มีคนธรรมดาสักคนล่ะ.”
นิกายที่เพิ่งขึ้นมา ศิษย์สามคนที่เอาชนะในทันที มันเหลือเชื่อเล็กน้อย ดังนั้นการเอาชนะของหลี่ชิงหยางที่ธรรมดา ๆ ทำให้พวกเขาผ่อนคลายหน่อย.
และเซียวจุ้ยจื่อคนสุดท้ายของนิกายนิรันดร เขาที่คิดจะเก็บงำพลังและถ่อมตนให้เหมือนกับศิษย์พี่รอง ทว่าฝ่ายตรงข้ามกับถูกหมัดของเขาหล่นเวทีเพียงแค่หมัดเดียว.
“หะ.”
เขาที่แทบทรุดกล่าวในใจ“ข้าใช้พลังนิดเดียวเองนะ!”
กลายเป็นแสดงความโดดเด่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจไปซะอย่างงั้น.
......
รอบแรก.
ศิษย์นิกายนิรันดรที่เข้ารอบอย่างสบาย ๆ.
แม้นว่าจะสะกดพลังเอาไว้ ทว่าก็ผ่านเข้ารอบสอง และเข้าสู่รอบสามได้อีก.
“ไม่เลว ไม่เลว.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มอย่างพอใจ.
การเข้าร่วมงานประลองสุดยอดนิกาย แม้นว่าจะเพื่อรางวัล ทว่าเหตุผลหลักก็เพื่อทดสอบความสามารถของศิษย์เขาตลอดสองปีแล้ว ดูเหมือนว่าผลที่ได้จะไม่เลวเลย.
เรื่องนี้ทำให้เขามีความสุข.
ทว่าเหล่าเจ้านิกายอื่นกับเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย.
รอบต่อไปคู่ต่อสู้ควรจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าศิษย์นิกายนิรันดรกับชนะได้อย่างง่ายดาย ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า แท้จริงแล้วไม่เพียงแค่เย่ซิงเฉินเท่านั้นที่แข็งแกร่ง อีกสี่คนก็น่าเกรงขามด้วยเช่นกัน!
“หมดหวัง!”
“ผู้ชนะเลิศต้องเป็นนิกายนิรันดรแหงแซะ!”
“นึกว่าการแข่งขันครั้งนี้จะง่ายดาย แม้แต่คนที่หลี่ชิงหยางนั้น ดูธรรมดาที่สุด แต่กับเอาชนะศิษย์นิกายระดับเจิ้นได้ง่ายดายเช่นกัน!”
เหล่าศิษย์นิกายอื่น ๆ ต่างก็บ่มพึมพำกันไปมา ที่เห็นกลุ่มหลี่ชิงหยางเอาชนะผ่านไปเรื่อย ๆ.
แน่นอน.
นิกายระดับเจิ้นนั้นส่งศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งไม่เลวเข้าร่วม ยกตัวอย่างศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายจ้านชิงเจิ้น.
ซึ่งรอบถัดไปต้องปะทะกับเย่ซิงเฉินแล้ว.
“เท่าที่ข้ารู้มา ซุยอู๋ชิงได้ตัดสามอารมณ์ ทำให้มีความแข็งแกร่งก้าวสู่ระดับหมุนแกน ซึ่งกำลังจะปะทะกับศิษย์นิกายนิรันดรรอบต่อไป!”
“หากเขาไม่ชนะ คงไม่มีใครสู้ได้แล้วล่ะ.”
ผู้คนไม่น้อยที่หวังจะให้ศิษย์พี่ใหญ่นิกายจ้านชิงเจิ้นหยุดศิษย์นิกายนิรันดรให้ได้สักคน.
“ตัดสามอารมณ์?”
จุนซ่างเซียวที่ได้ส่ายหน้าไปมา “เทียบกับศิษย์ข้าที่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ความแค้นที่ถูกสตรีหักหลัง ดูจะโหดร้ายกว่า!”
ระบบที่อดไม่ได้ต้องเอ่ยแสดงแทนเย่ซิงเฉิน“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าเอ่ยออกมาอีกได้ไหม!”