บทที่ 98 เปรียบเทียบชะตาสองชาติ
อีกฝ่ายบอกว่า นางถามเพราะเห็นหลี่ฟานเป็นคนรักษามิตรภาพ ซึ่งหายากมากในยุคสมัยนี้ของผู้ฝึกเซียน
หลี่ฟานมองดูชื่อของอีกฝ่าย
ซ่งเหวยหยู ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกเซียนหญิงด้วย
ควรไปหรือไม่?
ถ้ำลับของนักพรตขั้นแก่นทองคำ มีผู้ยิ่งใหญ่ขั้นหล่อหลอมร่างทารกเป็นหัวหน้าทีม ดูจะปลอดภัยพอสมควร
แต่หลี่ฟานคิดแล้วคิดอีก ก็ยังปฏิเสธนางไปในที่สุด
สิ่งที่เขาต้องการก็มีเพียงกระดูกของเหอเจิ้งเฮ่าเท่านั้น
หากซ่งเหวยหยูไปสำเร็จครั้งนี้ นางก็คงนำมันกลับมาให้ได้
จะต้องไปเสี่ยงทำไมกัน
หากถ้ำลับนี้มีโอกาสพิเศษอะไรจริงๆ เขาก็แค่ค่อยๆ หาข้อมูลให้ชัดเจน แล้วไปในชาติหน้าก็ได้
ซ่งเหวยหยูเห็นหลี่ฟานปฏิเสธ ก็ไม่ตอบอะไรอีก
เมื่อเรื่องต่างๆ เสร็จสิ้นลง หลี่ฟานก็เริ่มฝึกฝนคัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ย
หลี่ฟานยังคงให้ความสำคัญกับตัวหมากอย่างจางห่าวโป๋มาก
เพื่อไม่ให้เขาโตขึ้นอย่างไขว้เขว เบี่ยงเบนจากเส้นทางการเติบโตที่วางเอาไว้
หลี่ฟานจำเป็นต้องแต่งเติมความฝันให้เขาทุกช่วงเวลา
ในขั้นมนุษย์ยังพูดง่าย
แต่เมื่อจางห่าวโป๋บุกเบิกถึงขั้นฝึกปราณแล้ว หากหลี่ฟานจะไปชี้นำความคิดของเขาก็คงไม่ง่ายนัก
ดังนั้น สิ่งที่หลี่ฟานต้องทำในตอนนี้ คือพัฒนาคัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ยไปสู่ชั้นที่สอง
คัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ยนี้ค่อนข้างพิเศษ
มีทั้งหมดเจ็ดชั้น ไม่ได้สัมพันธ์กับขั้นฝึกปราณ ขั้นสร้างฐาน หรือขั้นอื่นๆ
แต่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของสติสัมปชัญญะ และความละเอียดประณีตในการสร้างฝันเท่านั้น
ยิ่งชั้นของคัมภีร์ยุทธ์ที่ฝึกฝนสูงขึ้น อิทธิพลของความฝันก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน
โดยทฤษฎีแล้ว แม้จะเป็นเพียงคนธรรมดา
หากจิตใจเข้มแข็งพอ ก็อาจทำให้แม้กระทั่งผู้ฝึกเซียนขั้นแก่นทองคำหรือหล่อหลอมร่างทารกจมดิ่งอยู่ในความฝันได้
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ขั้นของผู้ฝึกเซียนจะเป็นตัวกำหนดความเข้มแข็งของสติสัมปชัญญะ ดังนั้นสถานการณ์เช่นนั้นจึงแทบไม่เกิดขึ้นเลย
...
สามเดือนต่อมา
บนเกาะหลิ่วหลี่
เรือชังหยวน
จางห่าวโป๋ยืนอยู่ที่หัวเรือ สูดลมทะเล เพ่งมองผิวน้ำ
คิ้วขมวดมุ่น ดูจะกำลังค้นหาบางสิ่ง
ทันใดนั้น เขาพบแนวปะการังใต้น้ำที่ดูคุ้นตาอยู่ไม่ไกล
แววตาระยิบระยับ จางห่าวโป๋กระโดดลงสู่ทะเล
ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของลูกเรือโดยรอบ
จางห่าวโป๋แยกแยะสภาพแวดล้อมอันมืดมิดใต้น้ำ แล้วดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ
ในไม่ช้า เขาก็มาถึงพื้นท้องทะเล
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงทนแรงกดดันมหาศาลใต้น้ำลึกขนาดนี้ไม่ได้ คงระเบิดตัวตายไปแล้ว
แต่จางห่าวโป๋ผ่านการฝึกฝนมาสามเดือน หมอกพิษเซียนมนุษย์ในร่างกายถูกกำจัดไปเกือบหมดสิ้นแล้ว
สภาพร่างกายก็พัฒนาไปอย่างยิ่ง อีกไม่ไกล เขาก็จะก้าวสู่ขั้นฝึกปราณ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็มีทักษะว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่เป็นไร
จางห่าวโป๋ค่อยๆ ว่ายอยู่ใต้ท้องทะเล จู่ๆ แววตาของเขาก็หยุดนิ่ง
ความเร็วพุ่งพรวดทันที ว่ายไปยังซากศพที่ถูกดินตมปิดคลุมอยู่ครึ่งตัว
ขุดร่างนั้นออกมาจากโคลน บริเวณหน้าอก จางห่าวโป๋พบหนังสือเล่มหนึ่ง
คัมภีร์กระบี่สะกดทะเล
จางห่าวโป๋ลูบปกหนังสืออย่างเหม่อลอย
"ที่แท้ก็ไม่ใช่ฝัน ตัวข้าเองนี่แหละที่ถือกำเนิดใหม่"
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเชื่อแน่แล้วว่าตนได้กำเนิดใหม่ แต่เรื่องการกำเนิดใหม่ก็เหลือเชื่อเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพเหตุการณ์ในชาติก่อนก็ค่อยๆ เลือนลางไปในความทรงจำ ทำให้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
โชคดีที่ หลายวันมานี้ บางทีอาจเป็นเพราะเขากำลังจะก้าวข้ามเข้าสู่ขั้นฝึกปราณ รายละเอียดบางอย่างที่เขาลืมไปก่อนหน้านี้ ก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
รวมถึงสถานที่ที่เขาเคยค้นพบคัมภีร์กระบี่สะกดทะเลนี้ด้วย
ดังนั้น ตอนที่ออกทะเลครั้งนี้ เขาจึงแวะมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ดู
ว่าที่จริงแล้วเขากำเนิดใหม่จริงๆ หรือทุกอย่างเป็นเพียงความฝันที่ดูสมจริงอย่างน่ากลัวกันแน่
ตอนนี้ ซากศพนี่ กับคัมภีร์กระบี่สะกดทะเล ทำให้เขาแน่ใจแล้วว่า ตัวเองกำเนิดใหม่จริงๆ
ดวงตาค่อยๆ หนักแน่นขึ้น จางห่าวโป๋เก็บหนังสือไว้ในอก
"ข้าไม่ควรรอช้าอีกแล้ว เร่งพัฒนาพลังให้ไวที่สุด จึงจะสามารถยับยั้งภัยพิบัตินั้นได้"
"แค่พลังขั้นฝึกปราณไม่น่าจะพอ พูดออกไปก็ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีใครฟัง"
"อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องเป็นขั้นสร้างฐาน หรือแม้กระทั่งแก่นทองคำ..."
จางห่าวโป๋คิดไปด้วย พลางว่ายกลับสู่ผิวน้ำ ปีนขึ้นเรือชังหยวนในที่สุด
พวกลูกเรือมองผู้นำที่สีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครกล้าถามอะไรมากนัก
ตั้งแต่หลายวันก่อน ดูเหมือนว่าตัวเจ้านายจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอย่างมหัศจรรย์
นายเรือผู้ที่เคยชอบพูดเล่นกับทุกคน ก็ไม่เห็นอีกแล้ว
จางห่าวโป๋ค่อยๆ กลายเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร พลังอำนาจในตัวก็เพิ่มขึ้นทุกวัน
ราวกับเป็นท่านเซียนบนเกาะไม่มีผิด
พวกเขาเริ่มเกร็งและกลัวอย่างประหลาดใจ เวลาที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้านาย
...
เหนือเรือชังหยวน
หลี่ฟานที่ซ่อนร่างกายอยู่ มองจางห่าวโป๋อย่างห่างไกล
เมื่อคัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่เริ่มทำงาน ก็ส่งผลให้การสังเกตชะตากรรมของจางห่าวโป๋สำเร็จ
"ที่แท้ ชะตากรรมของเขาเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหศจรรย์จริงๆ"
ความเปลี่ยนแปลงนี้เล็กน้อยมาก แต่การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เกิดจากฝีมือของหลี่ฟานเอง จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ
ดังนั้น จึงยังคงรับรู้ได้อย่างไวต่อความแตกต่างนี้
หลี่ฟานใคร่ครวญถึงความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างก่อนหน้าและตอนนี้ แล้วก็ตระหนักรู้บางอย่าง
"สำหรับเส้นทางการฝึกฝน ก้าวแรกที่เร็ว ย่อมนำไปสู่ก้าวต่อๆไปที่เร็วกว่าด้วย"
"ชาติก่อนของจางห่าวโป๋ เขาเพิ่งจะหันมาฝึกเซียนเมื่อวัยกลางคน ด้วยโอกาสบังเอิญ แม้จะมีชะตาชีวิตที่ไม่ธรรมดา แต่ในเวลาเพียงสิบกว่าปี การไปถึงขั้นสร้างฐาน ก็ถือว่าสุดความสามารถแล้ว"
"นี่คือชะตาดั้งเดิมที่เขาควรจะเป็น"
"แต่ชาติปัจจุบัน ภายใต้แรงผลักดันจากข้า เขากลับเริ่มต้นฝึกฝนเร็วกว่าเดิมถึงสิบกว่าปี"
"เมื่อชะตาเปลี่ยน ก็จะเกิดการหมุนเวียนไปเอง ราวกับยืนอยู่บนลมแรง ยิ่งแกร่งก็ยิ่งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก..."
หลี่ฟานพึมพำด้วยดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับ
การได้เห็นกับตาถึงความเปลี่ยนแปลงของชะตากรรมของคนๆหนึ่ง เป็นโอกาสสำคัญสำหรับหลี่ฟานเช่นกัน
หากไม่ใช่ด้วยความช่วยเหลือของพลังหวนเจิน ที่ช่วยให้เปรียบเทียบชะตาชีวิตของทั้งสองภพได้
ภายใต้การหมุนเวียนของวิถีฟ้าดิน หลี่ฟานก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งท่ามกลางปวงชนนับไม่ถ้วน ที่ดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลำบาก
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าชะตากรรมของเขา หรือของคนอื่นๆ เป็นอย่างไร
เปรียบเสมือนการที่ชาติก่อน ได้กลายร่างเป็นทะเลกว้าง จึงมองเห็นพลังสังหารของฟ้าดินได้เพียงครั้งเดียว
ก็มีแต่การข้ามพ้นสองชาติ จึงจะเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของชะตาชีวิต
ตระหนักรู้แล้ว หลี่ฟานอดหัวเราะต่ำๆ ออกมาไม่ได้
"บางที เจ้าอาจจะสร้างความประหลาดใจให้ข้าจริงๆ ก็ได้"
"ช่างคาดหวังในฝีมือของเจ้าเสียจริง จางห่าวโป๋"
...
หลี่ฟานเคลิบเคลิ้มใจ บินกลับไปยังเกาะหลิ่วหลี่อย่างเชื่องช้า
สามเดือนผ่านไป ร่างแยกของหลินฟานยังคงอยู่ในห้วงการตระหนักรู้ถึง "กงล้อมรณะเกี่ยวเนื่อง"
สถานะเปิดพลังวิญญาณก็ยังไม่หยุดเช่นกัน
คะแนนผลงานไหลไปราวกับสายน้ำ ใช้ไปแล้วเกือบ 2000 กว่าคะแนน
ดีที่ร่างแยกมีคะแนนผลงานกว่าหมื่นเป็นพื้นอยู่ก่อนแล้ว จึงทนรับการสิ้นเปลืองครั้งนี้ได้
"ไม่รู้ว่า หากร่างแยกออกจากการปลีกวิเวกแล้ว จะตระหนักรู้พลังเหนือธรรมชาติแบบใดออกมา"
หลี่ฟานคิดอย่างคาดเดาไม่ถูก พลางมาถึงวงจรอาคมปกป้องเกาะหลิ่วหลี่
กำลังจะใช้วงกลเวทส่งกลับเกาะหมื่นเซียน กลับเห็นหนิงเหวินซิงที่ท่าทางกังวลใจ สีหน้าเป็นทุกข์
"ท่านหนิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ"
หลี่ฟานถามอย่างสุภาพ
หนิงเหวินซิงดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับชั่วขณะ
"ท่านนิง?"
หลี่ฟานอดไม่ได้ที่จะพูดทวนอีกรอบ
หนิงเหวินซิงถึงได้กลับสติมา
มองหลี่ฟาน แล้วถอนหายใจ
"เกิดเรื่องแล้ว"
"โกวเสวียนเจินจวนที่นำทีมสำรวจถ้ำลับ ทุกคนตายยกทีม"
"แม้แต่ตัวโกวเสวียนเจินจวนเอง ก็ไม่สามารถหนีออกมาได้"