เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 19: ความก้าวหน้า [อ่านฟรี]
หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่อเล็กซ์ก้าวเข้ามายังโลกใบใหม่
ในช่วงสองสามวันแรก อเล็กซ์มุ่งความสนใจไปที่การหาแหล่งน้ำที่ดีและสำรวจสถานที่ที่มีผลไม้ ผลเบอร์รี่ และถั่ว เขาไม่รู้ว่าโลกนี้เป็นไปตามกฎของการต้องการวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อสุขภาพหรือไม่ แต่เขาไม่อยากค้นหาคำตอบนั่นในตอนที่ยังอยู่ในป่า
หลังจากนั้นสองสามวัน อเล็กซ์ก็พบแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านใจกลางหุบเขา ทำให้เทือกเขาที่อยู่รอบหุบเขาแยกออกเป็นสองส่วน ที่ใจกลางหุบเขามีทะเลสาบซึ่งปลายน้ำมาบรรจบกันแล้วไหลรวมกันไปเป็นแม่น้ำ
อเล็กซ์พบต้นไม้ที่ตายแล้วขนาดใหญ่บริเวณนั้นและวางแผนที่จะสร้างบ้านพัก ใช้ผลไม้ทั้งหมดที่ได้รับจากเม่นจนหมดแล้ว ด้วยความบ้าคลั่งที่จะทรมานตัวเอง โชคดีที่เขาคุ้นเคยกับการฝึกอันแสนทรมานนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังกลัวอยู่บ้างก็ตาม ความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการไม่กลัว แต่มันเป็นการเอาชนะความกลัวของตนเองได้ต่างหาก เขายังคงกลัวเวลาที่เขาจะได้ผลไม้อีกชุด แต่ก็รู้ว่าเขาจะผ่านมันไปได้เมื่อถึงเวลา
รสชาติของพลังเป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานได้สำหรับอเล็กซ์ แม้ว่าการฝึกฝนจะน่ากลัวและไร้มนุษยธรรม แต่พลังที่เขาได้รับจากมันก็ยังคุ้มค่าที่จะยอมแลก เขาใช้ความปรารถนาในพลังเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเอาชนะความกลัว ความเจ็บปวด
มันดีที่สุดแล้วจริงเหรอ? นั่นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และมุมมองของแต่ละคน ความเจ็บปวดนั่นเปลี่ยนคนเราได้เลยเหรอ?
แน่นอน
อย่างไรก็ตาม คนเราจะเปลี่ยนไปหากถูกทรมานเช่นนี้
อเล็กซ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร? นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องคอยดูต่อไป
ฟึ้บ! ฟึ้บ! ฟึ้บ!
อเล็กซ์ยืนอยู่ในที่โล่ง ดาบนั้นกวัดแกว่งอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ได้วิ่งไปเผชิญหน้ากับหมาป่าอีกฝูง ก็ตระหนักว่าเขาใช้ดาบไม่เก่งนัก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเคยผ่านการต่อสู้โดยใช้ร่างกายเป็นอาวุธ ไม่เคยใช้อาวุธจริง ๆ มาก่อน สิ่งนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคยกับการต่อสู้ด้วยอาวุธจริงมากนัก
หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น อเล็กซ์ได้ตัดสินใจฝึกฝนด้วยดาบของเขามากขึ้น และเพียงไม่นานหลังจากฝึกฝนด้วยดาบของเขา เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ดูจะทำให้เกิดปัญหาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่แขนและหลังอย่างรวดเร็ว
อเล็กซ์ฝึกฝนทั้งร่างกาย แต่การฝึกทุกอย่างเท่า ๆ กันอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเสมอไป ตัวอย่างที่ดีคือนักปีนเขา หากใครมีขาใหญ่ หน้าท้องใหญ่ และแผ่นหลังใหญ่ จะเพิ่มความตึงที่มือและแขนเนื่องจากน้ำหนักของกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น
เช่นนั้น การฝึกทุกอย่างเท่า ๆ กันไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพอีกด้วย
แล้วการเป็นนักดาบล่ะ?
ความเทอะทะจะเพิ่มมวลและขนาดให้แก่ร่างกาย ทำให้ความเร็วของการสู้ลง ยิ่งไปกว่านั้น หากกล้ามเนื้อบนลำตัวมีมวลถึงระดับหนึ่ง ก็จะจำกัดการเคลื่อนไหวของแขนไปด้วย
คงเหมือนกับพวกนักกล้ามที่ไม่สามารถเอื้อมมือเกาหลังตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวมาทั้งหมด การเพิ่มพลังทั่วทั้งร่างกายยังคงเป็นสิ่งจำเป็น กล้ามเนื้อทุกมัดล้วนจำเป็นต่อการต่อสู้ เพียงแต่พวกมันถูกเน้นใช้ด้วยความเข้มข้นที่แตกต่างกัน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ อเล็กซ์จึงตัดสินใจฝึกด้วยดาบเป็นหลัก เขาจะออกกำลังกายทั้งร่างกายก็ต่อเมื่อหลังจากการฝึกดาบทุก ๆ ครั้งที่สามเท่านั้น
การฝึกด้วยดาบนั้นไม่ได้ยากเย็นไปกว่าการฝึกทั้งร่างกายเลย มันฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
หลังจากการฝึกฝนด้วยดาบทุกครั้ง อเล็กซ์รู้สึกว่าส่วนสำคัญในร่างกายของเขาถูกเผาไหม้ด้วยความเจ็บปวด บนโลกนี้ คงมีหลายต่อหลายคนล้มเลิกการฝึกไปเพราะว่าการฝึกที่มากเกินไปนั้นแย่พอ ๆ กับการได้ฝึกฝนอะไรเลย
แต่การฝึกฝนที่มากเกินไป ใช้ไม่ได้กับโลกใบนี้
หลังจากที่อเล็กซ์ฝึกเสร็จแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ ๆ แล้วนั่งสมาธิ เขาฝึกฝนเหมือนคนบ้า และมันก็แสดงผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อ เขาไม่จำเป็นต้องปีนต้นไม้อีกต่อไป ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ก็สามารถขึ้นไปในอากาศสูงสองเมตรได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีดาบหนักถ่วงอยู่บนหลังก็ตาม
อเล็กซ์ได้ทำลายขีดจำกัดทางกายภาพของมนุษย์บนโลกไปแล้ว
นี่คือผลของมานา
ไม่กี่นาทีต่อมา อเล็กซ์ก็กระโดดลงจากต้นไม้แล้วเดินไปที่ขอบพื้นที่โล่ง ด้านหน้าเขาเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ลำต้นมีรูอยู่ตรงกลาง มันมีความกว้างเกือบสามเมตร แต่นี่ไม่ใช่ต้นที่สูงที่สุด
ท้ายที่สุด ต้นไม้นั่นก็ล้มตายไป ลมอันเยือกเย็นได้ทำลายส่วนบนของลำต้น
นอกจากรูบนต้นไม้แล้วยังมีไม้หลายส่วนเรียงกันคล้ายวงกบประตูขนาดใหญ่
นี่ไม่ใช่กรอบประตู แต่เป็นกระท่อมในอนาคตของอเล็กซ์ ทุก ๆ วัน อเล็กซ์จะตัดไม้และเพิ่มเข้าไปในเนื้อไม้ อีกสองสามวันข้างหน้า เขาจะมีกระท่อมเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
อเล็กซ์ใช้หินแทนตะปู แต่การจะตอกตะปูเข้าไปในแผ่นไม้นั้นเป็นเรื่องที่ยาก มันแข็งแต่เปราะ ถ้าเขาตอกตะปูหินเข้าไป ตะปูก็จะหัก
ด้วยเหตุนี้ อเล็กซ์จึงต้องเจาะรูด้วยดาบของเขาและสอดตะปูหินเข้าไปอย่างระมัดระวัง
แม้โครงสร้างจะไม่ได้มั่นคงและเป็นระเบียบมากนัก แต่ตอนนี้ก็ยังทนอยู่ได้ ตราบใดที่ไม่มีอะไรกระทำต่อโครงสร้าง และตราบใดที่ลมไม่แรงเกินไป โครงสร้างก็จะยังคงอยู่
อเล็กซ์ไปที่ม้านั่งใกล้สิ่งที่สร้างแล้วคว้าเสื้อผ้าของเขา
เสื้อผ้าเก่าของเขาถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มานานแล้ว รวมถึงเสื้อผ้าสำรองด้วย เสื้อผ้าใหม่ของเขาทำจากขนหมาป่า ใคร ๆ อาจจะคิดว่าเสื้อผ้าแบบนั้นดูดุร้ายและทรงพลัง แต่ในความเป็นจริง มันกลับดูแย่และน่าสงสาร
อย่างไรก็ตาม มันย่อมดีกว่าชุดก่อนหน้า เพราะฝีมือในการตัดเย็บของเขาดีขึ้น ใครจะคิดว่าทักษะสำคัญอย่างหนึ่งในการเอาชีวิตรอดในป่าอันหนาวเย็นคือการตัดเย็บเสื้อ
ถ้าอเล็กซ์อยู่ในเขตภูมิอากาศแบบเขตร้อน เขาคงไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้ามากนัก เขาจะต้องอยู่ในที่ร่มเกือบตลอดเวลา และถ้าเดินทางก็แค่ปกคลุมร่างกายจากแสงแดดเท่านั้น
แน่นอนว่าผ้าห่มย่อมทำง่ายเสื้อผ้าอยู่แล้ว
หลังจากสวมเสื้อผ้า อเล็กซ์ก็คว้าเสื้อคลุมแล้วพาดไหล่ กระโดดสองสามครั้งเพื่อทดสอบว่าเสื้อผ้าใหม่นี้จะไม่ลดทอนการเคลื่อนไหว และหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
อเล็กซ์มองดูท้องฟ้าที่สลัว เขามองไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังมองไม่เห็นดวงอาทิตย์อยู่ดี แม้ว่าจะเป็นเวลาเที่ยงวันก็ตาม เพราะท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาที่ดูอึดอัดและหนาวเย็น สังเกตเห็นว่าอากาศเริ่มเย็นลง เพราะเมื่อสองสามวันก่อนหิมะเพิ่งตกไป ฤดูหนาวคงจะมาถึงในไม่ช้า นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเนื่องจากความอบอุ่นจะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เขาคาดเดาว่าอุณหภูมิอาจถึงต่ำลงได้ตั้งแต่ลบยี่สิบถึงลบสี่สิบองศาเซลเซียสในช่วงอุณหภูมิต่ำสุดของฤดูหนาว
ถึงแม้ว่าตอนนี้อเล็กซ์จะมีร่างกายอันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่อาจอยู่รอดในสภาพอากาศเช่นนั้นได้แน่นอน นี่คือเหตุผลว่าทำไมอเล็กซ์จึงมุ่งความสนใจไปที่การตัดเย็บเสื้อผ้าและทำกระท่อมให้ดี
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่ขวางทางเขา
ไม่นานดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้า และดวงตาของอเล็กซ์เพ่งทำสมาธิขณะที่เขาตรวจสอบอาวุธ เขาแตะดาบเพื่อสงบจิตใจตัวเองและถอนหายใจขณะที่เขาหลับตาลง
ไม่กี่วินาทีต่อมา อเล็กซ์ก็ลืมตาขึ้นด้วยท่าทางมุ่งมั่น
'แกเดินวนอยู่รอบ ๆ ที่พักฉันมาสักพักแล้วนะ นอนก็ไม่ได้ แกอยู่ใกล้ ๆ ทั้งกระท่อมและเสื้อผ้าฉันก็จะไม่ปลอดภัย ถ้าแกทำลายกระท่อมฉันไปด้วยอีก ก็คงหาเวลาสร้างกระท่อมใหม่ไม่ทัน’
อเล็กซ์นึกถึงกระท่อมและเสื้อผ้าของเขา โดยไม่ได้สนใจตัวเองเลย เขาลุกเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ขณะที่ความมืดเข้าปกคลุมป่า
ไม่มีดาว ไม่มีแสงจากดวงจันทร์ มีเพียงเมฆดำลอยอยู่เหนืออเล็กซ์ ขณะที่แสงทั้งหมดในป่าหายไป
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป มานาไม่เพียงเพิ่มพลังให้กับร่างกายของเขา แต่ยังเพิ่มความไวของประสาทสัมผัสด้วย ประสาทสัมผัสทั้งห้าคมชัดขึ้นหลายเท่า จนถึงจุดที่แม้ข้างหน้าจะมืดมิดก็ยังสามารถมองเห็นสองถึงสามเมตรไกลออกไปข้างหน้า
อเล็กซ์ไม่รู้ว่ามานาสามารถเพิ่มความสามารถนี้ให้กับดวงตาของเขาได้อย่างไร แต่มันกลับไม่สามารถแม้แต่จะไปถึงศีรษะของเขาได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความไวของดวงตาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อเล็กซ์เดินไปข้างหน้าห่างออกไปจากกระท่อม เขาไม่อยากให้กระท่อมต้องตกอยู่ในอันตราย ขณะที่เขาค่อย ๆ หายไปในความมืดมิด เขาก็สังเกตเห็นเกล็ดที่หิมะตกลงมาจากเมฆ เขายังคงมองเห็นสีขาวบนเกล็ดหิมะ แม้ว่าในป่าจะไม่มีแสงสว่างเลยก็ตาม
ผลึกหิมะสีขาวเล็ก ๆ กำลังค่อย ๆ ตกลงสู่พื้นโดยมีฉากหลังเป็นความมืดสนิท
สวบ!
อเล็กซ์ได้ยินเสียงใบไม้ส่งเสียงกรอบแกรบเบา ๆ และเขาก็หันไปมอง
มันอยู่ที่นี่
อเล็กซ์เห็นดวงตาสีขาวกำลังมองเขาจากบนยอดต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป นั่นเป็นดวงตาที่คุ้นเคย เขาลูบเสื้อคลุม ซึ่งมันดูคล้ายกับขนของสัตว์ตัวนั้น
อเล็กซ์ตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ว่าสตอล์กเกอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกันกับเจ้าตัวที่เกือบจะฆ่าเขาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เขาก็เอาชนะมันได้เพราะความโชคดี
แต่คราวนี้หลายอย่างมันกลับแตกต่างออกไป