บทที่ 91 ต้องการหลอมสร้างร่างแยก
หลังจากที่หลี่ฟานใช้วงจรอาคมเดินทางกลับมายังเกาะหมื่นเซียน เขาก็พบว่าข่าวเรื่องที่วิหารอวิ๋นสุ่ยปรากฏกายขึ้นมาในโลกมนุษย์ได้แพร่สะพัดออกไปทั่วแล้ว
"เร่งดูด่วน! สำนักลึกลับที่หายสาบสูญไปนานนับพันปี กลับมาปรากฏกายอีกครั้ง!"
"ศิษย์พี่ผู้อ่อนโยนดันคิดไม่ซื่อยามดึกสงัด…"
"ข้อมูลลับสุดยอด 10 คะแนนผลงานต่อชุด ไม่โกงทั้งเด็กและผู้ใหญ่"
…
ในช่วงแรกนั้น เป็นข้อมูลที่เจี๋ยวซิวหยวนนำไปขายต่อ ซึ่งก็มีเพียงเนื้อหาเกี่ยวกับการทดสอบชั้นแรกของฉินถังเท่านั้น
แต่เนื่องจากเป็นข้อมูลมือหนึ่ง จึงยังคงขายได้ในราคาสูงถึง 30 คะแนนผลงานต่อชุด
เจี๋ยวซิวหยวนจึงได้กำไรมากโข
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น จากบรรดาผู้รอดชีวิตที่ทยอยกลับมาจากวิหารอวิ๋นสุ่ยอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเกี่ยวกับซากสำนักปริศนาแห่งนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลให้ราคาลดฮวบลง
แน่นอนว่าเนื่องจากคนกลุ่มแรกที่เดินทางสำรวจมีจำนวนจำกัด ข้อมูลที่หลุดออกมาในตลาดในขณะนี้จึงยังจำกัดอยู่แค่ที่รูปปั้นหินฉินถังและปริศนาโดยรอบไม่กี่จุดเท่านั้น
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเขตลึกกว่านั้นในวิหารอวิ๋นสุ่ย เช่น หอคลั่งปีศาจ หรือตำหนักไท่อี้ ยังคงเป็นความลับที่ไม่มีข้อมูลหลุดออกมา
หลี่ฟานส่ายหัว แล้วกลับเข้าไปในกระจกเทียนเสวียน เพื่อเริ่มสำรวจสิ่งที่ได้มาในครั้งนี้
คัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ย ที่ฉินถังถ่ายทอดให้, เทคนิคเซียนผูกมัดแมลงของนักพรตฉง, บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย (คัมภีร์ยุทธ์กระบี่สะกดทะเลที่ได้มาจากซือคงอี้, คัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่ และยันต์เทาเทียนฮ่วนรี่)
ปัจจุบัน เขาได้ฝึกฝนคัมภีร์ตราทองล้อมหยกพันกลไก, คัมภีร์ภูตมายาแห่งปรโลก และคัมภีร์ยุทธ์ร่างเงาสะท้อนตาม
สุภาษิตที่ว่าโลภมากย่อมอดตาย การที่มีคัมภีร์วิชาใหม่หลายเล่มเพิ่มมาในครั้งนี้ จำเป็นต้องเลือกว่าจะฝึกฝนอันไหน
ในจำนวนนั้น เทคนิคเซียนผูกมัดแมลงนับเป็นพรสวรรค์ ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไร
ส่วนคัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ยนั้นใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแผนการของหลี่ฟานในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่เขาต้องฝึกฝนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่สามารถนำมาฝึกฝนได้ แต่ว่า...
จิตสำนึกของหลี่ฟานแวบผ่านไปที่ยันต์เทาเทียนฮ่วนรี่ในแหวนเก็บของ
ขั้นตอนการหลอมสร้างร่างแปลงนั้นอาจจะลองทำได้
แต่สำหรับวิธีการที่ซือคงเยว่คิดค้นขึ้นทีหลัง ที่แปรเปลี่ยนพลังชีวิตเป็นยันต์เทาเทียนฮ่วนรี่นั้น ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนมันเลย
ในความคิดของหลี่ฟาน วิธีรักษาชีวิตของซือคงเยว่นั้นยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบอยู่มาก
อย่างน้อยก็เหมือนอย่างที่เขาทำ นั่นคือกักขังร่างแปลงทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นก็สังหารทิ้งซ้ำแล้วซ้ำอีก
การฟื้นคืนชีพที่ว่ามา ก็เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้นเอง
บนโลกนี้ พูดถึงเรื่องการรักษาชีวิตแล้ว มีอะไรจะเหนือกว่า "หวนเจิน" ของเขาเล่า?
จะไปเสียเวลากับคนอื่นทำไม
ยิ่งไปกว่านั้น...
มองดูยันต์ที่ดูประหลาดเหมือนสิ่งมีชีวิต หลี่ฟานก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ลึกๆ ผุดขึ้นมา
"เทาเทียนฮ่วนรี่ (ขโมยฟ้าสลับดวงอาทิตย์) ว่ากันว่าใครขโมยใคร ยากจะบอกได้จริงๆ"
"ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับมันหรอก ปล่อยทิ้งไว้ก่อนดีกว่า ไว้โอกาสหน้าค่อยเอามาทดสอบดู"
"คัมภีร์ยุทธ์กระบี่สะกดทะเลสามารถฝึกฝนได้จนถึงขั้นควบแน่นแก่นทองคำ เมื่อฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว ก็จะสามารถก่อรูปกระบี่สะกดทะเลได้ 108 เล่มในตันเถียน"
"ใช้เดี่ยวสามารถเรียกร้อยกระบี่โจมตีพร้อมกัน ใช้กลุ่มก็สามารถจัดวางเป็นค่ายกลกระบี่สะกดทะเล นับเป็นคัมภีร์ฆ่าฟันระดับเยี่ยม"
"พลังทำลายล้างไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนฝึกฝน"
"ตอนนี้หมุดยึดผ่านมา 12 ปีแล้ว ตามชาติก่อน ความโกลาหลจากเพลิงแดงเผาทะเล จะเกิดขึ้นในปีที่ 31 ก่อนหน้านี้ข้ายังลังเลว่าจะเข้าร่วมในเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ครั้งนี้หรือไม่ แต่ด้วยโอกาสอันดีครั้งนี้ ถ้าผ่านทางร่างแยกและคัมภีร์ฝันมายาอวิ๋นสุ่ย แม้ร่างจริงจะหนีไปยังทวีปอันไกลโพ้น ก็น่าจะกวนน้ำให้ขุ่นในทะเลชงอวิ๋นได้ไม่น้อยทีเดียว"
...
ในชั่วพริบตา ความคิดวางแผนต่างๆ ผุดวาบขึ้นมาในหัวของหลี่ฟาน หลังจากผ่านไปนานพอสมควร เขาจึงค่อยละทิ้งมันไปก่อน
จากนั้นเขาก็หยิบโมเดลเจ็ดสีขนาดเล็กออกมาจากแหวนเก็บของ และเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด
"ถ้าไม่ใช่ว่าข้าได้ของชิ้นนี้มาจากมือของไท่อี้เอง ข้าก็คงไม่เชื่อหรอกว่านี่คือบันทึกภาพอวิ๋นสุ่ยในตำนาน" หลังจากศึกษามันครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่พบความวิเศษใดๆ ทำให้หลี่ฟานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง
"หรือว่าอาจจะมีความลับซ่อนอยู่ในนี้จริงๆ แต่ถ้าไขไม่ออกมันก็ไม่ต่างอะไรกับขยะที่วางอยู่ในมือหรอก แลกเป็นคะแนนผลงาน 100,000 คะแนนน่าจะเหมาะที่สุด"
"เพียงแต่ว่า ถ้าร่างหลักเอาไปแลกเองคงจะเป็นที่สะดุดตามากไป ต้องหลอมสร้างร่างแยกให้เสร็จก่อนละ"
หลี่ฟานตรวจสอบคะแนนผลงานที่ตนมีอยู่ในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ เพื่อจัดการกับซือคงอี้ เขาได้ใช้เกือบทุกคะแนนผลงานที่มีอยู่
เหลืออยู่แค่ห้าร้อยกว่าคะแนน
โชคดีที่ส่วนประกอบในการหลอมสร้างร่างแยกนั้นไม่ได้มีราคาแพงมากนัก
กระดูกเลิศ น้ำนมวิญญาณ เส้นเอ็นสลายกระดูก...
หลี่ฟานซื้อมันมาทีละอย่างจนครบ
ในที่สุดเมื่อคะแนนผลงานเหลือ 135 คะแนน ส่วนประกอบทุกอย่างก็ครบถ้วน
ยกเว้นส่วนประกอบสุดท้ายอย่างทรายวิญญาณเทียนจิงที่ยังขาดไป
ส่วนทรายวิญญาณเทียนจิงนี้ ตามความทรงจำของซือคงอี้ สามารถเก็บได้จากบางแห่งในทะเลชงอวิ่น
หลังจากนั้น หลี่ฟานก็เปิดโหมดช่วยฝึกฝน เพื่อฝึกฝนคัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่
คัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่นี้มีความคล้ายคลึงกับคัมภีร์ตราทองล้อมหยกพันกลไกที่หลี่ฟานฝึกฝนเป็นหลักอยู่บ้าง
คัมภีร์ตราทองล้อมหยกพันกลไกฝึกฝนกระแสปราณ ส่วนคัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่ฝึกฝนการขโมยชะตาชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นกระแสปราณหรือชะตาชีวิต ล้วนเป็นสิ่งที่ลี้ลับเหลือเกิน ยากที่จะรับรู้ แต่กลับมีอยู่จริง
ด้วยพลังช่วยเหลือจากชิ้นส่วนสื่อวิญญาณ หลี่ฟานใช้เวลาเพียง 3 วัน ก็สามารถฝึกฝนมันจนถึงขั้นฝึกปราณระยะกลาง
และคะแนนผลงานก็เหลือแค่ 35 คะแนนอันน่าสงสารเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ยุทธ์เทาเทียนฮ่วนรี่ถึงแค่ขั้นฝึกปราณระยะกลางก็สามารถเริ่มหลอมสร้างร่างแยกได้แล้ว เขาจึงหยุดการฝึกฝนไว้เพียงเท่านั้น
พาส่วนประกอบต่างๆ ไปด้วย หลี่ฟานใช้วงจรอาคมออกจากเกาะหมื่นเซียน มาถึงทางทิศตะวันตกของทะเลชงอวิ่นที่เกาะหลิงเทียน
สถานที่ที่มีทรายวิญญาณเทียนจิงนั้นอยู่ไม่ไกลจากเกาะหลิงเทียน
หลี่ฟานบอกลาผู้พิทักษ์ประจำเกาะหลิงเทียนสองสามคำ ก่อนจะกระตุ้นยันต์ซ่อนร่างเล่นๆ แล้วบินไปยังจุดหมายที่จำได้
หลายวันต่อมา เขาหยุดลงที่ผืนน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำวนใหญ่น้อย ก่อนจะดำดิ่งลงใต้ท้องทะเล
ที่นี่น้ำทะเลค่อนข้างตื้น ลึกไปเพียงสามถึงสี่ร้อยเมตรก็ถึงก้นแล้ว
มีเศษซากปรักหักพังของอาคารล้มระเนระนาดอยู่ทั่วไป ดูเหมือนจะเป็นซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้าง
ซากปรักหักพังมีขนาดใหญ่ทีเดียว ยังพอจินตนาการออกถึงความรุ่งเรืองในอดีตได้
แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้จมลงสู่ใต้ทะเลเช่นนี้
ในทะเลชงอวิ่นมีซากปรักหักพังแบบนี้อยู่ทั่วไป หลี่ฟานจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
เพราะในตอนที่หลี่ฟานเพิ่งมาถึงทะเลชงอวิ่น เขาก็เคยได้ยินเรื่องที่ภัยพิบัติลมพายุเกิดขึ้นและทำให้เกาะนับร้อยจมลงอยู่แล้ว
เขามาถึงข้างๆ แท่งหินขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมที่เอียงลง จากนั้นก็แทรกตัวเข้าไปตามร่องของแท่งหินนั้น
ด้านในเหมือนถ้ำมืดทึบ มีเพียงแมงกะพรุนเรืองแสงนับร้อยตัวลอยไปมาอยู่
ดูเหมือนกับดวงดาวที่เคลื่อนที่ไปมาก็ไม่ปาน
พื้นที่ด้านล่างของถ้ำปกคลุมไปด้วยกองทรายและหินเม็ดเล็กๆ เปล่งประกายวิบวับ
ตรงกลางถ้ำ มีหินก้อนใหญ่ที่ถูกขุดกลวงออกกลายเป็นบ้านของแมงกะพรุน
ส่วนทรายเปล่งประกายบนพื้นถ้ำนั่นก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากทรายวิญญาณเทียนจิง
หลี่ฟานเก็บทรายวิญญาณเทียนจิงบนพื้นถ้ำเข้าไป แล้วมองไปที่ก้อนหินใหญ่อีกครั้ง อดที่จะอุทานด้วยความรู้สึกทึ่งในการสร้างสรรค์อันน่าพิศวงของธรรมชาติไม่ได้
ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่ซือคงอี้ค้นพบโดยบังเอิญ
ก้อนหินตรงกลางนี้ ก็เป็นแค่แร่ธาตุวิญญาณธรรมดาๆ ก้อนหนึ่ง
แต่กลับใช้กระบวนการกลืนกิน ย่อยสลายของแมงกะพรุนที่ไม่รู้จักชื่อพวกนี้ แล้วก็กลายมาเป็นวัสดุล้ำค่าอย่างทรายวิญญาณเทียนจิงได้
นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
เพราะต้องรู้ว่า แม้กระทั่งนักปรุงวัตถุวิเศษขั้นสร้างฐาน ก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะหลอมขึ้นมาได้