บทที่ 652: บ้าและโล่งใจ!
ร่างวิญญาณนั้นเป็นการดำรงอยู่ในรูปแบบที่พิเศษมาก ๆ พวกมันเคยเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนที่จะตาย จากนั้นหลังจากที่ตายไปแล้วก็ก่อเกิดกลายเป็นร่างวิญญาณ ต่อมาร่างนี้จะค่อย ๆ กลายเป็นการดำรงอยู่ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับร่างพลังงาน
ซึ่งการเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานนั้นเป็นขั้นตอนหนึ่งที่นักรบระดับราชาต้องผ่าน และเอาแค่ตามคำของมันก็บ่งบอกได้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันคือกระบวนการในการเลื่อนระดับจากตัวตนระดับต่ำขึ้นไปเป็นตัวตนระดับสูง
แต่ร่างวิญญาณนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นระดับราชาก่อนและสามารถเข้าสู่กระบวนการนี้ได้เลย แม้ว่าหลัก ๆ แล้วจะไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมดและยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังคล้ายคลึงกันมาก
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่หลังจากตายไปแล้วจะกลับมาปรากฏตัวในรูปแบบของร่างพลังงาน
สาเหตุที่สิ่งมีชีวิตกลายเป็นร่างวิญญาณหลังจากตายไปแล้วก็เพราะพวกมันมีความยึดติดอย่างแรงกล้าในใจ ซึ่งเหมือนกันกับนักรบต่างเผ่าที่นอนติดอยู่กับพื้นตรงหน้านี่
มันต้องเห็นคนรักถูกทรมานจนตาย ต้องเจ็บปวดไปทั้งกายและใจ อีกทั้งยังมาถูกไอ้ลูกชายเจ้าเมืองทำให้อับอายในทุก ๆ วิถีทางที่เป็นไปได้อีก ดังนั้นพลังความแค้นของมันที่อัดแน่นมาโดยตลอดจากเดิมที่เป็นเพียงนามธรรมก็แทบจะควบแน่นขึ้นเป็นสสารได้เลยทีเดียว
ต่อมาด้วยการกระทำของตนยังเป็นการลากครอบครัวให้เข้ามาพัวพันด้วยจนนำมาสู่วิกฤติการณ์การถูกฆ่าล้างโคตร!
ตอนนั้นเองที่ความแค้นในใจของมันได้ระเบิดออกจนหมด ไม่มีการยับยั้งชั่งใจอะไรใด ๆ อีกต่อไปและลงมือจุดระเบิดทำลายดวงดาวของชาวโทรโบที่ถังเจิ้นมอบให้
เนื่องจากอยู่ในศูนย์กลางการระเบิดประกอบกับมีความยึดติดอย่างแรงกล้า ผลคือมันได้กลายเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุด
คือหลังจากที่กลายเป็นร่างวิญญาณแล้วมันก็ได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผีมือใหม่ ไม่มีร่างวิญญาณตนใดที่สามารถต่อกรกับมันได้เลย!
เมื่อมันรู้ตัวแบบนั้นความปรารถนาทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ในอกสมัยที่ยังมีชีวิตก็ระเบิดออกมาทันที อุปนิสัยของมันเองก็ได้บิดเบี้ยวไปโดยสิ้นเชิง
ด้วยความแข็งแกร่งอันเหนือล้ำที่ตนเองมีทำให้มันไม่ลังเลที่จะตามล่าหาตัวศัตรูเก่ามาแก้แค้เลย มันได้พิชิตวิญญาณทั้งหมดที่นี่และสั่งให้ปฏิบัติตามสิ่งที่มันต้องการโดยไม่สนศีลธรรมใด ๆ
โดยไม่รู้ตัว เมื่อความคิดของมันเริ่มชัดเจนขึ้นพฤติกรรมของมันก็ยิ่งกดขี่มากขึ้น ซึ่งหลัก ๆ แล้วความคิดเหล่านั้นก็มีแต่เรื่องไร้สาระและเอาแต่ใจตัวเองทั้งนั้น
ดังนั้นเหตุผลที่ทำให้มันมีความสุขมากเมื่อได้เห็นถังเจิ้นจึงไม่ใช่เพราะของขวัญที่เขาเคยให้ แต่เป็นแก่นโลหิตในร่างของเขาที่มันต้องการเอาไปใช้ในทางที่ถูกต้อง
เพียงแค่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มันก็สามารถรับมาได้ตามที่ต้องการโดยไม่มีผู้ใดสามารถขัดขืนคำสั่ง เพราะว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่มันเคยเป็นอีกต่อไปแล้ว!
อีกทั้งยังไงถังเจิ้นก็ยังเคยใจดีกับมัน มันจึงเพิ่มความจริงใจเข้าไปโดยการชักชวนอย่างให้ความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความแข็งแกร่งที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ในตอนนี้อยู่แล้ว
แต่ถ้าไอ้มนุษย์นี่ไม่รู้จักรักดีล่ะก็มึงอย่ามาหาว่ากูเนรคุณทีหลังก็แล้วกัน!
ถึงจะไม่อาจมองออกว่าการฝึกฝนของถังเจิ้นคือระดับไหนก็ตาม แต่ไอ้ต่างเผ่านี้ก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับเขานัก เพราะว่ามันมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองสุดขีดและถึงขนาดยกยอปอปั้นว่ากูนี่แหละเจ๋งสุดอยู่เป็นประจำ
ส่วนเรื่องที่กระดับของถังเจิ้นจะสูงกว่าตัวเองนั้นมันไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เพราะเรื่องเหลวไหลแบบนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่ไอ้หมอนี่มันเลื่อนจนเป็นระดับลอร์ด 4 ดาวโดยที่ตัวมันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ที่เข้าใจแน่ ๆ คือระดับการฝึกฝนขนาดนี้เป็นเพียงแค่ความฝันในสมัยยังมีชีวิตอยู่ และความแข็งแกร่งในระดับนี้ก็เรียกได้ว่าสามารถกดขี่ทุกคนได้ทั่วทีปทั่วแดนแล้ว!
ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นอะไรที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อาจเป็นเพียงสถานการณ์เดียวที่จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกเลยด้วยซ้ำไป!
ดังนั้นมันจึงประเมินว่าไม่ว่าการฝึกฝนของถังเจิ้นเพิ่มพูนเร็วเพียงใดก็ตามย่อมต้องมีขีดจำกัดคอขวดอยู่เสมอ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนระดับได้หลายระดับในเวลาสั้น ๆ!
เพราะนั่นไม่ใช่ระดับตำนานแล้ว แต่มันคือความเพ้อฝันไร้สาระ!
ดังนั้นในสายตาของมันจึงคิดว่าไม่ว่าถังเจิ้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเทียบเท่าตัวเองในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน และถ้าตัวเองลงมือล่ะก็ย่อมสามารถบดขยี้เขาทิ้งได้สบาย ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันจะคิดแบบนี้
เพราะว่าในโลกโหลวเฉิงแห่งนี้ยิ่งระดับของนักรบสูงขึ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเลื่อนระดับได้ยากมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่เลื่อนเป็นระดับลอร์ดแล้วกระบวนการในการเลื่อนระดับจะยิ่งยากมากขึ้นไปอีก
เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นพลเมืองของโหลวเฉิงระดับประเทศซึ่งด้วยโบนัสคุณสมบัติของโหลวเฉิงที่เพิ่มขึ้นมันจะช่วยให้ความยากดังกล่าวลดลงอย่างมาก ซึ่งจะง่ายต่อการพัฒนาระดับการฝึกฝนให้เพิ่มพูนขึ้น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักรบระดับลอร์ดจึงหาได้ยากในโหลวเฉิงธรรมดา แต่กลับมีให้เห็นอย่างกับคนธรรมดาในโหลวเฉิงระดับประเทศ
แน่นอนว่านี่คือกระบวนการในการส่งเสริมนักรบภายแบบปกติ หากตัดสถานการณ์พิเศษออะไปล่ะก็นักรบโหลวเฉิง 99% จะเดินตามเส้นทางนี้
ดังนั้นในการพัฒนาของถังเจิ้นหากว่าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองล่ะก็จะไม่มีใครเชื่อเลย
ด้วยเหตุนี้เองสำหรับตัวมันแล้วจึงคิดว่าไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่คนที่มันเจอคือถังเจิ้น ตัวเขานั้นมีวิธีการอัปเลเวลที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ทั้งหมด!
มีคนนอกที่ให้ความสนใจเขาอยู่มากมาย โดยในขณะที่กำลังให้ความสนใจเมืองเชิ่งหลงอยู่นั้นก็ได้สังเกตเห็นการอัปเลเวลที่เร็วผิดปกติของถังเจิ้นด้วย
หลังจากที่วิเคราะห์ดูแล้วพวกนั้นก็เชื่อสนิทใจเลยว่าถังเจิ้นนั้นเดิมทีมีการฝึกฝนที่สูงมากอย่างแน่นอน เพียงแต่ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่างทำให้ต้องผนึกพลังเอาไว้ และผนึกดังกล่าวจะคลายออกก็ต่อเมื่อเขาได้เคลียร์เงื่อนไขอะไรบางอย่างเท่านั้น
เมื่อเอาข่าวลือเรื่องที่เขามาจากโหลวเฉิงระดับทวีปอันแสนลึกลับแล้วพวกกองกำลังทั้งหลายต่างก็หวั่นเกรงว่าตัวตนของถังเจิ้นในโหลวเฉิงระดับทวีปนั้นจะไม่ใช่ธรรมดา!
ถังเจิ้นก็เคยได้ยินข่าวลือดังกล่าวเช่นกัน แต่เขาแค่หัวเราะเบา ๆ และเลิกใส่ใจ!
********************************
ในพื้นที่หมอกสีเทา
ในเวลานี้ถังเจิ้นหยุดหัวเราะได้ในที่สุด
เพราะการแสดงของไอ้ต่างเผ่าเมื่อกี๊ที่เป็นแค่หนูแต่กำลังบังคับเสือให้ฆ่าตัวตายนี่มันอย่างฮาเลยจริง ๆ นี่หว่า!
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลังจากกลายเป็นร่างวิญญาณแล้วธรรมชาติของคนคนนั้นจะบิดเบี้ยวและเปลี่ยนไปอย่างมากจนคำพูดและการกระทำสวนทางตีกันมั่วไปหมดเลยก็ตามที แต่ถังเจิ้นก็ยังอดตลกกับไอ้ต่างเผ่านี่ไม่ได้จริง ๆ
เฮ่อ~ ขนาดที่มีความสุขแบบนี้ก็ยังหาได้ยากสำหรับเขาในตอนนี้
เพราะนับตั้งแต่ที่เขาได้กลายมาเป็นเจ้าเมืองเชิ่งหลงถังเจิ้นได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีให้กับมัน เขาต้องยุ่งอยู่กับงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีเวลาพักผ่อนแค่นิดเดียว
หลังจากที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับราชาแล้วร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เลื่อนขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบที่สูงขึ้น และมีความรู้สึกอย่างเรือนลางว่าตนเองนั้นอยู่เหนือกว่าสรรพชีวิตทั้งหลายที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
ทว่าการอัปเลเวลเองก็ได้นำมาสู่ความเปลี่ยวเหงาในใจ มันทำให้เขาเริ่มจะทำอะไรจริงจังอย่างมากและมีเวลาสื่อสารกับผู้อื่นน้อยลงเรื่อย ๆ
บางครั้งถังเจิ้นก็คิดไปเองว่าถ้าตนยังอัปเลเวลต่อไปล่ะก็จะต้องได้มาแน่นอน อายุยืนยาวที่ไฝ่ฝันถึงนั่นน่ะ
ทว่าหากเป็นแบบนั้นแล้วเมื่อเวลาที่ผ่านไปหลายปีก็จะไม่เหลือญาติและเพื่อน ๆ ที่รายล้อมรอบตัว จะเหลือแต่เพียงความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา แล้วการดำรงอยู่แบบนั้นมันจะอยู่ไปเพื่ออะไรกันล่ะ?
มีชีวิตอยู่เพื่อแค่อยู่ แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากพืช ดิน หรือก้อนหินหรอกเหรอ?
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ถังเจิ้นเริ่มเรียนรู้ที่จะชะลอความเร็วและค่อย ๆ เพลิดเพลินไปกับความสุขของชีวิต
ถึงยังไงชีวิตนี้ก็แสนสั้นนัก เส้นทางในการอัปเกรดโหลวเฉิงก็แสนยาวนานและยากลำบาก ถ้างั้น... ทำไมไม่ลองเก็บของขวัญอันแสนวิเศษทุกชิ้นที่เจอระหว่างทางไว้ดูล่ะ!
แม้ว่าในใจจะคิดแบบนี้อยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่รู้ทำไมมันถึงยังติดขัดอะไรบางอย่างทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้ มันราวกับมีอะไรบางอย่างขวาอยู่ที่ทำให้ไม่เกิดความแล้วในใจซักที
ทว่าเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจนี้กลับทำให้ใจที่ติดขัดเปิดออก สติเกิดความแจ่มชัดขึ้นมาในทันที!
ความหมายลึกลับในเรื่องนี้คงมีเพียงถังเจิ้นเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้!
หลังจากที่หัวเราะอย่างเต็มที่แล้วถังเจิ้นก็เพิกเฉยต่อไอ้ต่างเผ่าที่ตกอยู่ในความสับสนและหวาดกลัว แต่มองไปยังผู้หญิงต่างเผ่าผู้น่ากลัวตรงหน้า
อีกฝ่ายเองก็จ้องเขากลับมาพร้อมกับรอยิ้มจาง ๆ ที่ประดับใบหน้า แต่แววตากลับบอกถึงความรำคาญใจ
“ถ้านับดี ๆ ล่ะก็เราเจอกันสามครั้งแล้วใช่มั้ย
จู่ ๆ ก็รู้สึงว่าทุกครั้งที่เจอเธอเป็นต้องประหลาดใจได้ทุกทีเลยเชียว!” ถังเจิ้นพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“นั่นควรเป็นคำพูดฉันมากกว่า เพราะทุกครั้งที่ฉันได้เห็นนายเป็นต้องเห็นว่านายมีรากฐานการฝึกฝนสูงขึ้นทีละหลายขั้นตลอดเลย ดูอย่างตอนนี้ซิ เป็นระดับราชาไปแล้วเนี่ย!
ว่าก็ว่าเถอะถังเจิ้น นายทำได้ไงอะ ไหนลองเอามาแชร์กันหน่อยซิ แน่นอนว่าไม่ขอเปล่า ๆ หรอก รับรองว่าฉันจะทำประโยชน์ให้นายแบบคุ้ม ๆ เลย!”
ผู้หญิงต่างเผ่าจ้องถังเจิ้นไม่วางตา น้ำเสียงที่พูดบ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งแววตาสงสัยนั้นบ่งบอกเลยว่าอยากรู้จริง ๆ ไม่ได้เล่นตุกติก
“ความลับส่วนตัวบอกไม่ได้ แต่ถึงบอกไปหล่อนก็ทำตามไม่ได้อยู่ดีแหละ!” ถังเจิ้นส่ายหน้าส่งซิกให้อีกฝ่ายตัดใจซะ
“ฮึ่ม ไม่บอกก็ไม่บอกสิ ถ้าฉันจับวิญญาณนายกินล่ะก็เด๋วก็รู้แล้วทำตามได้เองแหละ!”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยอมรับคำประเมินของถังเจิ้นและพูดด้วยน้ำเสียงหิวโหยพร้อมแลบลิ้นเลียปาก
“แต่จะว่าไปจากความทรงจำที่ฉันได้จากวิญญาณที่กินเหมือนนายจะมาจากโหลวเฉิงระดับทวีปสินะ แถมครั้งนึงนายยังเคยเป็นคนที่เลเวลสูงแต่กลับถูกผนึกไว้ เพราะงั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่นายเลื่อนระดับได้รวดเร็ว
ถ้าวิเคราะห์ไปตามนี้ล่ะก็เรื่องมันจะสมเหตุสมผลและเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว!”
ผู้หญิงต่างเผ่าพูดมาถึงตรงนี้แล้วแววตาก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์เหมือนกำลังหวนรำลึงถึงความหลังอะไรบางอย่าง
แต่ถังเจิ้นที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดก็กลับต้องประเมินอีกฝ่ายใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารีบถามอย่างสงสัยมาก “เธอหมายความว่าไง! จะบอกว่าสามารถรับเอาความทรงจำจากวิญญาณที่กินเข้าไปมาเป็นของตัวเองได้ด้วยเอ่อ!”
“ก็ปกติหนิ เป็นความสามารถที่มีมาแต่เกิดแล้ว!”
ผู้หญิงต่างเผ่าตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ