ตอนที่แล้วบทที่ 25 เข้าใจเจตนาผิดไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 สามหมื่นห้าพันเหรียญทอง

บทที่ 26 ย้ายออกจากบ้านสกุลหยาง


เขามองหยางหมิงและหยางไห่พร้อมตอบกลับด้วยท่าทีสงบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็ขอปฏิเสธน้ำใจของพวกท่านแล้วกัน”

เมื่อหยางไห่ได้ฟังคำตอบ เขาก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากก่อนจะกล่าวต่อว่า “น้องรอง อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัยของครอบครัวเจ้า ทั้งหมดนี้ ล้วนได้มาจากความเมตตาของตระกูลหยาง”

“ในเมื่อตอนนี้ ท่านพ่อขอให้เจ้าช่วยงานที่เหมืองเหตุใดเจ้ายังกล้าปฏิเสธ เจ้าไม่พอใจเรื่องอันใดอีกเล่า เป็นคนอย่าโลภให้มันมากนัก”

แต่กับท่าทีปิดปากเงียบของหยางหมิงตอนนี้ มันก็ได้สื่อออกมาชัดเจนแล้วว่าเห็นด้วยกับคำพูดหยางไห่

หยางเฉาทำเพียงหัวเราะดังลั่นกับสิ่งที่พี่ชายพล่ามกล่าว “ฮ่าๆๆ เช่นนั้นครอบครัวของข้า ก็อาศัยความเมตตาจากตระกูลหยางเพื่อให้มีกินไปวันๆ งั้นหรือ หากครอบครัวของข้าไร้ซึ่งตระกูลหยางคงต้องนอนข้างถนนราวขอทานเช่นนั้นหรือ ฮ่าๆๆ”

ใบหน้าของหยางหมิงมืดลงก่อนตวาดขึ้นเสียงดัง “พอได้แล้ว”

แต่หยางเฉาหาได้สนใจไม่ และยังคงกล่าวต่อ “ในเมื่อพวกท่านเห็นพ้องต้องกัน แล้วเหตุใดข้าจะต้องอยู่อย่างไร้เกียรติในที่แห่งนี้อีกเล่า ได้ ข้าจะรีบเก็บข้าวของให้เสร็จภายในไม่กี่วันข้างหน้า หลังวันที่สิบห้าของจันทรคติแรก ครอบครัวของข้าจะย้ายออกจากหมู่บ้านสกุลหยางแห่งนี้ แล้วไม่หวนกลับมา และจะไม่มีวันอาศัยความเมตตาจากตระกูลหยางอีก”

หลังระบายความอัดอั้นและเจ็บช้ำในใจจบ เขาก็หันหลังพร้อมเดินจากไปในทันที

เมื่อหยางไห่เห็นหยางเฉาจากไป เขาก็อดที่จะหันไปกล่าวให้ร้ายกับหยางหมิงไม่ได้ “ท่านพ่อ น้องรองของข้าช่างทำตัวไร้ยางอายนัก!”

หยางหมิงยกมือขึ้นปรามเสียงพล่ามไม่หยุดนั้น “หากใคร่ไปก็ปล่อยให้เขาไป คอยดูเถอะ เมื่อไร้ซึ่งการคุ้มครองจากตระกูลหยางของข้า เขาจะรู้ว่าตนนั้นไร้ความสามารถเพียงใด ไม่กี่วันคงได้หัวซุนกลับมาร้องขอความเมตตาจากข้า”

จากนั้นเขาก็สั่งหยางไห่ที่อยู่เบื้องหลัง “เจ้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านเฮยเฟิง ใครเป็นผู้สังหารหม่าตงผิงและวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์พวกนั้น”

ขณะเดียวกัน หยางเสี่ยวเทียนซึ่งกลับถึงลานฝึกแล้ว ก็ได้ทราบเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างบิดาเขากับหยางหมิงและหยางไห่ รวมไปถึงการตัดสินใจของบิดาที่จะย้ายออกจากหมู่บ้านสกุลหยาง

สายตาหยางเสี่ยวเทียนเขม้นมองไปยังเรือนของผู้เป็นปู่พำนักอยู่พร้อมกำหมัดแน่น

ในสายตาของท่านปู่ ที่ครอบครัวเขามีอยู่ทุกวันนี้ เพียงเพราะอาศัยความเมตตาจากตระกูลหยางมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ

สักวัน! เขาจะทำให้ตระกูลหยางต้องเสียใจที่ปฏิบัติเช่นนี้กับครอบครัวเขา

“อีกสองวัน หยางจงจะกลับมาเช่นนั้นซินะ” เขาพึมพำกับตนเอง

เขานึกถึงข่าวที่คนสกุลหยางกล่าว เรื่องการมาเยือนในอีกสองวันของหยางจง ซึ่งแน่นอนเขารู้เหตุผลว่าทำไมหยางจงจึงต้องการกลับมาเร็วขนาดนี้

เพราะทันทีที่หยางจงสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสามได้ เขาก็ร้อนใจอยากกลับมาประลองกับหยางเสี่ยวเทียนเพื่อล้างแค้นให้กับเหตุการณ์ในครั้งนั้น

“ระดับสาม” ขณะหยางเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่ เสื้อคลุมก็โบกสะบัดอย่างรุนแรงแม้ไร้แรงลม ก่อนปรากฎภาพธรรมมังกรขนาดสามสิบฉื่อ เคลื่อนวนรอบตัวเขา

ไม่ช้า ภาพธรรมมังกรที่วนรอบตัวหยางเสี่ยวเทียนก็เปลี่ยนเป็นปราณผสานเข้าในกายเขาแล้วสงบลง เขายื่นแหวนออกไปเบื้องหน้าขยายมันกลายเป็นเตาหลอมโอสถขนาดใหญ่ จากนั้นเริ่มทำการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณ

ความสำคัญของการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณนั้น ไม่ใช่เพื่อการบ่มเพาะ แต่เพื่อขายเอาเงิน

เขาต้องการหลอมโอสถขั้นเซียนเทียน แต่ในหุบเขาไม่มีสมุนไพรที่จะใช้หลอม ดังนั้นจึงต้องหาเงินเพื่อซื้อมัน

การหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการนั้นต้องใช้สมุนไพรเกือบร้อยชนิด ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แม้เขาจะสังหารหูลี่ หม่าตงผิง กับคนอื่นๆ จนมีทองคำจำนวนมาก แต่ทองคำเพียงแค่นี้ยังไม่เพียงพอจะซื้อสมุนไพรนับร้อยชนิดได้

ครึ่งวันต่อมา

หยางเสี่ยวเทียนมองดูโอสถสร้างฐานวิญญาณจำนวนสิบสี่ชุดที่เขาหลอมขึ้นมา พร้อมพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

หลังทะลวงเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์ เขาก็รู้สึกว่าการควบคุมไฟแห่งสวรรค์และโลกเพื่อหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณนั้นง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะในเวลาเพียงครึ่งวัน เขาสามารถหลอมได้มากกว่าสิบชุด

ยิ่งกว่านั้น โอสถสร้างฐานวิญญาณหลายสิบชุดนี้ ยังบริสุทธิ์มากอีกด้วย

เขาเก็บโอสถสร้างฐานวิญญาณไว้ในแหวนเก็บของก่อนจะออกจากหมู่บ้านสกุลหยาง มุ่งหน้าไปยังสมาคมการค้าที่ใหญ่สุดแห่งเมืองซิงเยว่

เพลานี้เอง ภายในสวนด้านหลังของหอสมาคมการค้าเฟิงยวิน ซึ่งเป็นสมาคมการค้าที่ใหญ่สุดในเมืองซิงเยว่ เหวินจิงอวี๋ขมวดคิ้วขณะดูบันทึกการเงินของสมาคมเดือนนี้ นางได้รับการแต่งตั้งจากตระกูล ให้คอยดูแลสมาคมการค้าสาขาเมืองซิงเยว่มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ทว่าผลกำไรของสมาคมแห่งนี้นั้นกลับตกต่ำมาก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางอาจไม่สามารถกลับไปยังเมืองเสินเจี้ยนได้อีก

ขณะที่เหวินจิงอวี๋กำลังกังวลเรื่องของผลกำไรในสมาคม จู่ๆ ก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นเบื้องหลังนาง

เหวินจิงอวี๋ตกใจแล้วหันกลับมายังต้นเสียง “นั่นใคร!”

นางกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนเห็นร่างหนึ่งในชุดดำ พร้อมกลิ่นอายอันดำมืดรายล้อมรอบตัวอยู่ข้างหลังห่างออกไปไม่กี่ฉื่อ

เหวินจิงอวี๋เหงื่อโชกทันที ในฐานะวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ระดับห้า นางกลับไม่สามารถสัมผัสถึงการมาของผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ได้เลย

ชายผู้นี้ อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับหกหรือเจ็ดกันนะ…

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ามาที่นี่พร้อมโอสถสร้างฐานวิญญาณ และต้องการขายมันให้กับสมาคมการค้าของเจ้า” ชายผู้สวมชุดดำกล่าวก่อนโบกมือข้างหนึ่งของเขา ทันใดนั้น ขวดหยกหลายสิบขวดก็ตกลงมาที่โต๊ะหินตรงหน้านาง

นางหยิบขวดหยกขึ้นมาด้วยความประหลาดใจแล้วเปิดมันออก ทันใดนั้น กลิ่นหอมสดชื่นจากโอสถที่ใครได้สูดดมก็พวยพุ่งออกมาทันที

“นี่คือโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์งั้นหรือ” นางมองดูโอสถสร้างฐานวิญญาณในขวดหยกด้วยความอัศจรรย์ใจ

เพราะโอสถระดับกลางนั้นถือว่าหาได้ยาก เช่นโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับกลาง ทว่าโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์นี้นั้น กลับหาได้ยากยิ่งกว่า

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่นางได้เห็นโอสถระดับสวรรค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด