ตอนที่แล้วตอนที่ 69 ภายใต้เหวลึกหมื่นลี้ มีบางสิ่งที่น่าสะพรึงซ่อนอยู่ (อ่านฟรี 13/07/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 ความลับที่ถูกเปิดเผย (อ่านฟรี 19/07/2567)

ตอนที่ 70 สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น! (อ่านฟรี 16/07/2567)


“เจ้าเป็นใครกัน ? รถเข็นนั่นมันอะไร”

“เหตุใดถึงออกมาจากปราการแสงได้ ?!”

“บอกข้ามานะ เจ้าได้สมบัติอันใดในนั้นมาบ้าง! ส่งมาซะ!!”

“สวัสดีนายท่าน ข้ามาจากศาลาสมบัติ ถ้าท่านต้องการจะขายของล้ำค่า”

หลังจากเย่ซีได้ออกมาจากปราการแสงก็พบเข้ากับกลุ่มคนมากมายเต็มไปหมด สารพัดคำถามถาโถมเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัว ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา

“พวกเจ้าเป็นใครกัน ?” เย่ซีกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

“ข้ามาจากกองโจรนรกทมิฬ จงส่งสิ่งที่เจ้าได้รับมาจากในนั้นมาซะ!” ชายฉกรรจ์หน้าตาเหมือนโจรป่าผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยเสียงดุดัน แม้ภายในเมืองหลวงจะมีกฎอันเข้มงวดอยู่บ้าง แต่ขอแค่พวกเขาไม่ลงมือฆ่าคนอย่างเปิดเผย ก็ยากที่ทางราชวงศ์จะทำอะไรพวกเขาได้

“โจรบ้าบออะไร ข้างในมันไม่มีสิ่งสมบัติอันใดหรอก ช่วยหลบทางด้วยข้ากำลังรีบ” เย่ซีไม่คิดที่จะสนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาดันรถเข็นแหวกผู้คนออกไปทันที

ฝูงชนที่ขวางทางอยู่ก็พากันแหวกทางอย่างว่าง่าย ความจริงมันก็ไม่ง่ายเหมือนที่ตาเห็น เพราะด้วยจำนวนผู้คนที่มากมายขนาดนี้ ต่อให้จะอยากเดินฝ่าออกไปก็ทำได้ยาก

เพียงแต่เมื่อรถเข็นสีชมพูขยับเข้าใกล้ผู้ใด มันก็เหมือนมีพลังงานที่มองไม่เห็นผลักให้คนผู้นั้นต้องถอยออกไปอย่างช่วยไม่ได้

ซึ่งนั่นก็รวมถึงโจรนรกทมิฬที่ตอนนี้ยืนหน้าแดงก่ำเพราะรู้สึกโกรธที่ถูกชายหนุ่มเมินใส่ต่อหน้าสาธารณชนจำนวนมากเช่นนี้

“เจ้าหนุ่ม! กล้าเมินข้าเช่นนั้นรึ?” ชายฉกรรจ์จากกองโจรนรกทมิฬเดินมาขวางทางชายหนุ่มเอาไว้ แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับบางอย่างที่พยายามจะดันเขาให้ออกห่าง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น

ด้วยระดับพลังของเขาย่อมสามารถต้านทานได้อย่างไม่ยากนัก

“จะหมาแมวที่ไหนก็ไปให้พ้น ถ้าไม่ซื้อของก็อย่ามาเกะกะ” ชายหนุ่มตะโกนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว

“กรอดด เห็นที่ข้าต้อง...” ตู้ม! ยังไม่ทันที่ชายฉกรรจ์จะกล่าวจบก็ได้มีหมัดของใครบางคนโจมตีเข้าใส่จากด้านหลัง จนเขาปลิวกระเด็นไปทันที

ผู้ที่ลงมือโจมตีก็คือฟางเจ๋อนั่นเอง เพราะองค์ชายสามต้องการจะพูดคุยกับชายหนุ่มคนนั้น รวมถึงพวกโจรเหล่านี้มันก็น่ารังเกียจยิ่งนัก จึงลงมือสั่งสอนไปเล็กน้อย

“ไอ้ลูกหม.... ท่านฟางเจ๋อ! เป็นท่านนี่เอง ทำไมท่านถึงลอบโจมตีข้ากัน ?” ชายฉกรรจ์เมื่อตั้งหลักลุกขึ้นมาได้เขาก็ตั้งใจที่จะกร่นด่าออกมา เพียงแต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่โจมตีเขา เขาก้ได้แต่เปลี่ยนเป็นตั้งคำถามแทน

“ข้าเป็นคนสั่งให้เขาทำเอง เจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่ ?” เสียงขายชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังขององครักษ์ฟางเจ๋อ ก่อนที่จะมีร่างของชายผู้หนึ่งปรากฏออกมา

เขาก็คือองค์ชายสามนั่นเอง

“องค์ชายสาม! ไม่มี ไม่มีขอรับ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” ชายฉกรรจ์ที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายจึงกล่าวออกมาอย่างลนลานก่อนจะรีบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

“อ้าว หนีไปซะแล้ว ช่างเถอะ” เย่ซีที่เห็นว่าชายฉกรรจ์หนีไปเสียแล้วเขาก็บ่นออกมาอย่างเสียดาย นึกว่าจะมีเรื่องสนุกให้ทำเสียอีก

“ว่าแต่เจ้าเป็นใครอีกล่ะ?” ชายหนุ่มหันไปมององค์ชายสามก่อนจะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

เพราะตอนที่เจ้าปลาปากเสียมันมาเล่าให้ฟังมันก็ไม่ได้ลงรายละเอียดว่ามีใครนักที่ซื้อสินค้ากับมันครึ่งหลัง

“บังอาจ! อย่าเสียมารยาท นี่คือองค์ชายสามของอาณาจักรแห่งนี้!” หนึ่งในทหารซึ่งเดินทางติดตามมาอารักขาได้กล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนหน้านี้ก็มีเจ้าปลาปากเสียตัวนึงแล้ว ครานี้ยังมีเจ้านายของมันอีก

ถึงองค์ชายสามจะกล่าวว่าไม่เป็นไรก็เถอะ แต่ในฐานะของทหารที่ถูกแต่งตั้งให้คอยติดตามองค์ชายแล้วนั้น เกียรติขององค์ชายย่อมสำคัญที่สุดเป็นรองแค่องค์จักรพรรดิเท่านั้น

“นั่นองค์ชายสามจริงรึ? ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้เห็นเชื้อพระวงศ์ตัวจริง!” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ต้องรู้ก่อนว่าเชื้อพระวงศ์แต่ละคนพบเจอได้ยากนัก เพราะพวกเขาไม่ค่อยจะแสดงตัวออกมาสักเท่าไหร่

“อย่าเอ็ดไป! เดี๋ยวเจ้าจะซวยเอา” ผู้ฝึกตนที่รู้จักกันกล่าวเตือนเขาด้วยเสียงอันเบา เพราะเขาเคยได้ยินมาว่าผู้ที่กล้ากล่าววาจาล่วงเกินราชวงศ์ล้วนมีจุดจบไม่ดีสักราย!

ผู้คนโดยรอบที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุมากนัก พวกเขาพากันมองอย่างเงียบ ๆ บางคนก็กระซิบพูดคุยกันเสียงเบา แต่ล้วนเป็นหัวข้อเดียวกันเกือบทั้งหมด

ชายคนนั้นเป็นใคร ? ทำไมองค์ชายสามถึงต้องสุภาพด้วยขนาดนั้น

“อืม... ข้าต้องรู้ใช่ไหม ?” เย่ซีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้อีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจขึ้นมา

“ฮ่าฮ่า ท่านช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก ท่านเป็นเจ้านายของมนุษย์ปลาเมื่อสักครู่ใช่หรือไม่ ?” องค์ชายสามหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกขบขันก่อนจะกล่าวถามต่อ

“ใช่หรือไม่ใช่แล้วมันทำไมรึ ?” เย่ซีตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ ถ้าไม่ติดว่าเขาอยากจะขายสินค้าสักเล็กน้อยคงเดินหนีไปแล้ว

ถ้าเขาตั้งใจที่จะไปก็ยากที่จะมีใครรั้งเขาเอาไว้ได้!

“ข้าอยากจะทำความรู้จักกับท่านเอาไว้ แน่นอนว่าตั้งใจที่จะสอบถามเรื่องการซื้อสินค้าของร้านท่านด้วย เนื่องจากท่านฟิชรีบจากไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรเอาไว้เลย” องค์ชายสามตอบกลับไป

“ได้สิ ข้าชื่อเย่ซี เป็นเจ้าของที่ดินแห่งนี้ แล้วเจ้าจะซื้ออะไรล่ะ ? ถ้าใช้เวลาไม่มากนักข้าจะขายให้เลย” ชายหนุ่มตอบกลับไป เขายอมเสียเวลาได้นิดหน่อยถ้ามีลูกค้าไม่มากนัก

ถึงแม้ลูกค้าจะสำคัญ แต่การทำภารกิจให้สำเร็จสำคัญกว่า! ได้เมล็ดผัดกาดเชียวนะ!!

“วันนี้ข้าคงซื้อไม่ได้แล้ว เพราะข้าและคนของข้าซื้อกันหมดแล้ว แค่อยากจะถามท่านว่าท่านจะสร้างร้านเสร็จเมื่อใด ? ข้าจะได้มาอุดหนุนอีก” องค์ชายสามกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร เขาต้องการผูกมิตรกับอีกฝ่ายเอาไว้

“อีกประมาณแปดสิบสี่ชั่วยาม ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนจะดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับไป ยังไงมีลูกค้ามาอุดหนุนในอนาคตก็ย่อมดีอยู่แล้ว

“ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ ? เผื่อว่าจะประหยัดเวลาของท่านได้” องค์ชายสามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังรีบก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะรีบไปที่ไหนสักแห่ง และด้วยอำนาจของเขา ถ้าเป็นภายในอาณาจักรแห่งนี้การจะพาอีกฝ่ายไปยังที่ใดก็ย่อมสะดวกรวดเร็วอยู่แล้ว

“อืม มีอยู่หนึ่งอย่างที่ท่านสามารถช่วยข้าได้” เย่ซีครุ่นคิดเล็กน้อยก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา

...

“ถึงแล้วขอรับท่านเย่ซี” ทหารนายหนึ่งซึ่งได้รับหน้าที่ให้มาส่งชายหนุ่มกล่าวออกมา

เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสองคนคือหุบเหวดำ มันเป็นเหวขนาดใหญ่แค่บริเวณปากเหวก็กว้างใหญ่จนแทบไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว มันกินพื้นที่ลากยาวตั้งแต่กำแพงทิศตะวันออกจนลากยาวไปจนเกือบถึงกำแพงทิศเหนือเลยทีเดียว

แม้ว่าจะชอบมีสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมาบ้าง แต่พวกมันก็มันจะถูกทหารและผู้ฝึกตนที่เวียนกันมาเฝ้าระวังจัดการไปจนหมด มีเพียงเล็กน้อยที่เล็ดรอดออกไปได้

“ขอบใจเจ้ามาก เจ้ากลับไปทำหน้าที่ต่อเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขาให้ลูกอมกับอีกฝ่ายไปหนึ่งเม็ด ทำให้ทหารคนนั้นกล่าวขอบคุณออกมาไม่หยุดด้วยความยินดี

นี่เป็นถึงโอสถวิเศษเชียวนะ! เขาได้รับมาฟรี ๆ แบบนี้จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง!

“ขอบคุณท่านมากขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน ขอให้ท่านโชคดีขอรับ” ทหารคนนั้นกล่าวขอบคุณซ้ำอีกครั้งก่อนจะจากไป

สิ่งที่ชายหนุ่มขอให้องค์ชายสามช่วยก็คือให้อีกฝ่ายนำทางไปยังเหวหมื่นอสูร หรือที่รู้จักกันในชื่อหุบเหวดำนั่นเอง เขาแค่คาดเดาว่ามันน่าจะเป็นที่เดียวกัน แต่เหมือนเขาจะคิดถูก เพราะในแผนที่ของเขามันบอกว่าเหวนี้มีชื่อว่าเหวหมื่นอสูร

‘แล้วข้าจะลงไปยังไง ? แม้ตอนนี้จะสามารถบินได้แล้วหลังจากฝึกเคล็ดขับเคลื่อนจักรวาล แต่มันก็ยังเสี่ยงอยู่ไม่น้อยถ้าจะบินลงไปโดยตรง’ ชายหนุ่มครุ่นคิดหาวิธีอยู่นาน จนสุดท้ายเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก

ชายหนุ่มเดินไปยังขอบเหวจุดหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นทางลาดลงไปด้านล่าง แม้จะไม่ได้ลาดเอียงมากนัก แต่ก็ไม่ได้ตั้งชันเหมือนกับจุดอื่น

“เฮ้ย! นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ!!” มีเสียงของผู้ฝึกตนคนหนึ่งตะโกนเตือนออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่เย่ซีกำลังจะทำ

“สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น!” ชายหนุ่มตะโกนออกมาเสียงดังก่อนที่ร่างของเขาซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นสีชมพู จะเคลื่อนที่ลงไปตามทางลาดของเหวหมื่นอสูร

ใช่แล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งอยู่ด้านในรถเข็นเซียนหลังจากที่เก็บสินค้าต่าง ๆ เข้าไปจนหมด ยังไงรถเข็นคันนี้ก็เป็นถึงรถเข็นเซียน มันคงไม่พังง่าย ๆ จากการกระแทกของหน้าผาหรอก!

ว่าแล้วรถเข็นสีชมพูที่มีร่างของชายหนุ่มผมดีนั่งอยู่ด้านใน ก็เคลื่อนที่หายลับไปจากสายตาของผู้ฝึกตนที่ตะโกนเตือนผู้นั้นไปอย่างรวดเร็ว

“โถ่ มีคนบ้ามาฆ่าตัวตายอีกแล้ว ข้าเสียใจยิ่งนักที่ไม่อาจช่วยเขาได้” ผู้ฝึกตนคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความเสียใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด