ตอนที่แล้วบทที่ 94 ระฆังสามสี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 96 รูปแบบหายใจเต่าคราม

บทที่ 95 ของขวัญจากนักล่าปีศาจ


บทที่ 95 ของขวัญจากนักล่าปีศาจ

"นี่มันอะไรกัน?"

เสินอี้เผลอคลายมือจากด้ามดาบ เขาเดาอะไรบางอย่างได้

ตามที่คาด อาเฉียนตอบด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่

"ป้ายประจำตัวของนักล่าปีศาจ"

"นักล่าปีศาจ..."  เสินอี้เคยได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้ง และเคยเห็นนักล่าปีศาจบนยอดเขาชิงเฟิงด้วย

"นักล่าปีศาจติดตามปีศาจทั่วทุกสารทิศ อยู่ภายใต้แผนกปราบปีศาจ แต่ไม่ขึ้นตรงกับใคร ทำตามคำสั่งแต่ไม่ถูกควบคุม"

เจียงเฉิงอวิ๋นก้าวเข้ามาในบ้านอย่างช้าๆ ใบหน้าไร้อารมณ์ เขานำระฆังสีเงินออกมาให้เห็นแวบหนึ่ง จากนั้นเก็บไว้ที่เอวใต้ร่มผ้า

เสินอี้สยใขความหมายของ "ไม่ถูกควบคุม" จริงๆ

แผนกปราบปีศาจมีคำสั่ง พวกเขาสามารถทำตามคำสั่งได้ แต่ต้องไม่มีใครแทรกแซงวิธีการทำงานของพวกเขา พวกเขามีอิสระสูงสุด สนใจแค่ผลลัพธ์ ไม่สนใจกระบวนการ

ขอบเขตของ "ไม่ถูกควบคุม" นี้รวมถึงแม่ทัพใหญ่ด้วย

และประโยคที่ว่า "สามารถทำตามคำสั่งได้"  ถ้าพวกเขาคิดว่ามีเรื่องสำคัญกว่า  หรือขี้เกียจ พวกเขาสามารถเพิกเฉยได้

ไม่เพียงแต่คำสั่งภายนอกเท่านั้น แม้แต่บุคคลภายในนักล่าปีศาจเอง พวกเขาก็แบ่งระดับตามระฆังทองแดง  ระฆังเงิน  และระฆังทอง แต่นักล่าปีศาจระฆังทอง พวกเขาก็ไม่สามารถสั่งนักล่าปีศาจระฆังทองแดงได้

กฎเกณฑ์ที่ผ่อนคลายเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจอย่างไม่มีเงื่อนไขของราชสำนักที่มีต่อพวกเขา

หากต้องการเข้าร่วมนักล่าปีศาจ ขุนพลเป็นเพียงขั้นต่ำสุด แถมยังต้องทดสอบสติปัญญา บุคลิก และความสามารถเพิ่มเติมอีกด้วย

"มีประโยชน์อะไรอีกไหม?"  เสินอี้ถอนสายตา

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เจียงเฉิงอวิ๋นกัดฟัน อาเฉียนหัวเราะลั่น เอามือกุมท้อง เอนตัวลงบนเก้าอี้  "นักล่าปีศาจสามารถเข้าเฝ้าจักรพรรดิ สิ่งที่เจ้าต้องการ ตราบใดที่ราชวงศ์ต้าเฉียนมี เราก็มี...  และที่สำคัญ ไม่มีกฎเกณฑ์มากมายเหมือนแผนกปราบปีศาจ"

"พวกเรามองแค่เรื่องเดียว"

อาเฉียนยื่นนิ้วสองนิ้ว  "เจ้าสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจได้มากแค่ไหน?  หรือไม่ก็... เจ้าสามารถตัดหัวปีศาจได้มากแค่ไหน?"

เจียงเฉิงอวิ๋นมองนิ้วของไหน่ไนอย่างขัดเคือง เขาพูดเสริมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ  "เจ้ายังสามารถเข้าถึงแหล่งข่าวที่ใหญ่ที่สุดในชิงโจวได้ แน่นอน ตัวเจ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของมันเช่นกัน"

อาเฉียนเขย่าระฆังอีกครั้ง "ใช้สิ่งนี้  สามารถฝากข้อความไว้ที่ไหนก็ได้  ขุนพลหรือตำแหน่งสูงขึ้นไป ล้วนมีวิธีการคล้ายคลึงกัน ทว่าของเรา เพียงแค่ผู้ถือระฆังคนอื่นเข้าใกล้ ก็จะได้รับข้อความ ส่วนระยะทางคือภายในร้อยลี้ พวกเราสามารถใช้มันสื่อสารกันได้...  แต่ถ้าเจ้าอยากใช้มันเพื่อหลอกลวงเด็กสาว มันก็ไม่มีปัญหา"

"นอกจากนี้ยังสามารถใส่สิ่งของ หรือใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวได้ชั่วคราว"

พอพูดจบ อาเฉียนก็เอามือเท้าโต๊ะอีกครั้ง นางค่อยๆ ดันระฆังเงินไปข้างหน้า  "ข้างในมีศาสตร์กำบัง ศาสตร์แปลงร่าง ศาสตร์ค้นหาปราณกับรวบรวมปราณ และของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่อาเฉียนเตรียมไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษ ได้ยินมาจากขุนพลอาวุโสเฉินว่า เจ้าดูจะชอบของแบบนี้ พี่ใหญ่ เจ้ายังจะต้องคิดมากอีกเหรอ?"

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่ขาวนวลของนาง แต่รอยยิ้มนั้นดูแปลกเล็กน้อย และเจียงเฉิงอวิ๋นยังหรี่ตามองมาที่เสินอี้อีกด้วย

สิ่งที่ทั้งสองพูดถึงก่อนหน้านี้ล้วนเป็นข้อดี

แต่ถ้าไม่โง่ก็คงต้องรู้ว่า การรับสิ่งนี้ไว้ หมายความว่าต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากมาย

นักล่าปีศาจระฆังเงิน สถานะไม่ต่ำกว่าขุนพลองครักษ์ส่วนตัว แต่สถานการณ์ของพวกเขาอยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

ถ้าจะเปรียบว่าคนในแผนกปราบปีศาจนั้น เหมือนเดินบนภูเขาไฟอย่างยากลำบาก ต้องระวังทุกย่างก้าว แต่นักล่าปีศาจก็เหมือนพวกบ้าที่เดินข้างธารลาวา พวกเขาเต้นรำบนคมดาบ!

แม้จะมีทุนทรัพย์ที่จะบ้าระห่ำ แต่การเดินริมน้ำรองเท้าย่อมต้องเปียก

พูดอีกอย่างก็คือ รองเท้าของพวกเขาไม่เคยแห้งเลย!

"ไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว"

ท่ามกลางสายตาของทั้งคู่ เสินอี้เก็บระฆังอย่างเรียบเฉย ดวงตาของเขาดูสงบ ราวกับว่ามันเป็นแค่ระฆังธรรมดา

"...."

เมื่อเห็นเช่นนั้น อาเฉียนและเจียงเฉิงอวิ๋นก็สบตากัน

ช่างเป็นท่าทางที่เรียบง่าย ช่างเป็นท่าทีที่ไม่ใส่ใจ

ถ้าชายหนุ่มในชุดดำไม่ใช่คนโง่ที่ฟังอะไรไม่เข้าใจ มันเหลือเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น

ระดับความบ้าระห่ำของอีกฝ่าย เกินกว่าที่อาเฉียนจะคาดเดาไว้เสียอีก!

"ยอมรับแล้วหรือยัง?  เทียบกับตอนนั้นของเจ้าเป็นอย่างไร?"

อาเฉียนตบไหล่เจียงเฉิงอวิ๋นอย่างแรง

"ไหน่...โอ๊ย!"

เจียงเฉิงหยุนยังพูดไม่จบ มือเล็กบนแขนของเขาก็บีบแน่นขึ้นทันที

เขาหลุบตาลงมองข้างๆ หยุดพูดทันที

มันก็จริงอยู่ ตอนนั้นเขาตื่นเต้นและดีใจสุดขีด ทว่าเขาต้องรวบรวมความกล้าหาญอย่างมาก สุดท้ายถึงกล้ารับระฆังนั้นมา

เทียบไม่ได้กับความสงบของคนตรงหน้าจริงๆ

แต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักล่าปีศาจ เขาผ่านการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตายมาเป็นเวลาสิบกว่าปี แม้จะมีไหน่ไนที่เป็นนักล่าปีศาจระฆังทอง แต่นางก็ไม่เคยช่วยเขาเลย

ด้วยนิสัยของไหน่ไน แม้จะได้ยินข่าวการตายของหลานชายคนโต นางก็คงหัวเราะเยาะและล้อเลียนความไร้ประโยชน์ของเขา อย่างมากก็แค่แฝงความเศร้าโศกไว้ในน้ำตาที่หัวเราะออกมาเท่านั้น

แต่เสินอี้ผู้นี้ เขาเข้าแผนกปราบปีศาจไม่ถึงเดือน มีเพียงหลินไป๋เว่ยส่งจดหมายมาให้ แถมเฉินเฉียนคุนก็คอยดูแลอยู่อีก

ยากที่จะพูดเลยว่า... วัวแรกเกิดไม่กลัวเสือจริงๆ

"พี่ใหญ่ ส่งปราณแก่นแท้เข้าไปในระฆังซะ จากนั้นรอเขาเสร็จธุระ เดี๋ยวข้าจะให้เขาพาเจ้าไปดูขั้นตอนต่างๆ"

"รีบเรียนรู้สิ่งต่างๆ ข้างในให้เร็วที่สุด ให้พวกมังกรเจียวโง่ๆ ที่สมองถูกน้ำแช่จนเสียต้องตกตะลึง มันน่าอายจริงๆ ถ้าสู้กับตัวที่แก่ที่สุดไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องวิ่งให้เร็ว ฟันหัวมัน ตบหน้ามัน ไล่ตามมันไปสามพันลี้ แล้วแวะไปฆ่าลูกมันด้วย โอ้! มันมากตื่นเต้นมาก ถ้ามีโอกาสข้าต้องลองดู"

อาเฉียนกระโดดลงจากเก้าอี้ โบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น จากนั้นเดินกระเด้งกระดอนออกจากบ้าน

เจียงเฉิงอิ๋นมองเสินอี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินตามออกไปอย่างช้าๆ

จนกระทั่งเดินออกไปไกล เขาจึงพูดด้วยความไม่พอใจ "ไหน่ไน ท่านให้ระฆังเงินแก่เขาโดยตรง แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกเรานะ?"

"นี่ไง"

อาเฉียนยกข้อมือขึ้น เขย่าระฆังทองคำเล็กๆ อันประณีต  "แลกกับระฆังเจ้า"

เมื่อมองดูระฆังทองที่แกว่งไกว

ดวงตาที่เรียบเฉยของเจียงเฉิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความร้อนแรง ในชิงโจวทั้งหมด มีนักล่าปีศาจระฆังทองเพียงสามใบ แต่ละใบเป็นตัวแทนของบุคคลที่มีความสามารถเทียบเท่าท่านแม่ทัพใหญ่(ต้าเจียง) แผนกปราบปีศาจ

พูดอีกอย่างก็คือ แม่ทัพใหญ่แผนกปราบปีศาจสิบสองคน บวกกับนักล่าปีศาจระฆังทองสามคน รวมเป็นสิบห้าคน ทั้งหมดคือผู้แข็งแกร่งขอบเขตโอบกอดตัน(เป้าตัน)  เป็นยอดฝีมือทั้งหมดของชิงโจว ยกเว้นผู้บัญชาการสูงสุด(จงปิ่ง)

แต่ไม่นาน เจียงเฉิงอวิ๋นก็กลบความร้อนแรงนั้น  "รอท่านตาย ข้าบรรลุขั้นสมบูรณ์ขอบเขตควบแน่นตัน(หนิงตัน) จากนั้นก้าวเข้าสู่ขอบเขตโอบกอดตัน(เป้าตัน) อย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นค่อยพูดเรื่องนี้กันอีกที"

"มันก็แค่นั้น"

อาเฉียนกลอกตา "ระฆังห่วยๆ นี่จะมีประโยชน์อะไร? ตำแหน่งที่เฉินเฉียนคุนให้ ข้าให้ไม่ได้งั้นเหรอ? ราชสำนักเก็บปราณปีศาจและหยดเลือดหัวใจไว้มากน้อยแค่ไหนเจ้ารู้ไหม? เจ้าจะสามารถแลกเปลี่ยนกับยาสมุนไพรและศาสตร์การต่อสู้มากมายได้เพียงใดต่างหาก ถึงจะถือว่าเจ้ามีทักษะจริงๆ"

"เขามีความสามารถมากขนาดนั้นเลยเหรอ?"  เจียงเฉิงอวิ๋นถามอย่างสงสัย

อาเฉียนหยุดเดินอย่างช่วยไม่ได้ มองเขาเหมือนมองคนโง่ "ไม่ใช่! เจ้าจริงจังมากงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าคนในขอบเขตวารีหยกจะทำอะไรได้? แค่กระตุ้นเขาให้เกิดความตื่นเต้นก็พอ การติดตามและสังหารปีศาจเป็นเรื่องของเจ้า การพยายามพัฒนาตัวเองต่างหากคือเรื่องของเขา"

เมื่อสองคนนั้นเดินจากไปไกล

ในบ้านพักส่วนตัว ภายในห้องที่เงียบสงบ

เสินอี้กลับมานั่งบนเตียง หยิบระฆังเงินขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน

ช่วงนี้โชคอะไรมันจะดีขนาดนี้!

ข้าแค่อยู่เงียบๆ ในห้อง จู่ๆ ก็มีสองคนโผล่มา บ้างก็ส่งข่าว บ้างก็ส่งสมบัติวิเศษ บ้างก็ส่งวิชาป้องกันตัว

เด็กสาวคนนั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ เกือบทำให้เสินอี้รู้สึกตึงเครียด

ค่าตอบแทนสุดท้ายจริงๆ แล้วคือ...ไม่มีค่าตอบแทนหรือเปล่า?

การออกไปปราบปีศาจคนเดียว เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำอยู่แล้ว

"ช่างแปลกประหลาดจริงๆ"

เสินอี้ส่ายหน้า

เขาลองส่งปราณเข้าไปที่ระฆัง

ทันใดนั้น มันเหมือนกับเขากำลังมองเข้าไปข้างใน สิ่งของหลายอย่างจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

มีตำราลับหลายเล่มที่บันทึกศาสตร์การต่างๆ

และของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่อาเฉียนพูดถึง

มันคือ... เจียวตันของมังกรเจียวขอบเขตควบแน่นตันที่นอนนิ่งอยู่

(เจียวตัน คือตันหรือก้อนยาที่อยู่ข้างในของมังกรเจียวขอบเขตควบแน่นตันนะครับ น่าจะคนละอันกับแก่นแท้ปีศาจ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด