บทที่ 22 เหตุนองเลือดในเฮยเฟิง
ณ ลานกลางหมู่บ้าน
หม่าตงผิง ผู้นำหมู่บ้านเฮยเฟิงที่กำลังฝึกฝนเพลงดาบอยู่ก็หยุดการเคลื่อนไหวลงทันทีเมื่อได้ยินข่าวจากผู้มารายงาน เขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “เจ้าลูกหมาหยางไห่ฉลาดนักถึงกลับส่งน้องชายของมันมาตายแทน”
“ใต้เท้าเว่ยสั่งไว้ ว่าใครก็ตามที่มาจากหมู่บ้านสกุลหยางเพื่อขอแร่เหล่านี้คืน มันผู้นั้นต้องตาย”
ใต้เท้าเว่ยงั้นหรือ หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกสงสัยถึงนามที่ถูกกล่าวขึ้น
ไม่แปลกใจเลยที่หมู่บ้านเฮยเฟิงกล้าปล้นแร่ของบ้านสกุลหยางไปอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว เพราะมีผู้อยู่เบื้องหลังคอยบงการเรื่องราวทั้งหมดนี่เอง และคงหลังจากที่รู้ว่าคนสกุลหยางได้เป็นศิษย์ของเฉินหยวนแห่งสำนักเสินเจี้ยนด้วยสินะ
ขณะที่หม่าตงผิงกำลังจะกล่าวต่อ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กน้อยอายุเจ็ดหรือแปดขวบกำลังย่างเท้าเดินเข้ามาอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
หม่าตงผิงพร้อมทั้งคนอื่นอีกหลายคนในลานกลางหมู่บ้านต่างพากันตกตะลึงกับเด็กน้อยปริศนาผู้นี้ที่กล้านัก
เด็กปริศนาที่กล่าวถึงนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหยางเสี่ยวเทียน
เมื่อหม่าตงผิงเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้จนเห็นสีหน้าแลแววตาอันเต็มพร้อมไปด้วยเจตนาฆ่าชัดเจน เขาก็แสยะยิ้มหลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวกับคนเบื้องหน้าอย่างลำพอง “เจ้าเด็กตัวน้อยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเจตนาฆ่านี่มาจากใดกัน ทำไม เจ้าจะสังหารข้าอย่างงั้นหรือ ฮ่าๆๆ”
พอเหล่าคนพวกนี้เห็นสิ่งน่าเหลือเชื่อต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะสนุกสนาน โดยไม่คิดถึงภัยที่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ตัว เพราะย่ามใจเห็นเขาเป็นเพียงเด็กน้อยไร้ซึ่งทางสู้
ในขณะที่ หยางเสี่ยวเทียนไม่มีความรีรอชกหมัดออกไปทันทีสอดแทรกกลางเสียงครื้นเครงน่ารำคาญ
แรงระเบิดจากอากาศปะทุออกมาหลอมรวมเป็นร่างมังกรขนาดสิบฉื่อเบื้องหลังหยางเสี่ยวเทียนพร้อมเปล่งเสียงคำรามดังกึกก้อง
ก่อนปราณแท้มังกรจะผสานเข้ากับการโจมตีของหมัดขนาดใหญ่ โถมปะทะเข้าหาหม่าตงผิงด้วยพลังอันน่าสะพรึงทันที
กว่าที่หม่าตงผิงจะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลของหมัดผสานที่กำลังพุ่งตรงเข้าหาตน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนยกดาบเล่มใหญ่ในมือฟาดฟันออกไปทันทีโดยสัญชาตญาณ
ทว่าแรงเฉือนที่เขาฟันสวนออกไปพุ่งชนกับปราณแท้มังกรขณะโจมเข้าหา ก็เกิดเสียงดังสนั่นจากการกระทบกันของดาบเขาอย่างหนักหน่วง
ตูม!
หม่าตงผิงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสยังแขนที่ถือดาบจนสะบั้นหลุดกระเด็นออกจากมือไป ส่งผลให้ร่างหม่าตงผิงปลิวลอยไปข้างหลังราวกับใบไม้ก่อนกระแทกเข้ากับเสาหินกลางลานเสียงสนั่นดังอีกครั้ง
ปัง!
เสาหินที่ถูกกระแทกแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนที่ร่างหม่าตงผิงจะตกลงมากระทบยังพื้นเบื้องล่างอย่างรุนแรงพร้อมกระอักเลือดออกมาไม่เหลือเค้าหน้าของคนถือดีอีกต่อไป
จากเสียงหัวเราะอันเพลิดเพลินสนุกสนาน ตอนนี้กลับเงียบสนิท
เหลือเพียงดวงตาที่เบิกโพลงและเสียงที่ติดอยู่ในลำคอยากจะเปล่งออกมา เอาแต่เปิดปากกว้าง ด้วยอาการตกตะลึงราวกับวิญญาณได้หลุดลอยไปจากร่าง
กว่าเหล่าวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์คนอื่นๆ ของหมู่บ้านเฮยเฟิงจะตอบสนองด้วยความโกรธพร้อมกับชักอาวุธออกมาพุ่งหาหยางเสี่ยวเทียน
ก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะการเคลื่อนไหวของหยางเสี่ยวเทียนนั้นตอบสนองได้เร็วกว่า ทันทีที่เขากางมือออก กระบี่ตงเทียนก็ปรากฏขึ้นมาแล้วคว้ามันแทงสวนออกไปด้วยปราณกระบี่ พร้อมกับแววตาไม่มียำเกรงหรือลังเลเลยแม้แต่น้อย
ลำแสงจากปราณกระบี่สองเล่มตัดผ่านกระแสลมพร้อมเสียงแหวกอากาศที่ขาดสะบั้นจนน่าแสบหู
ก่อนที่ลำคอของวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์สองคน จะถูกคมจากกระบี่ของเขาตัดผ่านอย่างง่ายดาย
“กระบี่หยินหยาง”
หลังปลุกปราณแท้มังกรสำเร็จ เพลงกระบี่ก็ว่องไวขึ้นพร้อมพุ่งเข้าหาลำคอของเหล่าวิญญาจารย์หมู่บ้านเฮยเฟิง ทิ้งไว้เพียงแสงจากปราณกระบี่ทะลุตัดผ่านหลอดลมพวกเขาไปภายในชั่วพริบตา
หลังโจมตีด้วยเพลงกระบี่ตงเทียนเพียงกระบวนท่าเดียว หยางเสี่ยวเทียนก็ต่อด้วยกระบวนท่าที่สองทันทีอย่างไม่มีลังเล เขาชี้ปลายกระบี่ขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมปลดปล่อยพลังอีกหนึ่งระลอกใหญ่
วิ้ง!
เสียงเฉียบคมของกระบี่ดังระคายหู จนเหล่าวิญญาจารย์หมู่บ้านเฮยเฟิงต้องเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนั้นด้วยความสยองกร้าวทำขนลุกขนชันไปทั่วกาย ทันทีที่พวกเขาเห็นปราณกระบี่ส่องแสงพุ่งลงมาจากบนฟากฟ้าถึงหกเล่ม
ก็ต่างพากันกรูหนีหลบออกไปคนละทิศละทาง แต่ได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ปราณกระบี่ก็พุ่งตรงใส่หัวของพวกเขาในทันที
เหล่าวิญญาจารย์ล้มลงนอนแน่นิ่ง และขาดใจตามทิศทางที่คิดจะหลบหนี
อีกสองคนก่อนหน้าที่ถูกแทงด้วยกระบี่หยินหยางก็ล้มลงพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากรูของกระบี่บนลำคอก่อนจะสิ้นลมหายใจ
ส่วนคนอื่นที่เหลือต่างก็มีเลือดพุ่งออกจากหัว ก่อนจะล้มลงกองกับพื้นไปทีละคนๆ
เหล่าวิญญาจารย์อาวุโสของหมู่บ้านเฮยเฟิงต่างเบิกตากว้างด้วยใบหน้าอกสั่นขวัญหนี พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของเด็กอายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบ
หยางเสี่ยวเทียนและสัตว์วิญญาณเกราะทองมักเข้าป่าลึกบนหุบเขาเพื่อล่าสัตว์วิญญาณดุร้ายทุกวัน พร้อมได้เห็นภาพการนองเลือดเหล่านี้จนเคยชิน จึงไม่แปลกที่ฉากตรงหน้านี้จะทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
เขายกกระบี่ในมือแล้วชี้มันไปทางหม่าตงผิงก่อนเดินรุดหน้าเข้าไปเรื่อยๆ ทางด้านหม่าตงผิงที่เห็นหยางเสี่ยวเทียนซึ่งอายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบย่างกายเข้าใกล้พร้อมกับฉากหลังที่เต็มไปด้วยการนองเลือด ทำให้ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความกลัวอย่างสุดลึกถึงขั้วหัวใจ
“ไหนลองบอกข้าที ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าปล้นแร่ของหมู่บ้านสกุลหยางงั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองหม่าตงผิงด้วยแววตาเย็นยะเยือก “คือใครใต้เท้าเว่ยงั้นหรือ”
หมู่บ้านสกุลหยางอย่างนั้นหรือ…
หม่าตงผิงต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามนี้ เด็กน้อยผู้นี้มาจากหมู่บ้านสกุลหยางงั้นหรอกหรือ
“เจ้า… เจ้าเป็นใคร!” หม่าตงผิงถามกลับด้วยสงสัยในใจพร้อมน้ำเสียงสั่นเครือ
ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าจำนวนมากจากเหล่าวิญญาจารย์ของหมู่บ้านเฮยเฟิงก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มุ่งยังทางนี้
แต่เมื่อพวกเขามาถึง ก็พบเข้ากับร่างของเหล่าวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์นอนจมกองเลือด ทำพวกเขาต้องตกตะลึงยืนตัวสั่นด้วยความกลัว