บทที่ 20 วิญญาจารย์อันดับหนึ่งแห่งหมู่บ้านสกุลหยาง
หลังฝึกเพลงกระบี่มาได้ระยะหนึ่ง หยางเสี่ยวเทียนก็รีบกลับลงมาเช่นทำอย่างทุกครั้ง ก่อนจะพบกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ตื่นเช้าในวันนี้
“พี่ใหญ่ ท่านไปที่หลังเขาทำท่าลิงอีกแล้วหรือ ข้ากำลังจะไปพบท่านอยู่พอดี” หยางหลิงเอ๋อร์ กล่าว
เมื่อได้ยินหยางหลิงเอ๋อร์เอ่ยถึงการทำท่าลิงหยางเสี่ยวเทียนก็อึ้งไปชั่วขณะก่อนตอบกลับถึงความถูกต้อง “นั่นมวยไท๊เก็ก”
หยางหลิงเอ๋อร์ไม่สนใจ นางจับมือหยางเสี่ยวเทียนและพาไปหาหยางเฉากับหวงอิ๋ง ก่อนพูดต่ออีก “ท่านพ่อท่านแม่บอกจะพาพวกเราเข้าเมืองไปซื้อของและของกินอร่อยๆ”
วันแรกของปีใหม่ในทุกๆ ปี หยางเฉาและหวงอิ๋งจะพาลูกทั้งสองคนเข้าเมืองเพื่อชมเทศกาล แน่นอนว่ามีของกินอร่อยๆ มากมายด้วยเช่นกัน
เมื่อเด็กทั้งสองมาถึง หยางเฉากับหวงอิ๋งที่กำลังรออยู่แล้ว ต่างหยิบอั่งเปาสีแดงขนาดใหญ่สองซองออกมาพร้อมยื่นห่อสีแดงขนาดใหญ่อันแรกให้หยางเสี่ยวเทียน และอันที่สองให้หยางหลิงเอ๋อร์ ก่อนกล่าวคำอวยพรมากมาย…
หยางหลิงเอ๋อร์รับซองอั่งเปาสีแดงขนาดใหญ่สองซองพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ “ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่”
“ข้าเองก็เตรียมถุงหอมเอาไว้สองถุงสำหรับท่านพ่อท่านแม่เช่นกัน” สิ้นเสียง หยางเสี่ยวเทียนก็หยิบถุงหอมออกมายื่นให้ทั้งสองเช่นกัน
ถุงหอมเหล่านี้หยางเสี่ยวเทียนทำเองโดยใช้สมุนไพรจากหุบเขา หากนำติดตัวเอาไว้ตลอดทั้งปีจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการบำเพ็ญบ่มเพาะ
แน่นอนว่าจะไม่เห็นผลในเวลาอันสั้น แต่จะเห็นผลหลังจากผ่านไปหนึ่งปี
หยางเฉาและหวงอิ๋งหยิบถุงหอมขึ้นมาพร้อมมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“ลูกชายข้าช่างเฉลียวฉลาดนัก รู้จักมอบสิ่งของให้พ่อแม่” หวงอิ๋งพูดด้วยรอยยิ้มเอ็นดูบนใบหน้า
พวกเขาทั้งสองคิดว่ามันเป็นเพียงถุงหอมธรรมดาจึงรับมันเอาไว้
“พี่ใหญ่ ไม่มีของให้ข้าบ้างหรือ ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน” เมื่อเห็นสิ่งนี้ หยางหลิงเอ๋อร์ก็ร้องขอจากหยางเสี่ยวเทียนด้วยแววตาละโมบอีกครั้ง
หยางเสี่ยวเทียนยิ้มพรายพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะลืมถุงหอมสำหรับน้องสาวที่น่ารักของข้าได้อย่างไรกัน” จากนั้นเขาก็หยิบออกมาอีกหนึ่งถุงแล้วมอบให้เด็กหญิง “อ่ะนี่ อย่าทำหายละ”
“ข้าทราบแล้วพี่ใหญ่ ฮิฮิ” หยางหลิงเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ อย่างดีอกดีใจ
หลังจากนั้นทั้งสี่ ก็ออกเที่ยวงานเทศกาลในเมืองซิงเยว่
คนที่มีความสุขสุดดูเหมือนจะเป็นเด็กน้อยหยางหลิงเอ๋อร์
ครอบครัวเที่ยวเล่นกันจนตกเย็นก่อนกลับถึงจวนตระกูลหยาง
หลังกลับถึงเรือนของตน หยางเสี่ยวเทียนก็ลอบขึ้นไปบนเขาแล้วเริ่มบำเพ็ญฝึกต่อในถ้ำทันที
เขานั่งขัดสมาธิบนเตียงหยกเย็นในถ้ำพร้อมกับเริ่มเดินลมปราณมังกรแรกเริ่ม ก่อนที่ปราณแท้ในกายเขาจะพลุ่งพล่านไปทั่วตัวอย่างเต็มเปี่ยมด้วยพลัง
ในตอนนั้นเอง หยางเสี่ยวเทียนก็รู้สึกราวในร่างกายเต็มไปด้วยอณูปราณขนาดเล็กมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งในแต่ละอณูก็มีปราณมังกรหลับไหลอยู่
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในอณูปราณมากมายก็ระเบิดออก
พลังมังกรอันน่าอัศจรรย์ได้แผ่ออกเป็นวงกว้างและกระจายปกคลุมไปทั่วผืนป่าบนหุบเขา
สัตว์วิญญาณเกราะทองที่กำลังเล่นอยู่ในหุบเขาพร้อมกับสัตว์วิญญาณตัวอื่นโดยรอบอีกมากมายต่างสัมผัสได้ถึงพลังของมังกร พวกมันพากันหวาดกลัวและวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกเพื่อหาที่ซ่อน
กลิ่นอายของหยางเสี่ยวเทียนเริ่มเปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์
หลังการบ่มเพาะอย่างหนักมาหลายวัน ที่สุด หยางเสี่ยวเทียนก็ปลุกปราณมังกรขึ้นมาได้สำเร็จ
เมื่อใดก็ตามที่ปราณมังกรตื่นขึ้น ผู้บ่มเพาะปราณนี้จะแข็งแกร่งดั่งมังกรศักดิ์สิทธิ์แม้มองจากภายนอกไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ซึ่งในตอนนี้ ปราณมังกรแรกเริ่มได้หลอมรวมเข้ากับปราณแท้ขั้นเซียนสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นหยางเสี่ยวเทียนก็เปรียบเป็นมังกรแท้จริงไปแล้วนั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น หยางเสี่ยวเทียนยังพบว่าเขาสามารถรับรู้ถึงเสียงของการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่ห่างออกไปถึงสามร้อยฉื่อ กระทั่งเสียงของมดตัวเล็กๆ ที่เดินอยู่บนพื้นดิน
ไม่เพียงเท่านั้น ในคืนที่มืดมิดไร้แสงสว่าง เขายังสามารถเห็นแมลงบนใบไม้พร้อมลวดลายบนปีกของมันที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยฉื่อได้อีกด้วย
หลังปลุกปราณมังกรแล้ว ร่างกายเขาก็เปลี่ยนไปอย่างน่าพิศวง ไม่เพียงพลังป้องกันและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเท่านั้น แต่การได้ยินพร้อมกับการมองเห็นยังไกลขึ้นมากอีกด้วย
เขารวบรวมปราณแท้ขั้นเซียนสวรรค์เอาไว้ที่กำปั้นก่อนชกออกไป ทันใดนั้น ลำแสงจากปราณในหมัดนี้ ยังกลายเป็นมังกรตัวใหญ่พุ่งทะยานออกยังเบื้องหน้าอย่างน่าหวาดหวั่น
ปัง! ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหกสิบฉื่อถูกระเบิดจนเป็นรูขนาดใหญ่
นี่คือการระเบิด ต้นไม้ที่ควรจะขาดออกเป็นสองท่อนกลับถูกเจาะทะลวงใจกลางจนเป็นรูเพียงอย่างเดียว
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกอัศจรรย์ใจ เมื่อเห็นร่องรอยจากกำปั้นตนบนต้นไม้ใหญ่ ตอนนี้เขาแค่ปลุกปราณมังกรได้เท่านั้น แต่พลังของเขากลับมากมายถึงเพียงนี้ หากเขาสามารถบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่มจนสำเร็จผล มันจะน่าพึงใจขนาดไหน
เมื่อบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่มสำเร็จ นั่นหมายถึงเขาสามารถปลุกปราณมังกรที่หลับไหลอยู่ในอณูปราณนับไม่ถ้วนทั้งหมดได้
ถึงตอนนั้น วิญญาจารย์อันดับหนึ่งแห่งหมู่บ้านสกุลหยาง ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่
หากหยางเสี่ยวเทียนใช้ปราณมังกรประสานกับเพลงกระบี่ตงเทียน เขาจะสามารถเอาชนะใครก็ได้ในหมู่บ้านสกุลหยาง แม้กระทั่งปู่ของเขาที่อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับห้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาอีกต่อไป