ตอนที่แล้วบทที่ 17 เชื้อไม่ทิ้งแถว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 วังวนที่สอง

บทที่ 18 ฉกฉวยไปอย่างหน้าไม่อาย


ระหว่างนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็มาถึงยังถ้ำบนหุบเขาแล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียงหยกเย็น พร้อมกลืนโอสถวิญญาณสี่ประการ

ทันใดนั้น ฤทธิ์จากโอสถวิญญาณสี่ประการก็กลายเป็นคลื่นความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วกายเขา

ทำเขาต้องรีบเดินเส้นลมปราณ โดยใช้ทักษะจากปราณมังกรแรกเริ่มในการขับเน้นฤทธิ์โอสถทันที

พลังจากโอสถวิญญาณสี่ประการ ถูกเปลี่ยนเป็นปราณแท้ขั้นนักยุทธ์ในกายเขาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ปราณแท้ขั้นนักยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามเกิดขึ้นในกายเขา จนที่สุด อุปสรรคสุดท้ายในการทะลวงจากขั้นนักยุทธ์ก็เข้าใกล้ความสำเร็จ

ตอนนี้ ปราณแท้ทั้งหมดในเส้นลมปราณโคจรมารวมกันยังจุดตันเถียน หมุนเป็นวังวนขนาดใหญ่

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา หยางเสี่ยวเทียนก็ได้เวลาหยุดบำเพ็ญฝึก

เมื่อรู้สึกถึงวังวนขนาดใหญ่ในตันเถียน สีหน้าเขาก็ดูมีความสุขเป็นอย่างมาก

หลังจากทะลวงขึ้นไปอีกขั้น ตันเถียนจะเปลี่ยนแปลงราวกับมีพายุลูกใหญ่กำเนิดอยู่ภายใน

ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์สำเร็จแล้ว

เมื่อก้าวเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์ สถานะในโลกแห่งวิญญาจารย์ก็เท่ากับแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง แบ่งเป็นผู้มีพรสวรรค์และผู้ไร้พรสวรรค์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

เช่นในหมู่บ้านสกุลหยางนั้น ผู้ไร้พรสวรรค์จะทำหน้าที่เป็นผู้คุมเท่านั้น ในขณะที่ผู้มีพรสวรรค์จะได้เป็นถึงผู้ที่มีเกียรติแลมีคนนับหน้าถือตา

ซึ่งในหมู่บ้านสกุลหยาง มีวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์เพียงเจ็ดคนเท่านั้น

ทว่าหยางเสี่ยวเทียนยังนึกประหลาดใจ เพราะวังวนภายในตันเถียนของเขากลับมีขนาดใหญ่หลายสิบฉื่อ แตกต่างจากวงวนโดยทั่วไปของวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ที่จะมีขนาดเพียงหนึ่งกำปั้นเท่านั้น ทำไมกันละ…

อย่างไรก็ตาม ยิ่งวงวนมีขนาดใหญ่มากเท่าไร ปราณแท้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

สิ่งนี่ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก

เมื่อหยางเสี่ยวเทียนออกจากถ้ำจนมาถึงพื้นที่เปิดโล่งในหุบเขา เขาก็ชักกระบี่ตงเทียนออกมาแล้วเริ่มใช้กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ตงเทียนอีกครั้ง

“กระบี่หยินหยาง!”

ทันใดนั้น กระบี่ก็ปล่อยพลังปราณออกมา จากนั้นแยกออกเป็นสองส่วนก่อนพุ่งหายเข้าไปในหน้าผาบนภูเขา พร้อมปรากฏรูกระบี่อันน่าอัศจรรย์สองรูตรงนั้น

ครั้งก่อนที่หยางเสี่ยวเทียนเคยใช้กระบวนท่านี้ แม้พลังจะน่าทึ่ง แต่ก็มีปราณกระบี่เพียงอันเดียวซึ่งมันไม่สามารถแยกปรานกระบี่ออกเป็นสองได้

เมื่อเขาทะลวงเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์ พลังที่แท้จริงของกระบวนท่านี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา

จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนได้เปิดคัมภีร์เพลงกระบี่ตงเทียนเพื่อดูกระบวนท่าที่สอง เมื่อเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์เขาจะสามารถฝึกฝนกระบวนท่าที่สองได้

ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็จดจำการเคลื่อนไหวของกระบวนท่าที่สองได้ และฝึกฝนมันในใจก่อนจะชักกระบี่ออกมาอีกครั้ง

หลังฝึกกระบี่มาได้ระยะหนึ่งจนพอใจ หยางเสี่ยวเทียนก็รีบกลับลงไปยังจวนตระกูลหยาง เพราะเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว

เมื่อกลับถึงจวน ในคืนนั้นเขากลับนอนไม่หลับแล้วได้หยิบคัมภีร์ เพลงดาบคร่าวิญญาณของหูลี่ออกมาและอ่านมัน

ตามคัมภีร์กล่าว เพลงดาบคร่าวิญญาณนี้เป็นวรยุทธหลักของสำนักตวั้นหุนแห่งอาณาจักรเทียนเต้าที่อยู่ใกล้เคียง

ไม่กี่ชั่วยาม หยางเสี่ยวเทียนก็ศึกษาเพลงดาบคร่าวิญญาณเสร็จสิ้น แล้วใช้กิ่งไม้แทนดาบเพื่อฝึกฝนยังลานฝึก เพลงดาบคร่าวิญญาณมีทั้งหมดหกสิบสี่กระบวนท่า ซึ่งเขาเริ่มฝึกจากกระบวนท่าแรกไปจนถึงกระบวนท่าสุดท้าย

“วรยุทธระดับเซียนสวรรค์ดูเหมือนจะฝึกฝนได้ไม่ยากเท่าไร” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวกับตัวเอง

บิดาของเขาเคยกล่าวไว้ว่า วรยุทธระดับเซียนสวรรค์มักใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักหลายเดือนกว่าจะสามารถเข้าใจในกระบวนท่าทั้งหมดได้สำเร็จ

แต่เขากลับสามารถเข้าใจในกระบวนท่าทั้งหมดจากการศึกษาเพียงครั้งเดียว

ขณะที่เขากำลังพึงใจกับการฝึกฝนในครั้งนี้ หยางหลิงเอ๋อร์น้องสาวเขาก็เดินเข้าขัดด้วยสีหน้าบูดบึ้งราวหงุดหงิดอะไรมา

หยางเสี่ยวเทียนที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามออกไปด้วยรู้สึกแปลกใจกับใบหน้าอมทุกข์ของนาง

“น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

ในเมื่อหยางจงไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นไม่น่ามีเด็กผู้ใดในสกุลหยางกล้าพอกลั่นแกล้งนาง

“ท่านลุง เขาฉกฉวยเอารางวัลจากท่านพ่อ” หยางหลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยความโกรธ แล้วบอกเรื่องราวที่หยางไห่ถือดีเอาหัวของหูลี่ไปรับรางวัลอย่างหน้าด้านๆ

แน่นอนว่านางได้ยินเรื่องนี้จากเหล่าผู้คุมสกุลหยาง

หยางหลิงเอ๋อร์กล่าวเสริมด้วยความโมโหอีกครั้ง “ท่านพ่อบอกว่า ด้วยเงินสามพันเหรียญทองเขาสามารถซื้อโอสถน้ำจู้จีหลิงให้พี่ใหญ่ได้ตั้งสามขวด เมื่อถึงตอนนั้น พี่ใหญ่ก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับสองได้”

เมื่อหยางเสี่ยวเทียนได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็เผยยิ้มออกมาทันที ปรากฎว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยเดือดดาลจนถึงเพียงนี้อย่างนั้นหรือ

เขารู้สึกอบอุ่นในใจ ก่อนยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าอันน่าชังของนางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ข้าไม่เป็นไร ต่อให้ไม่มีโอสถน้ำจู้จีหลิง พี่ใหญ่คนนี้ก็สามารถทะลวงไปสู่ระดับที่สองได้อย่างสบายๆ ดังนั้น น้องเล็กเจ้าไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด