บทที่ 16 ข้าพบมันก่อน
สิ่งนี่เรียกว่าการผสานกายแท้เข้ากับวิญญาณยุทธ์
หลังผสานกายแท้เข้ากับวิญญาณยุทธ์แล้ว หูลี่จะมีความเร็วและความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพยัคฆ์ที่เป็นวิญญาณยุทธ์เขา วิญญาจารย์ที่มีวิญญาณยุทธ์ต่างกัน ความสามารถก็จะแตกต่างกันออกไป เมื่อผสานกายแท้กับวิญญาณยุทธ์ก็เทียบเท่าเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณไปด้วย เช่นเดียวกับหูลี่ตอนนี้
เขาพุ่งเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนอย่างไม่รีรออีกครั้ง
ภายใต้แสงจันทร์ กรงเล็บที่แหลมคมนั้นส่องแสงเยือกเย็นราวกับมีชีวิตพร้อมสูบเลือดเนื้อของคนตรงหน้า
ความเร็วก็เพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อนครึ่งหนึ่งจนน่าหวาดหวั่น
ผสานกายแท้กับวิญญาณยุทธ์งั้นหรือ…
แต่หยางเสี่ยวเทียนกลับทำเพียงยืนมองดูคู่ต่อสู้ที่โจมตีเข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนปลดปล่อยปราณสว่างแผ่ขยายไปทั่วกายพร้อมปรากฏเป็นกระดองเต่าขนาดยักษ์โผล่ปกคลุมร่างเขา
เวลาเดียวกัน ปราณอันดำมืดที่ยังคงหลั่งไหลออกมาก็ห่อหุ้มร่างกายเขาอย่างสมบูรณ์
ในเมื่อหูลี่สามารถผสานกายแท้กับวิญญาณยุทธ์ได้ ดังนั้นเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น เขามีวิญญาณยุทธ์คู่ที่สามารถผสานกายแท้เข้ากับวิญญาณยุทธ์ทั้งสองได้
หยางเสี่ยวเทียนแทงด้วยกระบี่ของเขาเช่นกัน
ครั้งนี้ เขาใช้กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ตงเทียน
ประกายแสงจากกระบี่รวดเร็วจนหูลี่มองตามแทบไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง
หลังผสานกายแท้เข้ากับวิญญาณยุทธ์ หยางเสี่ยวเทียนก็รวดเร็วประดุจวิญญาณที่เหลือทิ้งไว้เพียงลำแสงจากกระบี่ในความมืด ก่อนพรางตัวเข้ากับความมืดมิดอย่างสมบูรณ์ ทำให้มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก
หูลี่ที่เพิ่งโจมตีหยางเสี่ยวเทียนถึงกับพูดไม่ออกทำได้เพียงยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับใบหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็น
“วิญญาณยุทธ์คู่! เจ้าเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่งั้นหรือ?” หูลี่อ้าปากค้างขณะทรุดตัวลงไป ก่อนเลือดที่ไหลออกจากลำคอจะทำพื้นเปลี่ยนเป็นสีแดง
หยางเสี่ยวเทียนมองยังหูลี่ซึ่งดูท่าทางไร้การต่อสู้ พร้อมถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง
เวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกอัศจรรย์ใจ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของวิญญาณยุทธ์ทั้งสองผสานการโจมตีกับเพลงกระบี่ตงเทียน พลังนั้นกลับเหนือจินตนาการของเขามาก
ขณะกำลังนึกคิด เขาก็สังเกตเห็นสัมภาระที่หูลี่วางไว้ หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดมัน เมื่อเปิดออก เขาก็พบเข้ากับคัมภีร์วรยุทธนาม “เพลงดาบคร่าวิญญาณ”
นอกเหนือจากคัมภีร์วรยุทธเล่มนี้แล้ว ยังมีทองคำ คัมภีร์เกี่ยวกับการหลอมโอสถ และขวดหยกอีกจำนวนหนึ่ง
พอเขาเปิดขวดหยกนั้น กลิ่นหอมของโอสถก็ลอยมาประทะจมูกทันที ทำให้ผู้ได้สูดดมเข้าไปรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
นี่คือ!
หยางเสี่ยวเทียนรีบเทมันลงบนฝ่ามือ โอสถสองเม็ดนี้ใสดุจผลึกซึ่งมันยังคงส่งกลิ่นหอมขณะอยู่บนฝ่ามือของเขา
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหยางเสี่ยวเทียนกำลังศึกษาคัมภีร์หลอมโอสถในถ้ำบนหุบเขา ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับโอสถอยู่บ้าง และทันทีที่เขาเห็นโอสถทั้งสองเม็ดนี้ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“โอสถวิญญาณสี่ประการ”
โอสถวิญญาณสี่ประการนั้นเหมือนกับโอสถวิญญาณหลงหู่ที่ปู่ของเขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อ ซึ่งมันเป็นโอสถเซียนเทียนเช่นกัน ทว่าโอสถวิญญาณสี่ประการนั้นยากต่อการหลอมมากกว่าและสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมก็หาได้ยากไม่ต่างกัน ดังนั้นโอสถวิญญาณสี่ประการจึงล้ำค่ากว่ามาก
หยางเสี่ยวเทียนจำคำพูดของเหล่าผู้คุมบ้านสกุลหยางได้ดี พวกเขาเล่าว่า ก่อนหลบหนีหูลี่ได้สังหารนักปรุงโอสถคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่านี้ จะเป็นสัมภาระของเขาและโอสถวิญญาณสี่ประการสองเม็ดนี้ก็ได้มาจากนักปรุงโอสถคนนั้นเช่นกัน
แล้วหูลี่ที่ถูกไล่ล่ามาตลอด คงไม่มีเวลากลืนมัน ทำให้ตอนนี้ยาเม็ดเหล่านั้นต้องตกเป็นของหยางเสี่ยวเทียน
หยางเสี่ยวเทียนเก็บของทั้งหมดออกไปไม่เว้นแม้แต่ทองคำ ด้วยทองคำเหล่านี้ ในอนาคตเขาจะสามารถซื้อของได้มากมาย ไม่มีใครทิ้งลงได้หรอก…
ไม่นานหลังหยางเสี่ยวเทียนจากไป หยางเฉาซึ่งกำลังลาดตระเวนพร้อมกับผู้คุมสกุลหยาง เดินผ่านมาพบร่างไร้วิญญาณของหูลี่ ก็ต่างพากันตกใจกับภาพที่ได้เห็น
พวกเขาทุกคนต่างเคยเห็นภาพเหมือนของหูลี่ในประกาศจับ และตระหนักได้ว่าคนที่นอนจมกองเลือดต่อหน้าพวกเขาตรงนี้ คือหูลี่ฆาตกรอำมหิต
“เพลงกระบี่อันแข็งแกร่งขนาดฆ่าได้เพียงกระบวนท่าเดียว ข้าอยากรู้นัก ว่าใครเป็นผู้สังหารเขา”
ผู้คุมสกุลหยางตั้งคำถามด้วยความประหลาดใจในสิ่งที่เห็น
“ผู้ที่สามารถสังหารหูลี่ได้ จะต้องอยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับที่สามเป็นอย่างน้อย” หยางเฉาคาดเดา
“เขาต้องเป็นเซียนกระบี่แน่นอน”
เวลานั้นเอง หยางไห่ที่มาพร้อมกับผู้คุมของเขา เมื่อเห็นหูลี่นอนจมกองเลือดเขาก็แอบตกใจปนมีความสุข เพราะรู้ว่าทางการตั้งค่าหัวของหูลี่ไว้ตั้งสามพันเหรียญทอง
พอคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็รีบชักกระบี่ออกมาตัดหัวของหูลี่ทันที
ขณะที่หยางไห่กำลังจะเอาหัวไป ซุนฮัวผู้คุมสกุลหยางที่ติดตามหยางเฉามา ก็กล่าวอย่างกล้าหาญ
“หัวหน้าใหญ่ หูลี่ถูกพบโดยหัวหน้ารอง การที่ท่านจะเอาหัวของหูลี่ไปเช่นนี้เหมาะสมงั้นหรือ?”
หากกล่าวตามหลักเหตุผล แม้หยางไห่จะต้องการเงินรางวัลมากขนาดไหน แต่หยางเฉาพบก่อนจึงถือเป็นผู้มีสิทธิ์ในเงินรางวัลที่สมควรเป็นของเขามากกว่า
เมื่อหยางไห่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันมาพร้อมตบหน้าซุนฮัวทันทีก่อนตะโกน “เจ้าตาบอดหรืออย่างไร! ใครบอกเจ้า ว่าเขาพบมันก่อนข้าอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนพบมันก่อน”