ตอนที่แล้วตอนที่ 68 ภารกิจตามหาพนักงานต้อนรับ (อ่านฟรี 10/07/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 70 สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น! (อ่านฟรี 16/07/2567)

ตอนที่ 69 ภายใต้เหวลึกหมื่นลี้ มีบางสิ่งที่น่าสะพรึงซ่อนอยู่ (อ่านฟรี 13/07/2567)


แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก สีขาว ขนนิ่มนิ่มพร้อมด้วยหางปุกปุย กำลังวิ่งสี่ขาไปตามทางเดินที่รอบด้านเต็มไปด้วยหินแข็งสีดำสนิท ภายในหุบแถวที่ลึกถึงห้าพันลี้เช่นนี้ ย่อมไม่มีแสงไฟส่องลงมา แต่ที่รอบด้านยังพอมีแสงสว่างบ้างก็มาจากพวกตะไคร่น้ำและเห็ดเรืองแสงที่ขึ้นอยู่ประปรายตามผนังกับพื้นหิน

มันหอบหายใจออกมาเพราะการเดินทางด้วยความเร่งรีบ เจ้าแมวตัวน้อยไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด เพียงแต่ตอนนี้มันต้องรีบหนีการตามล่าให้ได้ก็เท่านั้น

ด้านหน้าของมันเป็นจุดที่ถูกเรียกกันว่าหุบเหวแห่งความตาย เพราะมันเป็นเหวที่อยู่ในเหวอีกที ว่ากันว่าไม่เคยมีสัตว์อสูรตัวใดที่ตกลงไปแล้วสามารถกลับมาได้อีกเลย

“จะหนีไปไหนกัน !” เสียงอันโหดเหี้ยมดังมาจากร่างของสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนเม่นไล่หลังมาไม่ไกลนัก

ฟิ้ว ฉึก!

ด้วยความโชคร้าย การหลบหนีมานานกว่าสิบชั่วยามทำให้ประสาทสัมผัสรวมถึงการตอบสนองของเจ้าแมวน้อยทื่อลง จนหลบขนเม่นที่พุ่งเข้ามาได้ไม่หมด

ขนเม่นหลายเส้นปักเข้าใส่ร่างของเจ้าแมวน้อยจนมันสะดุดล้มกลิ่งไปกับพื้น โชคดีที่เม่นตัวนั้นกับเจ้าแมวน้อยมีขนาดที่ไม่ต่างกันมากนัก ขนเม่นที่พุ่งเข้าใส่จึงมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับตัวมันไม่ใช่น้อย

“อ๊ะ...ไม่นะ!” เจ้าแมวน้อยที่สะดุดล้มเสียหลักจนพลัดตกลงไปยังหุบเหวแห่งความตาย แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่ร่างของมันกลิ้งไปตามผนังซึ่งเป็นผนังลาดลง ทำให้ไม่ตกลงไปกระแทกพื้นตาย

ขนเม่นที่ปักอยู่ตามร่างต่างพากันหลุดออกจากร่างของเจ้าแมวน้อยเพราะการเสียดสีกับผนัง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีขนเม่นหลายเส้นที่หักคาผิวหนังของเจ้าแมวน้อย ความเจ็บปวดจากบาดแผล และความเหนื่อยล้าทำให้เปลือกตาของมันค่อย ๆ หรี่ลง จนสลบไปในที่สุด

...

กรรรร! ครึก ครึก ตึง ตึง ตึง

เจ้าแมวน้อยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากเสียงดังสนั่นไม่ทราบที่มา แต่จากที่ได้ยินคงอยู่ห่างไกลจากตัวมันมากนัก ตอนนี้ร่างกายของมันรู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพียงแค่ขยับตัวก็เจ็บปวดไปหมด

“นี่มัน! มันคือต้นอะไรกัน เพียงแค่ดมกลิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ภายใน ดูเหมือนมันจะมีพลังชีวิตมากกว่าพวกผลึกต้นกำเนิดของพวกสัตว์อสูรบางตัวเสียอีก” เจ้าแมวน้อยที่หันมองไปมารอบตัวก็พบว่าบริเวณที่มันนอนบาดเจ็บอยู่นั้นมีต้นสมุนไพรบางอย่างเติบโตอยู่

มันเป็นสมุนไพรสีเขียวลำต้นเตี้ย ความสูงน่าจะประมาณหนึ่งฉื่อ ใบมันมันรูปร่างคล้ายหยดน้ำ ทั่วทั้งต้นเรืองแสงสีฟ้าอ่อนออกมา เมื่อมองดูก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายสงบลงโดยไม่รู้ตัว ยังไม่รวมถึงพลังชีวิตอันมากล้นที่สัมผัสได้จากตัวมันอีก

ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ สมุนไพรที่ว่า มีอยู่เต็มไปหมด! ยังไม่นับรวมต้นสมุรไพรอื่น ๆ ที่ยังไม่อาจระบุได้อีก

พวกมันขึ้นอยู่ทุกที่เหมือนกับหญ้าทั่วไป แต่ความจริงพวกมันคือสมุนไพรอันล้ำค่า!!

ตึง ตึง! ตึง!!

เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครา ทำให้เจ้าแมวน้อยที่กำลังดีใจต้องสงบลง มันกลัวว่าเจ้าของเสียงที่ว่าจะหาตัวมันพบแล้วจัดการมันที่มาบุกรุกที่นี่

“ข้าคงต้องเสี่ยงดู ถ้าไม่ทำก็ตายอยู่ดี” เจ้าแมวน้อยกล่าวออกมาด้วยเสียงแน่วแน่

ครึ่งหลัง

หยับ หยับ หยับ อึก!

“รสชาติไม่ได้เรื่อง แต่ดูเหมือนข้าจะคิดถูก! มันเป็นสมุนไพรที่มีพลังชีวิตอยู่ภายในจริงด้วย” เจ้าแมวน้อยตัดสินใจเอาอุ้งเท่าเล็ก ๆ ของมันดึงสมุนไพรขึ้นมายัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยก่อนจะกลืนลงไป

แม้ว่ารสชาติจะแย่มากแต่ก็ยังพอกลืนลงไปได้ เมื่อต้นสมุนไพรที่ถูกเคี้ยวได้ไหลลงไปสู่กระเพาะ พลังชีวิตอันมากล้นและพลังปราณที่พอ ๆ กับสมุนไพรระดับกลางก็ได้กระจายตัวไปทั่วทั้งร่างของเจ้าแมวน้อย ทำให้ร่างกายของมันค่อย ๆ ฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

“น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้นำตะกร้ามาด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะเก็บพวกมันกลับไปด้วยได้หลายต้น” มันบ่นออกมาด้วยความเสียดาย เพราะถูกตามล่าทำให้มันทำตะกร้าที่สานจากเถาวัลหล่นหายไป

ภายในหุบเหวลึกนี้สัตว์อสูรส่วนใหญ่ล้วนไม่มีแหวนมิติ หรือของล้ำค่ามิติที่สามารถจัดเก็บของได้ พวกมันล้วนแล้วแต่นำสิ่งมีค่าที่พบกลับไปยังรังของตนเองเพื่อรักษาไว้ แต่เจ้าแมวน้อยตัวนี้มันไร้ฝูง เป็นเพียงแมวป่าที่เอาตัวรอดเพียงลำพัง

“ข้าจะลองกินพวกมันดีไหมนะ ?” เจ้าแมวขาวมองไปยังสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มันไม่รู้จัก แต่แล้วก็ตัดใจไป เพราะตอนนี้ร่างกายมันก็เกือบจะหายดีแล้ว การเอาชีวิตไปเสี่ยงกินสมุนไพรที่ไม่รู้จักจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอีก

กรรรร!

เสียงคำรามปริศนายังคงดังมาเป็นระยะ เจ้าแมวน้อยรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามของเจ้าของเสียงนี้ได้ผ่านลมปราณที่แฝงมากับน้ำเสียง แม้จะเพียงน้อยนิดแต่มันก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในระดับที่สูงล้ำจนนางเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ

“ข้าคงไม่อาจกลับไปทางเดิมได้ ถ้าไม่ใช่สัตว์อสูรที่บินได้ก็ยากที่จะปีนเหวนี้” มันมองขึ้นไปยังด้านบนที่เป็นเหวสูง แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ลาดเอียงบ้าง แต่ก็ยากที่จะปีนขึ้นไป ถ้าพลาดล่วงลงมาก็คงบาดเจ็บไม่ใช่น้อย

‘ลองไปดูก่อนก็แล้วกัน ยังไงก็เป็นทางเดียวที่พอจะมีแสงสว่าง’ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก มันก็ตัดสินใจที่จะไปยังทางที่มีเสียงปริศนาดังออกมา

ถึงแม้จะเสี่ยงไปบ้างแต่ถ้าอาศัยหลบตามขอบไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะพอมีทางให้หลบหนีโดยไม่ต้องเจอเจ้าของเสียงปริศนานั่น

แต่ถ้าไปทางอื่นซึ่งไม่มีแสงสว่างเลย มันก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้ เพราะมันสัมผัสได้ว่าเบื้องล่างนี้เคล็ดวิชาต่าง ๆ และลมปราณเหมือนถูกสะกดเอาไว้ทำให้การขับเคลื่อนลมปราณทำได้อย่างยากลำบาก

ดังนั้นมันจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อหาทางไปต่อแทน หรือถ้ามีที่ให้ใช้พักอาศัยสักพักก็ยังดี ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้าของเสี่ยงปริศนาหาตัวมันไม่พบ หรือไม่สนใจตัวมันเลยก็ยิ่งดี

...

‘….. นี่ข้าฝันอยู่รึ ?’ มันหลบอยู่ในมุมมืดห่างจากบางสิ่งเบื้องหน้าประมาณสิบลี้ แต่ถึงจะอยู่ไกลเพียงนี้ สิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็มีขนาดใหญ่โตดั่งขุนเขาอยู่ดี

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวสูงนับพันจั้ง มันมีรูปลักษณ์เหมือนดั่งพญาเสือขาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำสนิท ไม่อาจบ่งบอกได้ว่าเพลิงนั้นเป็นของตัวมันหรือถูกผู้ใดลงทัณฑ์เอาไว้ เพราะที่ขาทั้งสีข้างของมันมีโซ่สีดำสนิทเฉกเช่นเดียวกับเปลวเพลิงพันธนาการร่างของมันเอาไว้

‘นั่นมันตัวอะไรกัน?!’ แมวน้อยมองภาพตรงหน้าพลางครุ่นคิดในใจด้วยความตื่นกลัว

แม้ว่ามันจะมีระดับฝึกตนอยู่ที่จอมราชาปราณขั้นห้า รวมถึงเคยพบเห็นสัตว์อสูรที่ระดับสูงกว่าตัวมันมามากก็ตาม มันก็ยังไม่มีทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนดั่งเช่นตอนนี้

ความหวาดกลัว!

‘ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าที่นี่จะมีสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงระดับนี้อยู่ด้วย’ เจ้าแมวน้อยได้แต่คิดด้วยความหวาดกลัว

มันพยายามจะขยับตัวเพื่อถอยหนีไปให้ไกลที่สุด เพราะถึงแม้ข้างหน้าจะมีทางไปต่อหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่กล้าจะไปเป็นแน่!

แต่เมื่อมันพยายามจะเคลื่อนร่างกายเพื่อหลบหนีอยู่นั้น มันก็สัมผัสได้ว่ามีคลื่นพลังบางอย่างกวาดผ่านร่างกายของมันไป ความรู้สึกหวาดกลัวไปถึงจิตวิญญาณทำให้มันตัวสั่นไม่ยอมหยุด ขาทั้งสี่ข้างไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้

‘อืม ถึงแม้จะบางเบา แต่ก็พอจะมีสายเลือดของข้าหลบซ่อนอยู่เล็กน้อย...’ มีเสียงปริศนาดังขึ้นในหัวของเจ้าแมวขาวที่นอนตัวสั่นอยู่บนพื้น มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจแต่เจือปนไปด้วยความอ่อนล้าเต็มทน

‘มาหาข้าสิ’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด