ตอนที่ 119 ความอิจฉาของ หวงอิ๋ง
“ซูเหวิน?”
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
หวงอิ๋ง เมื่อเห็น ซูเหวิน
ในตอนแรกก็เกิดความตกใจขึ้นมาก่อน จากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไอ้คนยากจนอย่างเขา มาทำอะไรที่นี่?
“ฮ่าฮ่า พี่น้องซู นี่เอง เราเจอกันอีกแล้วนะ”
เมื่อเทียบกับ หวงอิ๋ง แล้ว จ้าวหลิ่ง ไม่ได้ทำตัวเป็นศัตรูกับ ซูเหวิน มากนัก
โดยเฉพาะหลังจากเห็นความสามารถในการดื่มของอีกฝ่าย เขากลับจะชื่นชมอีกฝ่ายจากใจจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับการทักทายของทั้งสองคน ซูเหวิน ก็ไม่สามารถเมินเฉยได้ เลยยิ้มรับอย่างสงบ ก่อนพูดว่า : “อ่า.. ใช่! ผมเองก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับพวกคุณที่นี่ พวกคุณคือมา...?”
ซูเหวิน กล่าวถามอย่างสงสัย
“เรามาที่นี่เพื่อซื้อบ้าน”
พอเห็น ซูเหวิน หวงอิ๋ง ก็นึกไปถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งที่แล้วที่ทำให้คนอื่นกินฟรีๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วในครั้งนั้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
แต่แล้วเธอก็ตอบคําถามของ ซูเหวิน อย่างภาคภูมิใจ
“แล้วคุณล่ะ?”
“อย่าบอกฉันนะ..ว่าคุณเองก็มาซื้อบ้านด้วย”
หวงอิ๋ง ถาม ซูเหวิน แต่น้ำเสียงของเธอมันกลับเต็มไปด้วยความดูถูก
เธอไม่เชื่อว่า ซูเหวิน คนจนอย่างเขาจะมีเงินมาซื้อบ้านของที่นี่ได้
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่แน่นอน” ซูเหวิน ยิ้มหัวเราะเบาๆ
“นั่นก็ว่าอยู่…”
หวงอิ๋ง จึงรู้สึกโล่งใจได้
ไม่เช่นนั้นเธอคงจะสงสัยจริงๆ ว่าตัวเองกําลังฝันอยู่หรือไม่ อย่างไรเสียครอบครัวของอีกฝ่ายก็ยากจนถึงขนาดนั้น
“ผมมารับบ้านนะ”
อย่างไรก็ตาม ใจของเธอที่ยังไม่ทันได้สงบนิ่ง ซูเหวิน ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันทําให้ หวงอิ๋ง ตกใจอย่างมากทันที
“คุณ... คุณว่าไงนะ?”
หวงอิ๋ง เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
ไม่ต้องพูดถึงเธอ แม้แต่ จ้าวหลิ่ง ที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ และสงสัยออกมา
ก่อนหน้านี้เขายังได้ยินจากปากของภรรยาของเขา หวงอิ๋ง เคยพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของ ซูเหวิน ว่าครอบครัวของเขานั้นเรียกได้ว่ายากจนข้นแค้นมาก
ดังนั้น ลับหลังภรรยาของเขาจึงมักจะหัวเราะเยาะ ซูเหวิน ว่าเป็นไอ้คนจน ไอ้ขี้แพ้ ..มาโดยตลอด
แต่วันนี้ คนจนที่ภรรยาของเขาพูดถึงคนนี้ ได้มาที่ชุมชนระดับไฮเอนด์อย่าง เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ และบอกว่ามารับบ้านที่นี่
ความตกใจของพวกเขา คุณเองคงสามารถจินตนาการได้
“ซูเหวิน หยุดล้อเล่นได้แล้ว”
“ที่นี่คือ เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ ชุมชนสูงที่หรูหราที่สุดในเมืองม่อ และคุณแน่ใจนะว่าคุณสามารถซื้อบ้านของที่นี่ได้”
หลังจากตกใจในตอนแรก หวงอิ๋ง กลับมีสีหน้าสงบลงทันที
เธอมองไปที่ ซูเหวิน ด้วยสีหน้าไม่เชื่อแม้แต่น้อย
ในความเห็นของเธอ ซูเหวิน คงต้องโกหกแน่ๆ
แค่มาเจอกันตรงนี้ ซูเหวิน ก็คงไม่อาจละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้ และนี่จึงจงใจโกหกโดยพูดว่ามารับบ้านที่นี่
แต่ยังไม่ทันรอให้ ซูเหวิน ได้อธิบายอะไร ก็มีคนพูดขึ้นมาแทนเขาแล้ว
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ..พูดเรื่องตลกแล้ว”
“คุณชายซู ถือเป็นลูกค้าคนสำคัญของทางเรา เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ วอชิงตัน เขาจะไม่มีเงินซื้อบ้านของที่นี่ได้อย่างไรกันครับ?”
ในเวลานี้ ชายในชุดสูทคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา และเมื่อเห็น หวงอิ๋ง พูดเช่นนี้ เขาจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปที่ ซูเหวิน และเดินเข้าทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นว่า : “คุณชายซู สวัสดี และยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับอย่างยิ่งครับ!”
“ผมชื่อ ฉั่ว เสี่ยวเฟิง เป็นผู้จัดการฝ่ายขายของ เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ คุณเรียกผมว่า เสี่ยวเฟิง ก็พอครับ คุณมาที่นี่เพื่อเซ็นสัญญารับบ้าน ผมจะพาคุณไปที่นั่น ..เชิญทางนี้ครับ”
ผู้จัดการฉั่ว มอง ซูเหวิน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
สีหน้าเอาใจนั้น หวงอิ๋ง และจ้าวหลิ่ง ที่เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง
“ผู้จัดการฉั่ว คุณแน่ใจนะว่าชายหนุ่มคนนี้ซื้อบ้านของพวกคุณที่นี่?”
หวงอิ๋ง ขมวดคิ้ว และยังคงถามราวกับว่าเธอยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ ..เลยจริงๆ
แถมเธอถึงกับสงสัยว่าผู้จัดการฝ่ายขายคนนี้มีสายตาไม่ดีจําคนผิดไปหรือไม่กัน?
“โฮ่โฮ่ คุณผู้หญิงท่านนี้ช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
“คุณชายซู ไม่เพียงแต่ซื้อบ้านของเราที่ เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ เท่านั้น แต่เขายังซื้อในอาคารคิงส์ และอาคารแบบนี้เป็นอาคารที่แพงที่สุดที่เราขายในเอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ วอชิงตัน คุณว่าเรื่องแบบนี้ผมจะเข้าใจผิดไปได้อย่างไรครับ”
(อาคารคิงส์, 楼王 : คำจำกัดความแบบรวมของอาคารที่ดีที่สุด ที่รวมปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ การวางแนว การออกแบบยูนิต)
ผู้จัดการฉั่ว กล่าวด้วยความมั่นใจ
ท่าทาง และหน้าตานั้น ไม่เหมือนโกหกเลย
หวงอิ๋ง สามีของเธอที่ซึ่งไม่เชื่อในตอนแรก เริ่มจะสับสนมากยิ่งขึ้นหลังจากฟังประโยคนี้จาก ผู้จัดการฝ่ายขาย
โดยเฉพาะ หวงอิ๋ง
ในความเข้าใจของเธอ ซูเหวิน ในสมัยเรียนมัธยมนอกจากหล่อ และเรียนดีแล้ว เกือบจะพูดได้ว่าไร้ประโยชน์
เป็นคนจนที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม คนจนที่ไร้ค่า ไร้ประโยชน์เช่นนี้ วันนี้กลับเป็นคนบอกเธอว่าเขาซื้อบ้านของที่นี่ และแถมยังซื้ออาคารคิงส์ของที่นี่ด้วย นี่.. นี่มันจะทําให้เธอเชื่อเรื่องแบบนี้ไปได้อย่างไร
แม้แต่ จ้าวหลิ่ง ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไปหน่อยแล้ว
บ้านที่นี่อย่างน้อยๆ ก็มีราคาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านแล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถซื้อได้
อย่างไรก็ตามไม่ทันรอให้พวกเขาได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูเหวิน ทักทายคนทั้งคู่ แล้วจึงตาม ผู้จัดการฉั่ว ไปที่ชุมชนเอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ แล้ว
“เสี่ยวอิ๋ง คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้จำผิดที่ว่าครอบครัวของ ซูเหวิน ยากจน?”
หลังจาก ซูเหวิน จากไป จ้าวหลิ่ง ก็ขมวดคิ้วแน่น และมองถามภรรยาของเขา
“ไม่.. ไม่ผิด เขาเป็นคนจนอย่างแน่นอน ไม่งั้นเขาคงไม่ขอทุนอุดหนุนจากทางโรงเรียนบ่อยๆ ได้หรอก”
“และหากเขาเป็นคนรวยรุ่นสองจริงๆ สมัยมัธยมในช่วงสามปีนั้นเขาคงไม่สามารถปิดซ่อนมันไว้ได้แน่ๆ”
หวงอิ๋ง กล่าวอย่างมั่นใจ
แต่ในเวลานี้ จู่ๆ เธอก็มีความคิดบางอย่างเข้ามาในใจของเธอ
นั่นคือตอนที่เธอได้พบเจอกับ ซูเหวิน เป็นครั้งแรกในเมืองม่อ
เธอจำได้ตอนนั้นว่า ข้างๆ เขามีหญิงสาวที่สวยงามมากๆ คนหนึ่งอยู่
นอกจากนี้ หญิงสาวคนนั้นก็มีความโดดเด่นมาก ซึ่งเธอดูให้อารมณ์ที่ไม่ธรรมดา
เมื่อมองแวบแรกเธอดูเหมือนกับหญิงสาวที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย
ทันใดนั้นเธอดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดผู้ชายคนนี้ต้องถูกเลี้ยงดู หรือไม่ก็เป็นเขยเข้าบ้านของคนอื่น และต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ที่ซื้อบ้านหลังนี้ให้เขา”
หวงอิ๋ง อนุมานด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะมั่นใจแน่นอนกับสิ่งที่ตัวเองคิด
“ไม่น่าจะเป็นไปได้?”
พอคําพูดนี้หลุดออกมา จ้าวหลิ่ง เหมือนเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย
“อะไรที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณเห็นไหมว่าเขาที่ดูเหมือนคนจนขนาดนั้นจะไปเป็นคนที่มีเงินซื้อบ้านได้?”
“ครั้งแรกที่ฉันพบเขาก็มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ข้างๆ เขา หนึ่งในนั้นเรียก ซูเหวิน ว่าพี่เขย ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะแต่งงาน และเป็นลูกเขยเข้าบ้านฝ่ายหญิงนั้นแล้ว”
พูดจบ สีหน้าของ หวงอิ๋ง ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความดูถูก
แต่ต้องยอมรับว่า เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นที่ตัวเองเคยดูถูกมาตลอด ตอนนี้กลับมีชีวิตที่ชุ่มชื้นขนาดนี้ ทั้งยังไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอด้วยซ้ำ ในใจเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่ของตัวเอง กับคู่ของ ซูเหวิน เกี่ยวกับเรื่องนี้นั่น.. มันดันเป็นสองขั้วที่แตกต่างกันมาก
หวงอิ๋ง ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธ รู้สึกอิจฉามากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาคลิก VX และเข้าสู่กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้รวมถึงการอนุมาน และการคาดเดาของตัวเธอเอง
ในทันทีทันใดนั้น มันก็ได้รับความสนใจจากเพื่อนร่วมชั้นเก่าไม่น้อย
ซุนฮุ่ย : “เชี้ยย สิ่งที่เธอพูดจริงหรือที่ว่า ซูเหวิน กลายเป็นลูกเขยเข้าบ้าน?”
เสิ่น อวี้ถิง : “ไม่มั้ง เธอได้ยินมาผิดหรือเปล่า ซูเหวิน ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเหรอ แล้วทําไมเขาถึงกลายเป็นลูกเขยเข้าบ้านไปได้ล่ะ?”
เฝิง ซืออวี่ : “ไม่น่าเชื่อ นี่ หวงอิ๋ง เธอเคยเห็นภรรยาของเขามั้ย หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง?”
โจวเซียว : “นั่นแน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นต้องดูน่าเกลียดมาก ไม่งั้นคงไม่รับลูกเขยเข้าบ้านได้หรอก”
จาง เส้าปิน : “นั่นสิ พวกคุณไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเหรอว่า ‘โฉมงามคู่กับอสูร’ ในทางกลับกันก็เหมือนกับ..(ดอกไม้ติดมูลวัว) ฮ่าฮ่าๆ…”
สักพักในกลุ่ม VX ของพวกเขาก็พากันส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาไม่หยุด
หวงอิ๋ง ที่ได้เห็นข้อความเหล่านี้ในใจของเธอก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น (จิตเปล่าหว่า?)
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นจู่ๆ เธอก็เกิดความคิดหนึ่งในใจขึ้นมา
นั่นก็คือการนัด ซูเหวิน ให้ออกมาอีกครั้งหนึ่ง และให้เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเยาะกับตัวตนของเขาในฐานะลูกเขยเข้าบ้าน ทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้น ซูเหวิน ที่มากินฟรีๆ ไปแบบเปล่าประโยชน์ในก่อนหน้านี้
แน่นอนว่านี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สําหรับความคิดของ หวงอิ๋ง และคนอื่นๆ ซูเหวิน ย่อมไม่รู้
ในขณะนี้ เขาได้ติดตามผู้จัดการฝ่ายขายมาที่อาคารคิงส์ของ เอเวอร์แกรนด์ ริเวอร์ไซด์ แล้ว
เมื่อเห็นอาคารนี้ ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง
มันสูง และดูสง่างามอย่างน่าทึ่งมาก…
มันสมกับเป็นอาคารคิงส์ ในบริเวณนี้นี่คือตึกที่สูงที่สุด และโอ่อ่าสง่างามที่สุดในย่านนี้แล้ว
ซูเหวิน มองไปพลาง เดินตามผู้จัดการเข้าไปในอาคารนี้
ที่นี่แตกต่างออกไปจากอาคารสูงโดยทั่วไป
ห้องล็อบบี้ในชั้นหนึ่งของอาคารหลังนี้สูงถึงเจ็ด หรือแปดเมตร ซึ่งกว้างขวาง และหรูหรามาก
หากจะบอกว่ามันงดงามมาก ก็ไม่เกิน..
ขณะเดียวกันยังมีพนักงานต้อนรับบริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่ง ที่มายืนรอต้อนรับในทุกวัน
ทำให้ทุกคนที่กลับมาถึงบ้าน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านจริงๆ
เมื่อเดินตามผู้จัดการไป ซูเหวิน ก็ได้ขึ้นลิฟต์อีกครั้ง และมาถึงชั้นที่ 27
นี่คือชั้นที่ระบบสั่งซื้อให้กับ ซูเหวิน
อาคารของที่นี่ทั้งหมดมี 35 ชั้น และชั้นที่ 27 ย่อมเป็นชั้นที่ดีที่สุดไปอย่างไม่ต้องสงสัย
และเมื่อ ซูเหวิน เข้าเพนท์เฮ้าส์หลังใหม่ของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับห้องพักที่หรูหราตรงหน้านี้