Chapter 225: Successful Foundation Building, Solidified Mana 1/2
****นับแต่นี้ต่อไป พลังปราณทั้งหมด ผมจะแปลเป็นปราณให้หมดเลยน่ะครับคือในนิยายภาษา อังกฤษ มันมีสองคำ qi แปล ปราณ กับ mana แปลว่า พลังเวทย์มนต์ พลังปราณ ความต่างสองอย่าง คือแหล่งที่ได้จากภายในและภายนอก ซึ่งผมลองไปหามาล่ะ บางนิยายใช้ ปราณ อย่างเดียว เพื่อให้มัน งง ระบบพลัง ถ้าใครมีคำแนะนำ แนะได้ครับ***
ตอนที่ 225: ก้าวสู่การบ่มเพาะขั้นสมบูรณ์, พลังงานวิญญาณจับตัวแข็ง
หลายวันต่อมา
งานแต่งงานของโจวสุ่ยและหลินหย่าจูดำเนินไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ผู้คนต่างร่วมแสดงความยินดีและไม่มีผู้บ่มเพาะโง่เขลาหาเรื่องสร้างความเดือดร้อนภายในพิธีสำคัญเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้ว ใครเล่าจะกล้ามาก่อเรื่องในงานแต่งงานของผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง นอกเสียจากพวกเขาอยากตาย
ต่อให้อิจฉาโจวสุ่ยมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าพูดต่อหน้า ได้แค่คิดแค้นอยู่ในใจ
นับจากนี้นายหญิงนิกายของทั้งสามนิกายใหญ่กลายเป็นภรรยาของโจว สุ่ย
และโจว สุ่ย ก็ได้กลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของทั้งสามนิกาย อย่างแท้จริง
แน่นอนว่าสำหรับโจว สุ่ย เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไร
พายุฝนภายนอกไม่สามารถส่งผลใดๆ ต่อเขาได้
ตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเขาคือการพัฒนาการบ่มเพาะและก้าวเข้าสู่ระดับแกนทอง
นอกเหนือจากการบ่มเพาะของตัวเองแล้ว ทุกสิ่งล้วนไร้ความหมาย
...
ห้าปีต่อมา
ภายในห้องเงียบสงบ
โจว สุ่ย นั่งสมาธิขัดสมาธิอยู่บนพื้น ใช้พลังจาก "วิชากู่ศักดิ์สิทธิ์" สูบพลังปราณจากรอบตัวเขาเข้าสู่ร่างกาย ก่อเกิดเป็นกระแสลมปราณอันมหาศาลวนเวียนอยู่รอบกาย
ในเวลาเดียวกัน กู่หนอนมากมายภายในร่างพลอยดูดกลืนลมปราณเหล่านี้ไปพร้อมกัน เกิดเป็นกระแสลมปราณขนาดเล็กขึ้นมากมาย ลมปราณที่หลั่งไหลเข้าสู่รากวิญญาณของเขาถูกเปลี่ยนเป็นหยดพลังปราณของเหลวทีละน้อย
ตูม~~~
หลังจากหมุนเวียนลมปราณครบร้อยแปดลมหายใจ โจวสุ่ยลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาฉายประกายแห่งความมุ่งมั่น เขาสัมผัสได้ว่าหยดพลังปราณจำนวนมหาศาลได้อัดแน่นอยู่ในทะเลปราณ ราวกับก่อตัวเป็นทะเลสาบขนาดย่อม
"บรรลุขั้นสมบูรณ์แห่งการสร้างรากฐานแล้ว!"
"ในที่สุดข้าก็ทำได้!"
"วิชากู่ศักดิ์สิทธิ์มีขีดจำกัดให้ขั้นสร้างรากฐานสูงสุดอยู่ที่พลังปราณหนึ่งพันหยด หลังจากความพยายามอย่างหนักข้าก็มาถึงขีดจำกัดนี้แล้ว"
ห้าปีแห่งการฝึกอย่างเข้มข้น การดูดกลืนลมปราณ และที่สำคัญคือการร่วมฝึกกับเหล่าภรรยา ทำให้พลังปราณของเขาพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุดของขั้นสร้างรากฐาน ณ จุดนี้เขาไม่อาจก้าวหน้าได้อีกต่อไป หนทางในการยกระดับตนเองมีเพียงการสร้างแกนทองเท่านั้น!
"ตอนนี้ข้ามีอายุห้าสิบปีแล้ว"
"เพียงห้าสิบปีเท่านั้น ข้าบ่มเพาะมาถึงระดับสร้างรากฐานได้อย่างสมบูรณ์"
"แม้แต่ผู้มีรากวิญญาณสวรรค์ ความเร็วในการบ่มเพาะก็อาจใกล้เคียงกันมั้ย?"
โจวสุ่ยรู้สึกพึงพอใจยิ่ง
เขารู้สึกได้ถึงหยดพลังปราณจำนวนมหาศาลนั้นค่อยๆ แปรสภาพเป็นของแข็ง เสมือนของเหลวที่กลายเป็นน้ำแข็ง
อ้างอิงจากประสบการณ์ผู้บ่มเพาะถึงขั้นสร้างแกนในนิกายชิงมู่ นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ และนิกายปรุงยา ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและส่งผลดีอย่างยิ่งต่อการสร้างแกนของเขา
"นี่คือข้อได้เปรียบของการสร้างรากฐานด้วยตนเอง"
"พลังปราณของข้าบริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทินใดๆ ต่างจากผู้ฝึกที่ต้องพึ่งพาเม็ดยาสร้างรากฐาน"
"ผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานคนอื่นจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรวิเศษสร้างรากฐานเพื่อชำระสิ่งสกปรกในร่างกาย เพื่อให้พลังปราณแข็งตัว"
"แต่ข้าไม่เหมือนพวกเขา ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรวิเศษใดๆ เลย"
"เพราะพลังปราณในร่างกายข้าบริสุทธิ์เกินไป มันเริ่มแข็งตัวขึ้นเองโดยอัตโนมัติ"
"และตอนนี้ การแข็งตัวของพลังปราณได้ถึงสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว และกระบวนการนี้ยังดำเนินต่อไป"
"เมื่อพลังปราณแข็งตัวจนสมบูรณ์และถึงขีดสุด นั่นจะเป็นช่วงเวลาในการเริ่มการสร้างแกน"
โจว สุ่ย กำหมัดแน่น รู้สึกว่าการสร้างแกนของเขาใกล้เข้ามาแล้ว
แน่นอนว่าการเร่งให้หยดพลังปราณจับตัวแข็งขึ้นนั้นทำได้ยาก
นอกเสียจากจะใช้สมบัติวิเศษที่ช่วยสร้างแกนทอง การเร่งกระบวนการนี้อาจจะเป็นไปได้
แต่โจว สุ่ยไม่รีบร้อน และเขาจะไม่ใช้สมบัติวิเศษสร้างแกนทองแต่อย่างใด เขาต้องการให้พลังปราณแข็งตัวขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ
ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ท้ายที่สุดแล้ว วิธีนี้จะทำให้พื้นฐานการสร้างแกนของเขาสมบูรณ์แบบมากขึ้น และเขาจะสามารถสร้างแกนทองที่ทรงพลังยิ่งขึ้นได้
เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะรอการแข็งตัวอย่างสมบูรณ์ของพลังปราณในตันเถียนและทะเลลมปราณของเขา
ตอนนี้เขาอายุแค่เพียงห้าสิบปี
สำหรับผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐานแล้ว เขายังถือว่าอายุน้อยอยู่
พอคิดถึงตรงนี้ โจว สุ่ยก็เปิดแผงข้อมูลเสมือนของเขาขึ้นมา
[โฮสต์: โจว สุ่ย การบ่มเพาะ: ระดับสร้างรากฐานขั้นปลาย (ความคืบหน้า 99%) อายุขัย: 50 (3200) ปี]
[พรสวรรค์: รากวิญญาณระดับห้า (30%)]
[ดาบเต๋า: ระดับสามขั้นต่ำ (50%)]
"[อักษรยันต์: ระดับสอง ขั้นกลาง (70%)]"
"[ค่ายกล: ระดับสาม ขั้นสูง (99%)]"
"[ปรุงยา: ระดับสาม ขั้นต้น (60%)]"
[วิชาแปลงร่างปีศาจลวงตา: บรรลุขั้นสูงสุด (25%)]
[วิชาการปรุงยาห้าธาตุ: ระดับปรมาจารย์ (25%)]
[วิชาเจ็ดรูประณีต: เนตรสังเกตุ เนตรหยั่งรู้ เนตรสื่อสาร (75%)]
[วิชาลูกไฟ: ปรมาจารย์ (99%), วิชาใบมีดลม: ชำนาญ, วิชาแสงทอง: ชำนาญ, วิชาเวทมนตร์น้ำแข็ง: ชำนาญ, วิชาสายฝนฤดูใบไม้ผลิ: ชำนาญ, วิชาการเรียกสายฟ้า: ชำนาญ...]
[กู่หลงสเน่ห์: ระดับสามขั้นสูง, กู่แยกร่าง: ระดับสองขั้นสูง, กู่สุรา: ระดับสองขั้นสูง, หนอนทองคำกลืนกิน: ระดับสองขั้นสูง, กู่หนังสือ: ระดับสองขั้นสูง, กู่วิญญาณฝัน: ระดับสามขั้นต่ำ, กู่ช้างมังกร: ระดับสองขั้นสูง, กู่พิษรัศมีทองคำล้านแสง: ระดับสองขั้นสูง, กู่เคลื่อนย้ายพริบตา: ระดับสองขั้นสูง, กู่หัวใจค่ายกล: ระดับสามขั้นสูง, กู่เสาะหาสมบัติ: ระดับสองขั้นสูง ]
"ไม่เลว"
เมื่อมองดูข้อมูลบนแผงข้อมูลเสมือน โจว สุ่ยรู้สึกพอใจมาก
แม้ห้าปีที่ผ่านมา ทักษะการบ่มเพาะอื่นๆจะไม่ค่อยก้าวหน้า เพราะเขามุ่งพัฒนาระดับพลังเป็นหลัก ซึ่งทำให้ก้าวสู่ระดับสร้างรากฐานสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก็ถือว่ามีพัฒนาการพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เพียงนิดหน่อย หลังจากพยายามมาหลายปี ก็นับว่าน่าทึ่งเหมือนกัน
แกร๊ก
ในขณะนั้น โจว สุ่ยเปิดประตูออกจากห้องเงียบ ก่อนจะยืดเหยียดร่างกายและสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกเข้าปอด
"สามี ท่านออกจากฝึกสันโดษแล้วหรือ?"
"รอก่อน หรือว่าท่านสามีบรรลุขั้นสร้างรากฐานสมบูรณ์แล้ว?"
ในตอนนั้นเอง เล้งอวี้ซี เดินผ่านห้องเงียบเข้ามาพอดี เธอสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจากตัวโจว สุ่ย ความประหลาดใจท่วมท้นใบหน้า งดงามของเธอบ่งบอกถึงความรู้สึกตื่นเต้น
แน่นอนว่าเหตุผลที่เธอสัมผัสได้ถึงพลังของโจว สุ่ย ก็เพราะเขาไม่ได้ใช้วิชาลวงตาใดๆ
ไม่เช่นนั้น เล้งอวี้ซีจะไม่มีทางรับรู้ได้
"ใช่แล้ว"
โจว สุ่ยยิ้มบางๆ และยอมรับโดยไม่ปิดบัง
"ยอดเยี่ยมมาก ท่านสามีเป็นอัจฉริยะหาใครเปรียบเทียบได้ยากจริงๆ" เล้งอวี้ซีกล่าวชื่นชม
"อายุเพียงห้าสิบปีแต่กลับไปถึงขั้นสร้างรากฐานที่สมบูรณ์ได้แล้ว"
"ย้อนกลับไปตอนข้ายังอายุเท่านั้น ข้าไม่สามารถไปถึงขั้นนี้ได้จนกว่าจะอายุแปดสิบ"
"ไม่คิดว่าท่านสามีจะเริ่มสร้างแกนพลังแล้ว"
เล้งอวี้ซีดีใจมากและรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
เพราะเมื่อโจว สุ่ยประสบความสำเร็จในการรวมแกน เมืองหมอกศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้บ่มเพาะระดับแกนทองเพิ่มอีกคน ทำให้พลังของเมืองหมอกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และแน่นอนว่าจะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลในทุกๆ ด้าน
"ยังห่างไกลนัก นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"
"กว่าจะสร้างแกนทองได้ยังต้องฟันฝ่าอีกหลายด่าน"
"ท้ายที่สุดแล้ว การรวมแกนจำเป็นต้องผ่านการทดสอบสามด่าน ต้องไม่มองข้ามเป็นอันขาด"
โจว สุ่ยโบกมือไปมาและกล่าวอย่างถ่อมตัว
แม้ว่าโอกาสที่เขาจะรวมแกนได้สำเร็จมีมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนที่เขาจะทำได้สำเร็จทุกอย่างล้วนเป็นแค่คำพูด
เขาจะไม่ประมาทเด็ดขาด เกรงว่าจะพลาดท่าเสียเปล่าๆ
"ข้าไม่สน"
"ด้วยพรสวรรค์ของสามี การสร้างแกนจะเป็นเรื่องสำเร็จแน่นอน"
เล่งอวี้ซีไม่แคร์เรื่องพวกนี้ นางเชื่อว่าสามีของตนเป็นเซียนลงมาจากสวรรค์ สร้างแกนง่ายเหมือนกลับฝ่ามือ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เธอโอบแขนโจว สุ่ย ไว้ ราวกับอยากให้ร่างกายทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
"โอเค โอเค ข้ายกให้เจ้าแล้วกัน"
โจว สุ่ยทำอะไรไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ห้ามความกระตือรือร้นของเล้งอวี้ซี
"สามี เราไปเดินเล่นในเมืองหมอกศักดิ์สิทธิ์กันดีไหม?"
"ดูเหมือนสามีจะไม่ได้ลงจากภูเขามาเป็นเวลานานแล้ว"
เล้งอวี้ซีชักชวน ดวงตาคู่งามของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เธอจ้องมองโจว สุ่ย
เธอปรารถนาจะเดินเล่นบนถนนกับโจว สุ่ยเหมือนกับคู่รักธรรมดาทั่วไป
"ได้สิ"
เห็นแววตาที่ตื่นเต้นของเล้งอวี้ซี โจวสุ่ยก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปฏิเสธ ตามความจริงแล้วเขาก็อยู่บนเขานครหมอกศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว และไม่ค่อยได้ลงมาที่เมืองเท่าไหร่