บทที่ 80 อย่าลืมนอนแต่หัวค่ำ
ผู้ฝึกเซียนที่เดินตามหลังฉินถัง เห็นเหตุการณ์ในระยะไกล ต่างตกตะลึงยิ่งนัก
"ช่างโง่งมเสียจริง พูดแล้วไงว่ากำลังเจออะไรประหลาด ยังอยากหนี คงไม่รู้จักตัวอักษรตาย (สี่) สินะ"
"ในนั้นมีคนหนึ่งที่ข้ารู้จัก คือซุนไค่หรง ผู้ฝึกขั้นสร้างฐาน เขาเชี่ยวชาญวิชาเต๋า ไม่คิดว่าจะตายไปอย่างเงียบเชียบขนาดนี้"
"แปลก ทำไมพวกเขาตายแล้วถึงไม่เห็นภาพลวงตาฟ้าดินล่ะ?"
"ท่านเพิ่งได้ยินเรื่องความประหลาดหรือ? ภายใต้ความประหลาด ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์ในตัวเอง สามัญสำนึกส่วนใหญ่จะกลายเป็นโมฆะ ดังนั้นต้องระมัดระวังให้มาก"
"ขอบคุณท่านที่ชี้แนะ"
....
พลางคุยกันไปด้วยจิตวิญญาณ พากันสีหน้าต่างกัน
ไม่นานนัก ฉินถังก็พากองคนเข้ามาในตึกสูงใหญ่หลังหนึ่ง
ตรงกลางคือทางเดินตรงยาว
ด้านข้างทางเดินสองข้างมีห้องเล็กๆ วางเรียงรายกันอยู่
ในแต่ละห้องไม่มีเครื่องประดับอะไรมากนัก
เพียงแค่วางเตียงไม้ธรรมดาๆ ห้าเตียงเท่านั้น
"เอาล่ะ! คืนนี้ทุกคนพักผ่อนกันที่นี่! พรุ่งนี้เช้า เจอกันที่ลาน!" ฉินถังหันหน้ามาบอกทุกคน
พูดจบก็ส่ายหัวคลอนแกว่งเดินออกไป
"อ้อ อย่าลืมนอนแต่หัวค่ำล่ะ!"
หลังเงาร่างหายไป เสียงฉินถังก็แว่วมาอีกครั้งหนึ่ง
เห็นสิ่งประหลาดนั่นจากไปแล้ว ผู้ฝึกเซียนในสถานที่นั้นก็ถอนหายใจโล่งอก
ส่วนใหญ่เป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกัน ก็เลือกห้องพักด้วยกัน
ส่วนซือคงอี้กับไป๋ลี่เฉินก็เข้าพักร่วมห้องกันเป็นธรรมดา
หลี่ฟานไม่ได้เลือกที่จะเข้าไปอยู่ใกล้ๆ แต่ทว่าเลือกอีกห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น
ในห้องมีคนอยู่ก่อนแล้วสองคน
ทั้งสองก็รู้จักกัน กำลังใช้จิตวิญญาณพูดคุยอะไรบางอย่าง
หลี่ฟานไม่ได้ทักทายพวกเขา
โดยตรงนอนบนเตียง โคจรพลัง《คาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวง》 ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในใจ
ไม่นานก็หลับลึกไป
อีกสองคนที่กำลังพูดคุยกันเห็นแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นก็คิดอะไรได้ ใบหน้ากลับซีดขาวขึ้นมา ดูเหมือนจะยังกลัวไม่หาย
ดังนั้นทั้งสองจึงหยุดคุยกัน แล้วพยายามบังคับตัวเองให้เข้านอน
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างละเอียดอ่อน
ยังมีอีกหลายคนที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นและได้ยินในวันนี้
รวมถึงปรารถนาสมบัติวิเศษที่อาจมีอยู่ในวิหารอวิ๋นสุ่ยที่สดใหม่นี่ด้วย
กระตือรือร้น ยากจะข่มตานอน
เวลาผ่านไปทีละน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
ทันใดนั้นแสงสว่างในตึกสูงก็ดับวูบไปหมด
ในความมืดมิด เสียงฉินถังดังก้องอย่างหม่นหมอง
"อ้า ศิษย์ใหม่รุ่นนี้ช่างไม่ค่อยเชื่อฟังเอาเสียเลย"
"ข้าบอกแล้วไง ให้นอนแต่หัวค่ำ"
"ทำไมถึงตอนนี้ ยังมีคนไม่พักผ่อนอีกตั้งหลายคน"
"ถ้าทำให้การทดสอบพรุ่งนี้เช้าล่าช้าก็ไม่ดีนะ"
"ในเมื่อนอนไม่หลับ งั้นข้าจะช่วยพวกเจ้าหน่อยก็แล้วกัน"
"ปุ๊บ!"
"ปุ๊บ!"
"ปุ๊บ!"
เสียงหลอนขนลุกไม่หยุดดังขึ้น
ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกเซียนจำนวนเท่าไหร่ ตกใจร้องไม่ทันสักแอะ ก็ต้องสังเวยด้วยชีวิต
ตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นเพิ่งเข้าใจแล้วว่า ประโยคที่ฉินถังพูดเมื่อครู่ว่า
"อย่าลืมนอนแต่หัวค่ำล่ะ" ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ
แต่มันสายไปเสียแล้ว
ปราณของผู้ฝึกเซียนหายไปจากสัมผัสรับรู้ไม่มีหยุด
บางคนอยากจะตะโกนเรียกให้คนที่หลับไปแล้วตื่นขึ้นมา
แต่เสียงเพิ่งเปล่งออกมา ก็ขาดหายไป
การสังหารและความตายแผ่ขยายไปในความมืด
ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวนี้ มีผู้ฝึกเซียนบางส่วนที่ยังไม่ทันได้นอนทนไม่ไหวอีกต่อไป
พวกเขากระเพื่อมปราณบนตัว กำลังจะใช้พลังทั้งหมดสู้ตายกับฉินถังชุดขาว
ฉินถังส่งเสียงฮึ่มเย็นชา เหมือนถูกยั่วโทสะ
แสงสีฟ้าวาบขึ้น แล้วก็มอดดับ
ดังนั้น ผู้ฝึกเซียนที่คิดจะขัดขืนเหล่านี้ ไม่ทันจะก่อคลื่นลมสักนิด ก็สิ้นชีพอย่างเงียบงัน
หลังสังหารคนพวกนั้น อารมณ์ของฉินถังก็เหมือนจะดีขึ้นบ้าง
"เฮ้อ งานนี้เหนื่อยคนจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าท่านอาจารย์ใหญ่ พี่ใหญ่และพี่สาวพวกนั้นไม่อยู่แล้ว ก็คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าออกโรงหรอก"
"ไม่สนุกเลย ไม่สนุกจริงๆ ไปกินเหล้าดีกว่า!"
คำพูดของฉินถังไม่มีหัวไม่มีหาง การกระทำก็ตามอำเภอใจ
เสียงค่อยห่างออกไป ผู้ฝึกเซียนที่รอดชีวิตอยู่ในตึกต่างพากันถอนหายใจยาว
แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ฉินถังจะกลับมาอีกตอนไหน
ดังนั้น พวกเขาจึงอยากจะรีบมุดหัวนอนให้เร็วที่สุด
แต่...
คนนอนไม่หลับจะเข้าใจดีแน่ว่า การนอนนี่
ถ้าไม่มีสิ่งใดกังวลใจ ก็ว่านอนตอนไหนก็นอนหลับ
แต่ในทางกลับกัน หากใจคิดคำนึงถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา บังคับตัวเองให้นอน
เก้าในสิบก็จะตื่นขึ้นมาตอนใกล้จะหลับ
ยิ่งกว่านั้น ผู้ฝึกเซียนหลายคนเคยชินกับการใช้การปลีกวิเวกแทนการนอนหลับ
กลายเป็นว่าเสียความสามารถในการนอนหลับไปเสียแล้ว
ดังนั้น แม้ในสถานการณ์ที่รู้ว่าไม่นอนจะตาย ก็ยังมีผู้ฝึกเซียนอีกหลายคนที่นอนไม่หลับ
เมื่อเห็นฉินถังผู้นั้นกำลังจะกลับมาปลิดชีพ คนเหล่านี้ไม่มีทางเลือก
ในใจแอบเสียใจว่าก่อนหน้านั้นไม่ได้เรียนวิชาชักจูงใจสักหนึ่งสองอย่าง
จึงได้แต่เลือกที่จะทำให้ตัวเองหมดสติ หวังจะผ่านด่านไปได้
แต่น่าเสียดาย ในสายตาของฉินถัง การนอนหลับกับการหมดสติ ชัดเจนว่าเป็นสองความหมายที่แตกต่างกัน
ดังนั้น ช่วงครึ่งหลังของคืน เมื่อฉินถังกลับมาอีกครั้ง
ก็เกิดคราวเลือดท่วมสังเวียนอีกคราหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลี่ฟานตื่นขึ้น
ก็ได้เห็นศพเกลื่อนภายในตึก
ส่วนเจี๋ยวซิวหยวน ก็ไม่ผิดไปจากที่หลี่ฟานคาดไว้ ไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้
แยกหัวกับตัว นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
หลี่ฟานไม่ได้มีความเวทนาต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
ไม่รอช้า หลี่ฟานก็ตรงดิ่งไปยังลานในวันวาน
ด้วยบทเรียนเมื่อวาน ผู้ฝึกเซียนทั้งหลายจึงไม่แตกฮือไปที่อื่นอีก ว่าง่ายมารวมตัวกันที่ลาน
คนเบาบางห่างหาย ผู้ฝึกเซียนที่รอดชีวิต ไม่ถึงสองในสามของเมื่อวาน
การทดสอบยังไม่ทันได้เริ่มจริงๆ ก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมายขนาดนี้
ผู้รอดชีวิตมองโชคชะตาที่รออยู่ข้างหน้าไม่ค่อยจะดีนัก สีหน้าหม่นหมอง
หลี่ฟานรู้ดีว่า นี่เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น
ในที่สุด จากผู้ฝึกเซียนที่เข้ามาในวิหารอวิ๋นสุ่ยรุ่นแรกนี้ จะมีเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบที่รอดชีวิตกลับออกไปได้
ในฝูงชน หลี่ฟานก็เห็นร่างของซือคงอี้และไป๋ลี่เฉินทั้งสอง
แต่เพียงมองผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่ได้จับจ้องมองนานนัก
คอยฉินถังมาถึงอย่างสงบนิ่ง
ไม่นาน ฉินถังก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคน
เขาถืองวงเหล้าชนิดหนึ่งไว้ในมือ พลางเดินพลางจิบอย่างกระหาย
"เหล้าดี! เหล้าดีจริงๆ !"
ฉินถังตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนจะจ้องมองผู้ฝึกเซียนที่เหลือรอดอยู่ที่ลาน
"ดี ดูเหมือนทุกคนจะมาครบแล้ว"
"งั้น เราก็เริ่มการทดสอบด่านแรกกันเลย"
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เหมือนกำลังย้อนนึกถึงบางสิ่ง
"อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า ในการแสวงเซียนสอบถามเต๋า มีสามสิ่งที่สำคัญที่สุด"
"พรสวรรค์ จิตใจ และโชคชะตา"
"อาจารย์เห็นว่า ในสามสิ่งนี้ พรสวรรค์สำคัญที่สุด"
"ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น"
"ข้าคิดว่า ในสามอย่าง จิตใจนี่แหละสำคัญที่สุด"
"ดังนั้น การทดสอบสามด่านที่ข้าจัดเตรียมไว้ จึงล้วนเกี่ยวพันกับจิตใจ"
ฉินถังพูดช้าๆ พาทุกคนไปยังตึกหอคอยแห่งหนึ่ง
ตึกหอคอยนี้มีสามชั้น
ชั้นแรกที่ทุกคนอยู่ วางชั้นหนังสือนับร้อย
แต่ละชั้นหนังสือเต็มไปด้วยตำรานานาชนิด
ทุกคนจ้องมองไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
《คัมภีร์มายาเมฆบิน》 《ยุทธวิธีสายฟ้าฉับพลัน》 《วิชาฟื้นคืนชีพชิงมู่》...
แต่ละเล่มล้วนแต่เป็นวิชายุทธ์ทั้งสิ้น
ลมหายใจของทุกคนถี่กระชั้นขึ้นมาในทันใด