บทที่ 130: ความฝันของศิษย์พี่ใหญ่ (ตอนฟรี)
บทที่ 130: ความฝันของศิษย์พี่ใหญ่ (ตอนฟรี)
ทะเลสาบยักษ์แสนลี้ บนยอดกระดองเต่า อาจารย์และลูกศิษย์กำลังเพลิดเพลินกับชาอย่างสบายใจด้วยกัน
“เนื่องจากพี่ใหญ่ของเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณแล้ว สภาพจิตใจของเขาจึงไม่มั่นคงเล็กน้อย ข้าได้ส่งเขาและครอบครัวออกไปเที่ยวก่อน” ซูฟ่านอธิบาย
“พี่ใหญ่บอกข้าแล้ว แต่ข้ากังวลว่าเขาจะเหมือนเดิมเมื่อออกไปข้างนอก” ซูเยว่เซียนแจ้งข้อกังวลของเธอ เนื่องจากเธอรู้จักซูกังเป็นอย่างดี
“ฮ่าฮ่า ข้าเฝ้าดูเจ้าเติบโตขึ้นตั้งแต่เจ้ายังเด็ก พี่ใหญ่ของเจ้าไม่สามารถทำอะไรได้หรอก ดังนั้นเขาจึงได้แต่พักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวเท่านั้น” ซูฟ่านหัวเราะเบาๆ ก่อนออกเดินทาง เขาได้ปิดกั้นเส้นทางการฝึกตนของซูกังเอาไว้อย่างสมบูรณ์
“เจ้าควรพาพี่ชายออกไปเดินเล่นบ้างเป็นครั้งคราวนะ”
“ไม่เช่นนั้น ผู้ฝึกตนเช่นเขาจะบ้าตายเอาได้” ซูฟ่านจิบชาแล้วพูด
“แต่นั่นก็เพราะพี่ใหญ่ของข้าเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของท่านอาจารย์”
“พี่ชายของข้าเคยบอกข้าว่าแม้ว่าอาจารย์จะสามารถเอาชนะเขาได้ในแง่ของการต่อสู้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ท่านก็ยังอยู่ในขอบเขตก่อเกิดรากฐาน และเมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายที่แท้จริง มันก็ยังเป็นความรับผิดชอบของเขาที่ต้องดำเนินการ”
“พี่ชายของข้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าเขาจะสามารถช่วยอาจารย์ได้สักครั้ง แต่น่าเสียดายที่มันแทบจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอยู่เลย” ซูเยว่เซียนพูดโดยรู้ว่าพี่ชายของเธอพูดถึงเรื่องนี้กับเธอมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้วหลังจากที่พวกเขาทั้งคู่โตขึ้น
“นี่คืออะไรกัน?” ซูฟ่านกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “นี่มันเรื่องไร้สาระอะไร? ฝันอยากจะช่วยข้าสักครั้ง? เขาอยากให้ข้ามีปัญหาหรอ?”
“เจ้าคิดว่าข้าชมพี่ใหญ่ของเจ้าน้อยเกินไปหรอ?”
“นั่นก็ไม่ใช่เช่นกัน” ซูฟ่านครุ่นคิด
ซูเยว่เซียนไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงยิ้มและรินชาให้กับซูฟ่าน
“เมื่อพี่ชายของเจ้ากลับมา ข้าจะเรียกเขามาดูว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่” ซูฟ่านกล่าว
ในขณะนี้ หน้าจอเสมือนจริงก็เปิดขึ้น มันแสดงชายที่มีรูปร่างเหมือนหมีกำลังท้าทายชั้นที่หกของหอคอยท้าทายอยู่
“ลองดูสิ ศิษย์คนนี้น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในแง่ของพรสวรรค์ในการขัดเกลาร่างกายแล้ว” ซูฟ่านแนะนำ เนื่องจากเขาค้นพบว่ามีศิษย์ที่มีพรสวรรค์อีกหลายคนในนิกาย ดังนั้นเขาจึงเริ่มสนใจการท้าทายของหอคอยทดสอบ
ในภาพ ชายร่างคล้ายหมีเริ่มชกต่อยอย่างดุเดือดตัวต่อตัวกับหุ่นเชิดเกราะหนัก
“วิชาการฝึกตนของศิษย์คนนี้ทนทั้งต่อน้ำและไฟ และมีพลังวิญญาณที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง”
“เขามีความแข็งแกร่งศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดเมื่อรวมกับกายาเพชรของเขา”
“แม้แต่ในตอนที่ข้าอยู่ที่ขอบเขตฝึกปราณขั้นหก ข้าก็ยังไม่สามารถจัดการกับเขาได้ ท่านไปพบผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้มาจากไหนกันท่านอาจารย์?” ซูเยว่เซียนอุทานด้วยความชื่นชม
“ฮ่าฮ่า เขาเป็นศิษย์ที่น้องสี่ของเจ้าพากลับมา”
“มีศิษย์ที่มีพรสวรรค์เช่นเขามากมายในนิกาย”
“ให้เวลาพวกเขาสักร้อยปี แล้วศิษย์รุ่นใหม่ก็จะเติบโตขึ้น”
“และหลังจากผ่านไปหนึ่งพันปี นิกายวิญญาณเร้นลับของเราก็จะตั้งหลักปักฐานอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมั่นคง” ซูฟ่านประกาศอย่างทะเยอทะยาน โดยรู้ว่าสิ่งที่นิกายวิญญาณเร้นลับทั้งหมดต้องการในตอนนี้คือเวลา
“ท่านอาจารย์ วันนั้นจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน” ซูเยว่เซียนยิ้ม ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เธอก็เชื่อว่าซูฟ่านสามารถทำทุกอย่างได้ และความสำเร็จนั้นก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น บางทีในหนึ่งพันปี นิกายวิญญาณเร้นลับอาจมีพลังมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ได้”
เมื่อมาถึงจุดนี้ การต่อสู้บนหน้าจอก็สิ้นสุดลงแล้ว
หมัดสุดท้ายของเซียงหลี่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดจนหมดได้ มันสร้างความเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้
“เขากำลังฝึกฝน ‘กายาความลับห้าธาตุ’ ซึ่งเป็นรุ่นปรับแต่งของ ‘ความลับห้าธาตุ’ อยู่”
“เมื่อเขาบรรลุกายาเซียนสงครามที่แท้จริงเมื่อไหร่ มันก็ยากที่จะบอกว่ามันจะทรงพลังแค่ไหน แม้แต่การโจมตีจากระดับเดียวกันก็ยังพบว่ามันยากที่จะเจาะทะลุพลังป้องกันของเขา”
“ในอนาคต เขาจะเป็นรถถังที่อยู่ยงคงกระพันในสนามรบอย่างแน่นอน เขาเป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับพี่ใหญ่ของเจ้า” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาตั้งตารอคอยวันนั้น
“ในอนาคต หากมีการต่อสู้กับนิกายอื่นเกิดขึ้นจริง ท่านก็ปล่อยให้หน้าที่เด็ดหัวผู้นำทัพศัตรูเป็นหน้าที่ของข้าได้เลย” ซูเยว่เซียนกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน” ซูฟ่านกล่าว
ในขณะนี้ เครื่องมือสื่อสารของซูเยว่เซียนก็ดังขึ้น
เธอมองดูและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อาจารย์ ข้าต้องออกไปตอนนี้แล้ว พี่ใหญ่ของข้ากำลังประสบปัญหาบางอย่างในเมืองเซียนหลิงเซิน” ซูเยว่เซียนกล่าว
“มีคนยืนกรานที่จะรับหลานชายของข้าเข้าไปในนิกายของพวกเขา แต่พี่ใหญ่ของข้าพูดจาไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงต้องการให้ข้าไปช่วยเจรจา”
“เอาเลย อย่าให้พี่ใหญ่ของเจ้าต้องรอนาน” ซูฟ่านกล่าว เขาได้รับข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่มีผู้ฝึกตนคนใดกล้าเคลื่อนไหวในเมืองเซียน
เมื่อเห็นแสงที่บินลับหายไป ซูฟ่านก็หยิบวัสดุเกี่ยวกับการควบคุมสัตว์อสูรออกมาและศึกษาต่อ เขาพบว่าการเลี้ยงสัตว์เล็กๆ บ้างเป็นครั้งคราวก็ค่อนข้างดีเช่นกัน
ในช่วงอาหารกลางวัน ฉิวจื่อหยวนค่อยๆ ร่อนลงบนกระดองเต่าพร้อมกล่องอาหาร
“ท่านอาจารย์ ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว” ฉิวจื่อหยวนกล่าวเบาๆ
“วันนี้ทำไมเจ้าถึงมาส่งอาหาร?” ซูฟ่านถาม
ฉิวจื่อหยวนหยิบจานเล็กๆ หลายจานและชามข้าววิญญาณหนึ่งชามออกมาจากกล่องอาหารและวางไว้ข้างซูฟ่าน
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านช่วยดูโครงการสถานที่ทดสอบสำหรับลูกศิษย์ของข้า” ฉิวจื่อหยวนกล่าวด้วยความเคารพ
“ข้าไม่ได้ให้สิทธิ์เจ้าในเรื่องนี้ไปแล้วหรอ?” ซูฟ่านถาม
“ใช่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการทดสอบเหล่านั้นจำเป็นจะต้องได้รับการประเมินจากท่านอาจารย์ใหญ่ก่อน”
ฉิวจื่อหยวนมอบแผ่นหยกในขณะที่เขาพูด
“ หอคอยป้องกันนิกาย สัตว์อสูรเลือดบริสุทธิ์และลูกผสม
หุ่นเชิดต่อสู้ระยะไกล ศูนย์บัญชาการหุ่นเชิด ฯลฯ …”
ซูฟ่านขีดฆ่าโครงการที่ไม่น่าสนใจบางโครงการออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจและส่งคืนให้ฉิวจื่อหยวน
“จินตนาการของเจ้ายิ่งใหญ่มาก ข้าได้กำจัดบางส่วนออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือสามารถดำเนินต่อไปได้” ซูฟ่านกล่าว
“รับทราบแล้ว”
...
ในขณะนี้ ในเมืองเซียนหลิงเซิน ผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดสูญกำลังปิดกั้นครอบครัวสามคนและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อโน้มน้าวใจพวกเขา “เจ้าหนู ข้าบอกข้อดีทั้งหมดให้เจ้าฟังแล้ว เจ้าไม่สนใจบ้างเลยหรอ?”
“เจ้าไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อนิกายของเจ้า มันจะต้องเป็นหนึ่งในนิกายเล็กๆ เหล่านั้นแน่”
“หากลูกชายของเจ้าไปเข้าร่วมกับนิกายเล็กๆ อนาคตของเขาก็จะน่าสิ้นหวังสุดๆ นิกายพันเต๋าของเราเป็นนิกายขั้นเก้า โดยมีผู้ฝึกตนขอบเขตมหายานถึงสามคน และเมื่อลูกชายของเจ้ามาเข้าร่วมกับนิกายของเรา เขาจะกลายเป็นศิษย์ชั้นในได้โดยตรงเลย”
“ข้าจะเป็นอาจารย์ให้ลูกชายของเจ้าเอง”
“และในอนาคต ข้าจะมอบยาวิญญาณและสิ่งประดิษฐ์วิเศษทั้งหมดให้กับลูกชายของเจ้า และเมื่อเขาไปถึงขอบเขตวิญญาณสวรรค์ ข้าจะแสวงหาสิ่งประดิษฐ์เต๋าให้เขาเป็นการส่วนตัวเอง”
ในขณะนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดสูญก็เป็นเหมือนเซลล์ชายสินค้าด้านสุขภาพ และเป็นประเภทที่จะไม่ยอมแพ้หากไม่ได้ทำข้อตกลงภายในวันนั้น
“ผู้อาวุโส ท่านกำลังจับตาดูกายาเต๋าพันวิญญาณของลูกชายข้าอยู่ใช่ไหม?” ซูกังชี้ให้เห็นเหตุผลว่าทำไมผู้ฝึกตนคนนี้จึงกระตือรือร้นที่จะเสนอรับลูกชายของเขาไปเป็นศิษย์
“ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้ว กายาวิญญาณนี้สามารถขัดเกลาได้อย่างถูกต้องเมื่อเขาเข้าร่วมกับนิกายพันเต๋าของเราเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมันก็จะสูญเปล่า”
“นิกายพันเต๋าของเรายังมีปรมาจารย์นักสร้างซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างวิชาการฝึกตนด้วย การผสมผสานทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัวจะทำให้ลูกชายของเจ้าพัฒนาไปเร็วมาก”
“ตราบใดที่ลูกชายของเจ้ามาที่นิกายพันเต๋าของเรา เขาก็จะได้รับทรัพยากรมากมายอย่างแน่นอน”
ผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดสูญมองครอบครัวสามคนนี้อย่างช่วยไม่ได้ เขาเดินทางไปมาระหว่างโลกเพื่อค้นหาลูกศิษย์ที่เหมาะสม
และในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พบเด็กที่คุ้มค่าแก่การผจญภัย เด็กวัยรุ่นมีอายุที่เหมาะสม และทั้งพ่อและแม่ของเขาก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณกับขอบเขตแก่นแท้ทองคำ เขาสามารถรับสมัครพวกเขาทั้งหมดได้ในคราวเดียว อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าครอบครัวนี้จะดูถูกนิกายที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในจงโจว..
*โอ้โห้ อ่านแล้วมันขึ้น!!!