การหวนคืนของอัศวินมังกรไร้พลัง ตอนที่ 39 เทียนหรือดาบ
ตอนที่ 39 เทียนหรือดาบ
เมื่อได้ยินหยินเทียนเป่าเชิญกลับที่พักดีๆ อาจารย์ระดับ 100 และอาจารย์คนที่ต้องโดนตรวจสอบคนอื่นๆ ก็ยอมกลับไปที่พักของตัวเองดีๆ
จริงอยู่ที่คำพูดของหยินเทียนเป่าเป็นคำพูดเชิญดีๆ แต่การปล่อยพลังเวทย์ออกมาจากร่างกายก็เป็นเหมือนการเตือนว่าถ้าไม่กลับได้เจ็บตัวแน่หรือถ้าร้ายแรงก็คงตาย
ส่วนเรื่องหนีไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่คิดหนีเลย เพราะถ้าหนีก็เท่ากับว่าพวกเขายอมรับว่าพวกเขาผิดและทางมหาวิทยาลัยเมืองหลวงสามารถฆ่าพวกเขาได้ทันที ตระกูลที่สนับสนุนพวกเขาพูดอะไรไม่ได้ด้วยถ้าพวกเขาถูกฆ่าระหว่างหนีออกจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง
ต่อให้เป็นตระกูลถังก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องนี้คือเรื่องภายในของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เรื่องภายในวิทยาลัยเมืองหลวงทางมหาวิทยาลัยเมืองหลวงจะจัดการกันเอง คนนอกห้ามยุ่ง
แต่พวกอาจารย์ก็ยังไม่หมดหวัง พวกเขายังสามารถขอให้ตระกูลที่สนับสนุนพวกเขาช่วยกันกดดันหยินเทียนเป่าให้รีบตรวจสอบได้ พวกเขาเลยไม่โวยวายออกมาและเดินทางกลับบ้านพักของตัวเอง
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเชิญต่อได้เลย”
หยินเทียนเป่ามองไปทางอาจารย์สวมชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่บนเวที เขากำลังยืนอยู่ข้างๆ หยางตง จากนั้น หยินเทียนเป่าก็เดินออกจากห้องประชุมไป
“ครับ”
อาจารย์สวมชุดสูทสีดำตอบ จากนั้นเขาก็มองไปทางหยางตงแล้วพูดว่า
“นายต้องการพูดอะไรอีกไหม?”
“ไม่ต้องการแล้วครับ”
หยางตงส่ายหน้า
เมื่อได้ยินคำตอบของหยางตง อาจารย์สวมชุดสูทสีดำก็มองไปทางพวกอาจารย์ที่ยังอยู่ในห้อง เขากำลังใช้สายตาถามว่ามีใครต้องการพูดอะไรอีกไหม
อาจารย์ที่ยืนอยู่ในห้องประชุมไม่มีใครเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ต้องการพูดอะไร
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครต้องการพูดอะไรแล้วอาจารย์สวมชุดสูทสีดำก็เตรียมพูดปิดพิธีเปิดเรียน ทว่า ในระหว่างที่เขากำลังจะพูดปิดพิธีเปิดเรียน สายตาของเขาก็เห็นว่ามีนักศึกษาใหม่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังยกมือของเขาขึ้นมา เขาทำเป็นว่ามองไม่เห็นวันนี้มีปัญหามากพอแล้ว เขาอยากปิดพิธีเปิดเรียนแล้ว
ทว่า นักศึกษาผู้ชายคนนั้นก็ยกมือเพิ่มขึ้นอีกข้างเป็นสองข้าง นักศึกษาใหม่มากมายกำลังมองไปทางเขา อาจารย์สวมชุดสูทสีดำต้องการทำเป็นไม่สนใจต่อไปแต่เขาทำไม่ได้เพราะตอนนี้นักศึกษาใหม่หลายคนกำลังมองเขาด้วยสายตาสงสัย แววตาที่พวกนักศึกษาใหม่มองเขาเขามั่นใจว่าใจหลายคนคงคิดว่าเขาสายตาไม่ดี เขาเลยต้องมองไปทางนักศึกษาใหม่ผู้ชายที่ยกมือขึ้น แล้วพูดว่า
“นายสงสัยเรื่องอะไรหลู่ฟาน”
ใช่แล้ว! นักศึกษาใหม่ผู้ชายที่กำลังขัดขวางการพูดจบพิธีเปิดเรียนก็คือหลู่ฟาน นักศึกษาที่ได้อันดับ 1 ของปีนี้
“ผมต้องการต่อสู้กับหยางตงครับ ผมอยากรู้ว่าถ้าผมสู้เต็มที่กับเขาผมจะยืนอยู่ได้กี่นาที ถ้าผมแพ้หยางตงก็จะได้เป็นอันดับ 1 ของนักศึกษาใหม่แบบถูกต้องตามกฎของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง”
หลู่ฟานพูดออกมา สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริงเขาอยากรู้ว่าเขาจะสามารถยืนได้กี่นาทีถ้าเขาสู้กับหยางตง เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ชนะหยางตงแน่นอน
“นั่น…”
อาจารย์สวมชุดสูทสีดำไม่รู้จะพูดอะไร เขาอยากจบพิธีเปิดเรียนเร็วๆ แต่ว่า สิ่งที่หลู่ฟานพูดออกมาก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย และนี่ก็ไม่ใช่การต่อสู้แบบไร้ประโยชน์เพราะถ้าหยางตงชนะหยางตงก็จะกลายเป็นอันดับ 1 ของนักศึกษาใหม่ปีนี้แบบที่หลู่ฟานพูดออกมาจริงๆ
“นายอยากสู้ไหม?”
อาจารย์สวมชุดสูทสีดำถามหยางตง
“ตกลง ผมจะสู้กับเขาสู้แบบไม่ใช้มังกร”
หยางตงตอบ จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากเวทีเดินไปทางหลู่ฟาน
ส่วนมังกรน้ำแข็งและมังกรศักดิ์สิทธิ์กำลังลอยอยู่บนเวทีเหมือนเดิม หยางตงพูดชัดเจนว่าต้องการสู้แบบไม่ใช้มังกร
หยางตงยอมตกลงสู้ก็เพราะสิ่งที่หลู่ฟานพูดออกมามันไม่ผิดอะไรเลย เขาพูดถูกทั้งหมด
ส่วนเหตุผลที่หยางตงไม่ใช้มังกรก็เพราะเขามั่นใจว่าเขาสามารถชนะหลู่ฟานได้แน่นอน ตอนนี้หลู่ฟานไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันการตรวจสอบระดับของตัวเอง หยางตงเลยเห็นระดับและค่าพลังทั้งสามของหลู่ฟานชัดเจน ระดับต่างกันไม่มากเท่าไหร่แต่ค่าพลังทั้งสามแตกต่างกันมาก
ร่างกายของหยางตงเยอะกว่ามาก
ความเร็วของหยางตงเยอะกว่ามาก
พลังเวทย์ของหยางตงเยอะกว่ามาก
ค่าพลังทั้งสามเยอะกว่าทั้งหมดเขาเลยมั่นใจว่าเขาชนะหลู่ฟาน ส่วนเรื่องประสบการณ์การต่อสู้ไม่ต้องพูดถึงเลย หยางตงคือผู้ย้อนเวลาเลยนะ ประสบการณ์การต่อสู้ของหยางตงเยอะกว่าหลู่ฟานเยอะ
และไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่นักศึกษาใหม่แบบหลู่ฟานจะไม่ป้องกันการตรวจสอบข้อมูลของตัวเอง นักศึกษาใหม่ที่พึ่งเจอกับเพื่อนๆ ต้องการให้เพื่อนๆ รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่ง พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือต้องการโชว์ข้อมูลของตัวเองว่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ นักศึกษาใหม่หลายคนเลยไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันการตรวจสอบข้อมูล
“ทุกคนถอยออกจากพวกเรา 10 เมตร”
หยางตงบอกนักศึกษาใหม่คนอื่นๆ เขาจะสู้ที่นี่เลยจะได้ไม่เสียเวลา
อาจารย์ที่อยู่ในห้องประชุมก็ไม่หยุดการต่อสู้ พวกเขาอยากเห็นว่าหยางตงที่ไม่มีมังกรช่วยสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน ข่าวที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับหยางตงก็คือ ‘มังกรของหยางตงฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงกว่ามันได้ง่ายๆ’ หรือ ‘มังกรของหยางตงมีพลังเยอะมาก’
สิ่งที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับหยางตงตั้งแต่เขาเข้ามาในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง มีแค่เรื่องมังกรของหยางตง พวกอาจารย์ยังไม่เคยได้ยินเรื่องหยางตงต่อสู้เองเลย พวกเขาเลยอยากรู้ว่าหยางตงแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาเลยปล่อยให้หยางตงต่อสู้กับหลู่ฟาน
ทุกสายตาในห้องประชุมจ้องมองไปทางหยางตงและหลู่ฟาน
“พวกเรามาเริ่มกันเถอะ”
หลู่ฟานพูดออกมา จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานแหวนมิติของตัวเอง ดาบขนาดไม่ใหญ่มากออกมาจากแหวนมิติของหลู่ฟาน ดาบของหลู่ฟานเป็นดาบสีแดงทั้งเล่มทั้งใบดาบและด้ามจับ และมีไฟไหม้อยู่บนดาบตลอดเวลา เพียงมองก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ร้อนมาก
“นี่คืออาวุธของฉันมันชื่อว่าดาบไฟสังหาร”
หลู่ฟานแนะนำดาบของตัวเอง อาชีพของหลู่ฟานก็คือนักรบไฟเขาเลยใช้อาวุธธาตุไฟต่อสู้
“เป็นดาบที่ดี”
หยางตงมองดาบและพยักหน้า
“เป็นดาบที่ดี??? เจ้ากำลังบอกว่าเทียนที่มีความร้อนน้อยนิดนั่นเป็นดาบที่ดี???”
มังกรน้ำแข็งใช้เวทย์ของมันสื่อสารกับหยางตง ซึ่งคนที่ได้ยินมีแค่หยางตงเพียงคนเดียว ถ้าหลู่ฟานรู้ว่ามังกรน้ำแข็งพูดว่าดาบไฟสังหารของเขาเป็นเทียนที่มีความร้อนน้อยนิดเขาต้องโมโหมากแน่ๆ
หยางตงไม่ตอบอะไรมังกรน้ำแข็ง แต่เขาก็พูดชมดาบไฟสังหารของหลู่ฟานเพราะมันคือมารยาทของมนุษย์ เขาแตกต่างจากมังกรน้ำแข็งที่ไม่รู้เรื่องมารยาทของมนุษย์
เทียน… ไม่สิ! ดาบสังหารของหลู่ฟานเป็นแค่อุปกรณ์ระดับกลาง ต่อหน้าของหยางตงอุปกรณ์ระดับกลางไม่น่ากลัวอะไรเลย ฟันโดนเขา 1,000 ครั้ง เขาก็ไม่ตาย
[ อุปกรณ์แบ่งออกเป็น ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับจักรพรรดิ อุปกรณ์ระดับต่ำแนะนำให้ระดับต่ำกว่าระดับ 10 ใช้ อุปกรณ์ระดับกลางแนะนำให้ระดับต่ำกว่า 50 ใช้ อุปกรณ์ระดับสูงแนะนำให้ระดับต่ำกว่าระดับ 100 ใช้ อุปกรณ์ระดับจักรพรรดิแนะนำให้ระดับมากกว่าระดับ 100 ใช้ ที่ต้องกำหนดแบบนี้เพราะอาวุธแต่ละระดับกินพลังเวทย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เลยมีการแนะนำระดับว่าระดับเท่าไหร่ควรใช้งานอาวุธระดับไหน ในอนาคตอาจมีอุปกรณ์ระดับสูงขึ้น จริงๆ ไม่ต้องจำตรงนี้ก็ได้จำมากเดี๋ยวปวดหัวเหมือนผม แต่งนิยายเกี่ยวกับระดับแบบนี้มันปวดหัวจริงๆ นะ อ่านให้สนุกก็พอ ไม่เข้าใจก็พิมพ์ถามถ้าว่างผมจะรีบตอบครับ^_^]