การหวนคืนของอัศวินมังกรไร้พลัง ตอนที่ 14 ถูกที่ ถูกเวลา
ตอนที่ 14 ถูกที่ ถูกเวลา
ณ ค่ายป่ายักษ์
พื้นที่ล่าแต่ละที่จะมีค่ายหนึ่งค่าย และชื่อค่ายก็จะตั้งตามพื้นที่ล่านั้นๆ เช่น ค่ายป่าน้ำแข็ง ค่ายป่ายักษ์
ค่ายที่หยางตงอยู่ตอนนี้คือค่ายป่ายักษ์ ค่ายป่ายักษ์มีขนาดใหญ่กว่าค่ายป่าน้ำแข็งประมาณ 10 เท่า และคนที่อยู่ที่นี่ก็มีจำนวนมาก คนที่อยู่ในค่ายคือนักศึกษาหรือไม่ก็อาจารย์
เมื่อหยางตงสำรวจค่ายเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกค่าย ทว่า ในระหว่างที่เขากำลังเดินไปที่ประตูเข้าออกค่ายเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
ปีด!!! ปีด!!! ปีด!!!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทั่วค่าย
“สัตว์อสูรโจมตีค่าย!!!”
เสียงลำโพงทั่วค่ายดังขึ้น เสียงเป็นเสียงของผู้หญิง
เมื่อได้ยินเสียงของลำโพงหยางตงก็รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ตามกฎของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเมื่อค่ายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ล่าโดนโจมตีทุกคนที่อยู่ในค่ายต้องช่วยกันป้องกัน หยางตงไม่รอช้า เขาและมังกรน้ำแข็งรีบตรงไปทางกำแพงค่าย กำแพงค่ายที่หยางตงมุ่งหน้าไปคือกำแพงค่ายทิศตะวันออก
บนกำแพงค่ายทางทิศตะวันออกมีคนอยู่จำนวนมาก และทุกคนก็มีสีหน้าจริงจัง
หยางตงมองไปด้านนอกกำแพงค่ายทันที แล้วสิ่งที่เขาเห็นคือสัตว์อสูรขนาดใหญ่จำนวนมาก ตัวที่ใหญ่ที่สุดสูงประมาณ 100 เมตร ตัวที่เล็กที่สุดสูงประมาณ 10 เมตร มีทั้งสัตว์อสูรที่เดินสองขาและเดินสี่ขา ระดับของพวกมันก็ ระดับ 30 หรือมากกว่า ไม่มีตัวที่ระดับต่ำกว่า ระดับ 30
“เตรียมตัวต่อสู้”
ผู้ชายอายุประมาณ 40 ปี พูดกับกลุ่มคนที่อยู่บนกำแพงค่ายทิศตะวันออก เขาคือผู้ชายตัวใหญ่ ทั้งตัวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่สวมเกราะ ไม่มีดาบ ไม่มีอาวุธอยู่่บนร่างกาย เขาสวมแค่กางเกงขายาว 1 ตัว ผู้ชายคนนี้คืออาจารย์มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ระดับของเขาคือระดับ 50 อาชีพของเขาคือ นักสู้
อาชีพนักสู้คืออาชีพที่ใช้ร่างกายของตัวเองต่อสู้ ไม่ต้องใช้อาวุธเพื่อโจมตี ไม่ต้องใช้ชุดเกราะเพื่อป้องกัน ร่างกายของนักสู้เป็นทั้งอาวุธและเกราะป้องกัน
ค่ายป่ายักษ์แห่งนี้มีอาจารย์ระดับ 50 จำนวน 4 คน ยิ่งพื้นที่ล่าระดับสูงเท่าไหร่อาจารย์ระดับ 50 ที่ปกป้องค่ายก็ยิ่งมีจำนวนเยอะเท่านั้น และในตอนนี้อาจารย์ระดับ 50 ทั้ง 4 คน ก็อยู่บนกำแพงทั้ง 4 ทิศ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก และทิศตะวันออก
เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์นักสู้ กลุ่มคนที่อยู่บนกำแพงค่ายทิศตะวันออกก็เริ่มเตรียมตัวต่อสู้ บางคนก็ชักดาบออกมา บางคนก็ยกธนูขึ้นเล็งไปทางสัตว์อสูร บางคนก็เริ่มร่ายเวทย์
“อาชีพที่ต้องต่อสู้ระยะประชิดตามฉันมา”
อาจารย์นักสู้พูดออกมาจากนั้นก็กระโดดลงจากกำแพงสูง 10 เมตร เขากระโดดเข้าหากลุ่มสัตว์อสูร คนที่อยู่บนกำแพงมองหน้ากันสักพัก จากนั้น ผู้ชายสวมชุดเกราะหนักก็กระโดดตามอาจารย์นักสู้ไป เมื่อมีคนเปิดก็มีคนตาม คนที่มีอาชีพต่อสู้ระยะประชิดเริ่มกระโดดลงกำแพงตามอาจารย์นักสู้
หยางตงที่ยืนอยู่บนกำแพงกำลังคิดอยู่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ตำแหน่งไหนดี เขาจะเป็นสายต่อสู้ระยะประชิด หรือจะให้มังกรใช้เวทย์โจมตีเป็นสายต่อสู้ระยะไกล คิดได้สักพักหยางตงก็คิดว่าเขาจะสู้ระยะไกลก่อนเขาอยากรู้ว่าทำไมพวกสัตว์อสูรถึงโจมตีค่ายป่ายักษ์ เขาต้องหาข้อมูลก่อน
“มังกรน้ำแข็งใช้เวทย์โจมตีสัตว์อสูรพวกนั้น โจมตีเบาๆ ทำเหมือนกับว่าตัวเองมีพลังเวทย์เท่ามนุษย์คนนั้น”
หยางตงสั่งมังกรน้ำแข็ง ระหว่างสั่งเขาก็มองไปทางผู้หญิงสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำข้างๆ
“ได้”
มังกรน้ำแข็งตอบ
เมื่อสั่งมังกรน้ำแข็งแล้วหยางตงก็เดินทางไปผู้ชายที่ถือธนูอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้ชายถือธนูถือธนูจากนั้นก็ถามว่า
“พี่ชายพี่รู้ไหมว่าสถานการณ์นี้คืออะไร เกิดอะไรขึ้น? ทำไมสัตว์อสูรถึงโจมตีค่ายป่ายักษ์?”
“นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ???”
ผู้ชายถือธนูมองหยางตงแปลกๆ
“ไม่รู้เลย ผมพึ่งออกจากประตูมิติผมก็ได้ยินเสียงเตือน”
หยางตงตอบแบบคนไร้เดียงสา เขาทำราวกับว่าเขาเป็นผู้เสียหาย
“ออ ฉันจะอธิบายแบบสั้นๆ ก็แล้วกัน อยู่ๆ ก็มีสัตว์อสูรที่สามารถเลื่อนระดับเป็นระดับ 100 เมื่อระดับของพวกสัตว์อสูรถึง ระดับ 100 จะถูกเรียกว่าสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิมันรวมสัตว์อสูรในป่ายักษ์แล้วโจมตีค่ายแห่งนี้ แล้วสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิก็ใช้พลังของมันปิดกลั้นประตูมิติเอาไว้ ตอนนี้พวกเราใช้ประตูมิติไม่ได้ พวกเราใช้ประตูมิติกลับไปที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ได้ และทางมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ส่งกำลังเสริมมาที่นี่ด้วยประตูมิติไม่ได้ กำลังเสริมที่อยู่ใกล้กับพวกเราที่สุดตอนนี้คือห่างจากพวกเรา 10,000 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง พวกเขาถึงจะมาถึงที่นี่”
ผู้ชายถือธนูอธิบายให้หยางตงฟังแบบรวดเร็ว
หยางตงไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ ปรากฏว่าเขามาที่นี่ถูกช่วงเวลา ถ้าเขาเข้าประตูมิติที่จะเดินทางมาที่ป่ายักษ์แห่งนี้ช้าสัก 1 นาที เขาก็คงเข้าประตูมิติไม่ได้เพราะประตูมิิติใช้งานไม่ได้
“พี่ชายรู้ไหมว่าสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิตัวนั้นชื่อว่าอะไร”
หยางตงถามอีกครั้ง
“แมลงสาบแวมไพร์”
ผู้ชายถือธนูตอบ
“มีปัญหาแล้ว”
หยางตงอุทานแบบไม่รู้ตัว สัตว์อสูรที่มีชื่อว่าแวมไพร์อยู่ข้างหลังคือสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเลือด ถ้ามันยังสามารถดูดเลือดได้ฆ่าเท่าไหร่มันก็คืนชีพได้ ในสนามรบสัตว์อสูรที่มีคำว่าแวมไพร์อยู่ข้างหลังชื่อคือพวกอมตะ ฆ่าแล้วฆ่าอีกก็ไม่ตาย ถ้าในสนามรบยังมีเลือดอยู่ฆ่ามันกี่ครั้งมันก็คืนชีพได้ และตอนนี้ค่ายป่ายักษ์ก็กำลังจะกลายเป็นสนามรบ จะมีเลือดของสัตว์อสูรและเลือดของมนุษย์เต็มไปหมด
และปัญหาก็คือ ถ้าสัตว์อสูรที่มีชื่อว่าแวมไพร์อยู่หลังชื่อของพวกมัน เช่น แมลงสาบแวมไพร์ ดูดเลือดเข้าร่างกายของมันตัวของมันก็จะแข็งแกร่งเรื่อยๆ สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก ถ้าฆ่าสัตว์อสูรที่โจมตีค่ายแมลงสาบแวมไพร์ก็จะดูดเลือดพวกมันและตัวแมลงสาบแวมไพร์ก็แข็งแกร่งขึ้น
ถ้าเลือกไม่ฆ่าพวกสัตว์อสูรที่โจมตีค่าย พวกสัตว์อสูรก็ฆ่ามนุษย์
เรื่องหนีก็ยากพวกที่หนีได้แน่ๆ คืออาจารย์ระดับ 50 พวกนักศึกษาหนีสัตว์อสูรไม่ทันแน่นอน
สถานการณ์ณ์ตอนนี้คือสถานการณฺ์ที่กลืนไม่เข้าคล้ายไม่ออก ถ้าหยางตงให้ทุกคนที่อยู่ในค่ายแห่งนี้ขึ้นหลังมังกรน้ำแข็งแล้วบินหนีเขาคิดว่าทุกคนหนีได้ แต่ว่า ระหว่างที่มนุษย์ขึ้นไปบนหลังมังกรน้ำแข็งพวกสัตว์อสูรคงไม่อยู่เฉยๆ พวกมันก็คงไล่ฆ่ามนุษย์ที่กำลังขึ้นหลังมังกรน้ำแข็ง
แล้ววิธีที่ให้ทุกคนขึ้นหลังมังกรน้ำแข็งแล้วบินหนีโอกาสสำเร็จก็น้อยมาก เพราะสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิอย่างแมลงสาบแวมไพร์ก็คงไม่อยู่เฉยๆ ถ้ามังกรน้ำแข็งระดับเท่ากันกับแมลงสาบแวมไพร์หยางตงมั่นใจว่ามังกรน้ำแข็งชนะแน่นอน เพราะมังกรมีวิธีฆ่าสัตว์อสูรแบบแมลงสาบน้ำแข็งเป็นร้อยวิธี
“ลองสู้ไปก่อน ถ้าไม่ไหวเราก็หนี”
หยางตงคิดในใจ หนีที่เขาคิตอนนี้คือเอาชีวิตตัวเองรอดอันดับ 1 ถ้าช่วยใครได้เขาก็ช่วย ช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ช่วย เขาจะไม่เอาชีวิตของตัวเองและมังกรน้ำแข็งไปเสี่ยงอันตราย เห็นว่าสู้ไม่ได้เขาจะเลือกหนีทันที ช่วยคนได้เท่าไหร่เขาก็จะช่วยเท่านั้น ไม่ทำตัวเป็นคนดีที่ต้องช่วยชีวิตคนทุกคน