Chapter 1283 ชุมนุมยุทธ์โลก
นิกายนิรันดร.
หลังจากที่สองพี่น้องหนิงรับศิษย์ใหม่เสร็จ จุนซ่างเซียวก็นำลู่เชียนเชียนกลับมาจากทะเลเหนือ.
การเดินทางครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่มาก ของล้ำค่าก็มีเพียงแค่คัมภีร์ลับหัวใจเหมันต์ลึกล้ำส่วนหลัง บันทึกค่ายกล และสมบัติที่ปล้นมาจากพวกโจรที่พบโดยบังเอิญเท่านั้น.
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “ตอนนี้ศิษย์มีมากขึ้น อุปกรณ์ช่วยฝึกไม่พอแล้ว.”
“ไม่เป็นไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย ”เปิ่นจั้วจะเตรียมเอง.
หนึ่งแสนแต้มจากภารกิจมหากาพย์ ก่อนที่จะไปยังทะเลเหนือ เขาซื้อเพียงเม็ดยาชำระจิตเก้าโคจรเท่านั้น ที่เหลือเขาได้เตรียมซื้ออุปกรณ์ช่วยฝึกศิษย์ทั้งหมด.
หลังจากที่มอบอุปกรณ์ช่วยฝึกให้กับหลี่ชิงหยางไปแล้ว จุนซ่างเซียวก็เริ่มคิดว่าจะทำภารกิจมหากาพย์ที่สิบสามให้เสร็จอย่างไร.
อย่างแรกก็คือ ต้องมีศิษย์ครบหนึ่งแสนก่อน พร้อมกับยกระดับเป็นนิกายระดับหนึ่ง เมื่อมีจำนวนสมาชิกพอแล้ว การจะยกระดับศิษย์ให้แข็งแกร่งเป็นไปตามมาตรฐานได้ไม่ยาก ข้อนี้ดูเหมือนจะทำได้หายห่วง.
ส่วนเรื่องที่สอง คือให้นิกายใหญ่และสุดยอดฝีมือยอมรับ เรื่องนี้ดูค่อนยากอยู่ เพราะมันไม่มีมาตรฐานแต่แรก ใครจะรู้ว่าคนอื่น ๆ เขาคิดอย่างไร?
“ง่าย ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่เคาะนิ้วบนพนักเก้าอี้ “ดูเหมือนว่าจะต้องหาโอกาส เปิดงานชุมนุมชาวยุทธ์ของทวีปชิงหยุนแล้ว จากนั้นก็เชิญเหล่านิกายใหญ่และยอดฝีมือเข้าร่วม ก่อตั้งพันธมิตรโลกให้ข้าเป็นผู้นำก็ได้แล้ว!”
“ความคิดของโฮสน์ไม่เลว แต่ว่า...”ระบบเอ่ย “งานชุมนุมยุทธ์โลก ไม่สามารถจะจัดการด้วยตัวเอง แล้วจะให้นิกายใหนมาเข้าร่วม.”
“ปัญหาไม่ได้ใหญ่นัก.”
จุนซ่างเซียวลุกขึ้นเอ่ย “ข้าจะไปนิกายไท่เสวียนเซิ่งตอนนี้.”
......
นิกายไท่เสวียนเซิ่ง.
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถงในเก้าอี้แขกพิเศษ ขณะเขาเอ่ยกล่าวจุดประสงค์ของตัวเองออกไป.
“เรื่องนี้....”
ยวีหลิงหยุนกล่าวด้วยความตกใจ“ทำไมเจ้านิกายต้องการจัดงานชุมนุมยุทธ์โลกล่ะ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วต้องการเป็นผู้นำพันธมิตร.”
“......”
ยวีหลิงหยุนและเซี่ยไท่อี้และคนอื่น ๆ ที่มุมปากระตุก.
ทุกคนต่างก็ต้องการเป็นผู้นำของพิภพ ทว่าการที่มีคนเสนอตัวเองเช่นนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน.
“ไม่ได้รึ?”
“ไม่ใช่ไม่ได้.”
ยวีหลิงหยุนที่ดูลังเลเล็กน้อย กล่าวออกมาว่า“จำเป็นต้องให้เจ้านิกายชั้นหนึ่งทั้งหมดเห็นด้วย จากนั้นก็ประกาศการร่วมมือออกมา.”
“นิกายอื่นมีเพียงต้องยอมรับ และต้องเป็นข้าเป็นผู้นำ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เรื่องดังกล่าวนี้ยวีหลิงหยุนที่ได้แต่ยอมรับคำเท่านั้น“เจ้านิกายจุน จะจัดตั้งชุมนุมยุทธ์โลกเมื่อไหร่?”
“สองเดือนหลังจากนี้.”
“ขอตัว!”
จุนซ่างเซียวที่เดินทางนิกายเห่ากวงเซิ่งต่อ เขาได้จ้องมองเจ้านิกายและเหล่าคนระดับสูง เอ่ยออกมาว่า“คำพูดของข้า มีใครไม่เห็นด้วย?”
เพราะว่ามีเรื่องที่ซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋น ทำให้นิกายไท่เสวียนเซิ่งค่อนข้างสุภาพต่อเขา การพูดคุยจึงเป็นด้วยความสุภาพ ส่วนนิกายอื่น ๆ นั้นเขาที่เผยความอหังการออกมาในทันที.
คำพูดข่มขู่นั้นทำให้เจ้านิกายเห่าหวงเซิ่งทำได้แค่เร่งรีบกล่าวออกมา“ยอมรับ ยอมรับ!”
ด้วยเหตุนี้ ในเวลาสั้น ๆ จุนซ่างเซียวที่เดินทางไปยังนิกายระดับหนึ่ง ทุกคนมีแต่ต้องเห็นด้วยเท่านั้น ไม่มีใคร...กล้าที่จะปฏิเสธ.
......
นิกายอ้าวซือเซิ่ง ลานยุทธ์.
อ้าวอู๋ซวงที่เวลานี้กำลังยืนขาสั่น เพราะว่ากลิ่นอายที่จุนซ่างเซียวปลดปล่อยออกมา.
“ยอมรับ ยอมรับ!”เจ้านิกายอ้าวที่เร่งรีบก้าวออกมา.
จุนซ่างเซียวใบหน้ากลายเป็นรอยยิ้ม ก้าวออกมาตบไปที่ไหล่ของอ้าวอู๋ซวง “สามารถยืนได้ เจ้าเองก็ไม่เลว.”
“......”
กับนิสัยอหังการ ไม่แม้แต่กล้ายืนต่อหน้าโกวเซิ่ง กล่าวได้ว่าตั้งแต่โดนเย่ซิงเฉินทุบไปเมื่อการแข่งขันผู้นำพยัคฆ์มังกรเขาต้องนอนอยู่บนเตียงเพิ่งจะสามารถกลับมายืนได้.
“ท่านพ่อ!”
อ้าวอู๋ซวงที่เงยหน้า คำรามลั่นด้วยน้ำตา “ข้าขอไปเข้าร่วมทดสอบเข้าร่วมนิกายนิรันดร!”
หลังจากรักษาบาดแผลจนหายดี เขาก็ครุ่นคิดมาตลอด จนท้ายที่สุดก็เข้าใจ เข้าแพ้เย่ซิงเฉินไม่ใช่เพราะว่าตัวเองไร้พรสวรรค์ พลังบ่มเพาะเองก็ไม่ได้ด้อย ทว่าที่แพ้นั้นเพราะว่าเขาไม่มีผู้แนะนำ ไม่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้
ไม่ยอมรับ!
ข้าไม่ยอมรับ!
จนกระทั่งเห็นจุนซ่างเซียววันนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองนั้น เล็กน้อยกระจิดริดยิ่งนัก ทำให้เขาตัดสินใจขอเข้าร่วมทดสอบรับศิษย์นิกายนิรันดร!
“บุตรของข้า.”
เจ้านิกายอ้าวเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้าต้องการทิ้งสถานะเจ้านิกายน้อยแล้วรึ? เจ้าต้องการทิ้งศักดิ์ศรีรึ?”
“ข้าไม่สนใจ!”
อ้าวอู๋ซวงที่ตะโกนดัง “ข้าเพียงต้องการแข็งแกร่ง!”
เจ้านิกายอ้าวที่กลายเป็นเงียบงัน ก่อนที่จะกลืนความอหังการไป “เจ้านิกายจุน บุตรชายของข้าสามารถเข้าทดสอบเข้าร่วมนิกายท่านได้หรือไม่?!”
“เจ้านิกายอ้าว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยเสียงดังก้องไปทั่วท้องฟ้า“ไม่ว่าจะเป็นญาติราชันย์ ปุถุชนธรรมดา ทุกคนก็สามารถเข้าร่วมทดสอบได้ ขอแค่มีความสามารถ.”
“ขอบคุณเจ้านิกายจุน!”
อ้ายอู๋ซวงที่ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก กำหมัดแน่น เอ่ยออกมาว่า“ข้าจะไปยังจังหวัดซีเหนียนหยางตอนนี้!”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไร เพราะตอนนี้เขาบินมาไกลแล้ว.
อ้าวอู๋ซวงเพราะวิชาบ่มเพาะของนิกายทำให้เขากลายเป็นคนอหังการ ทว่าต้องไม่ลืมว่าเขายังเยาว์ ถึงเขาจะมีพรสวรรค์ทว่าก็ไม่สามารถเทียบกับศิษย์นิกายนิรันดรในงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรได้ ไม่มีปัญหาอะไร หากว่าเขาจะเข้าร่วมทดสอบเข้าร่วมนิกายนิรันดร.
จุนซ่างเซียวไม่ได้กีดกัดใครที่ต้องการเข้าร่วมนิกาย.
หากว่าผ่านการทดสอบก็สามารถเข้าร่วม ทว่าก็มีบางคนไม่ได้รับอนุญาต ยกตัวอย่างมู่หรงซิน นิกายไป่เหอเซิ่ง เพราะว่านางได้ทำร้ายเซียวจุ้ยจื่อ ทว่าอ้าวอู๋ซวงกับนางนั้นแตกต่างกัน เพราะเขาไม่ได้เป็นศัตรูตั้งแต่ต้น เพียงแค่เขม่นกันในการแข่งขันเท่านั้น.
......
ผ่านมาหลายวันแล้ว.
นับตั้งแต่เก้าราชันย์คืนกลับ ทั่วแผ่นดินที่กลายเป็นเงียบงัน อย่างไรก็ตามในวันนี้ได้ปรากฏข่าวที่สะเทือน สวรรค์และปฐพี สองเดือนหลังจากนี้ จะจัดงานชุมนุมยุทธ์โลก เชิญเหล่าคนระดับสูงเข้าร่วมชุมนุมที่นิกายนิรันดร!
นี่ถือว่าเป็นงานใหญ่สำหรับนิกายระดับสูง และยังได้เชิญทุกองค์กรที่มีพลังบ่มเพาะระดับสูงเข้าร่วม ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องได้รับการรับรองก่อนแล้วเท่านั้น.
“งานใหญ่! งานใหญ่!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่ได้รับข่าวต่างก็พูดคุยเรื่องดังกล่าวไปมา.
“งานชุมนุมยุทธ์โลก จัดขึ้นโดยเจ้านิกายนิรันดร ไม่เพียงเชิญนิกายใหญ่ ยังเชิญเหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่มีชื่อเสียงด้วย!”
“โอ้วสวรรค์!”
“เหล่าตัวตนที่มีชื่อเสียงมารวมตัวกัน จะต้องเป็นงานที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ค่ายกลสะท้อนในแต่ละเมืองก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับแจ้งข่าวเกี่ยวกับการงานชุมนุมยุทธ์โลกในอีกสองเดือนซึ่งจะมีการถ่ายทอดด้วย.
เป็นงานใหญ่ขนาดนั้นเลยรึ?
ในเมืองขนาดใหญ่นั้นจะมีค่ายกลสะท้อน ครั้งนี้จะถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งแผ่นดิน.
เพื่อที่จะให้สำเร็จภารกิจมหากาพย์ จุนซ่างเซียวจึงต้องการทำงานนี้ให้ใหญ่โตเข้าไว้.
แน่นอน.
แม้แต่เหล่านิกายปิศาจยังได้รับการเชิญ.
ไม่เว้นแม้แต่นิกายราชันย์มาร ทำให้อีกฝ่ายต้องกลับมาขบคิด.
ไป!
ไม่ไปจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน.
นอกจากนี้หอเทพสังหารและนิกายโม่ซาเองก็ได้รับเชิญให้ไปด้วย.
ทั้งนิกายใหญ่เล็ก ตระกูล แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดต่างก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม.
......
วังเมี่ยวฮัว.
จางซุนฟางฮัวที่ได้รับบัตรเชิญ ใบหน้าที่สั่นส่ายไปมา“ควรบอกเจ้าวังไหม?”
หลังจากเข้าร่วมงานหมั้นของซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋น ซีจิงเสวียนกลับนิกายมาก็ปิดด่าน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ออกมา.
“ยังมีเวลาอีกสองเดือน เมื่อใกล้ถึงแล้วค่อยดูสถานการณ์อีกครั้งก็แล้วกัน.”เหลิงซิงเยว่เอ่ย
“ตกลง.”
ที่จริงเหล่าคนระดับสูงรู้ดี การที่เจ้าวังปิดด่านนั้น ก็หวังที่จะแข็งแกร่ง ....ทั้งหมดก็เพราะคนที่ห่วงใย พลังของเขาได้ทิ้งห่างไปไกลแล้วนั่นเอง.
เรื่องแบบนี้.
แต่ละคนย่อมคิดของตัวเองแตกต่างกัน.