Chapter 1280 ราชันรัตติกาลอยู่ที่นี่แล้ว
ประสบการณ์เมื่อราชันย์รัตติกาลไปยังทะเลเหนือ เพื่อหาถ้ำที่พักตาเฒ่าไท่เสวียน เขาที่ได้รับความยากลำบากมากมาย กว่าจะได้ตำราพระสูตรไท่เสวียนมา.
เพียงแค่คิดย้อนกลับไป ก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที.
อย่างไรก็ตาม.
หลายพันปีก่อน กับวันนี้.
จุนซ่างเซียวนำลู่เชียนเชียนมายังที่นี่ พบกับอันตรายเหมือนกัน ทว่ากับจัดการได้อย่างง่ายดาย.
โชคดีที่เย่ซิงเฉินไม่ได้ตามมาด้วย ไม่เช่นนั้นคงอกระอักโลหิตด้วยความเจ็บใจแน่.
แม้นว่าจะไม่มีใครรับรู้ ทว่าความเป็นจริง ระดับปราชญ์ยุทธ์สมบูรณ์ของจุนซ่างเซียวในเวลานี้ แข็งแกร่งกว่าเย่ซิงเฉินในอดีตมาก กับดักมากมายที่ตาเฒ่าจุนเทียนทิ้งเอาไว้ ไม่มีทางที่จะสร้างปัญหาให้กับเขา.
ประตูทางเข้าถ้ำเพราะว่ามีวิชาลับเหมันต์ลึกล้ำ จึงไม่จำเป็นต้องถอดรหัส และไม่จำเป็นต้องยืนรออีกด้วย.
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวตามไปไม่เอ่ยอะไร ขณะมองแผ่นหลังของอีกฝ่าย ภายในใจอดคิดไม่ได้ว่า เจ้านิกายเวลานี้แข็งแกร่งระดับใด?
โชคดีที่มาด้วยกันสองคน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงมาไม่ถึงที่นี่ได้อย่างแน่นอน.
“ตูมมมมม!”
ในถ้ำนั้นมีอสรพิษวิญญาณที่พุ่งเข้ามา ทว่ากับถูกต่อยระเบิดเพียงแค่การโจมตีเดียว.
จุนซ่างเซียวที่นำแกนผลึกออกมา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ในสถานที่แคบ ๆ เช่นนี้ จะทำอะไรเปิ่นจั้วได้.”
“......”
ลู่เชียนเชียนที่กลายเป็นเงียบ.
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
ในเวลานั้นยิ่งก้าวลึกเข้ามายิ่งมีอสรพิษมากมาย ราวกับว่าด้านในคือรังอสรพิษ.
“กึก!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้ามา ยื่นมือออกไปด้านหน้า ในเวลาต่อมา ปรากฏเปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกไป.
“ฟู่ ซูมมมม!”
เพลิงที่เผาผลาญทุกอย่าง จัดการเหล่าอสรพิษมากมายไปจนเกลี้ยง.
ลู่เชียนเชียนที่แววตาตื่นตะลึง เพลิงของเจ้านิกายดูเหมือนว่ารุนแรงกว่าแต่ก่อนมากมายนัก.
แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?
นี่โกวเซิ่งยังไม่ได้ใช้จิตวิญญาณเพลิงด้วยซ้ำ.
“มองอะไรอีก.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ยังไม่รีบเก็บแกนผลึก.”
ลู่เชียนเชียนที่ดึงสติกลับมา ก่อนที่จะเริ่มเก็บแกนผลึกที่กระจัดการจาย.
สำหรับผู้ฝึกตนน้ำแข็ง ย่อมสัมผัสได้ถึงอำนาจของเปลวเพลิงได้มากกว่าผู้ใด.
นางสามารถบอกได้ว่าเพลิงของจุนซ่างเซียวนั้นรุนแรงมากกว่าเดิมชนิดเทียบกันไม่ติดเลย.
......
หลังจากเหล่าอสรพิษถูกจัดการไปจนหมด ก็ไม่มีอันตรายซ่อนเร้นอีกต่อไป.
ทั้งสองก็เดินทางไปอีกสองสามนาที ไปถึงจุดสิ้นสุดของอุโมงค์ ได้หยุดอยู่ที่หน้าผาด้านหน้าที่มีสะพานแขวนเชื่อมต่อไปอีกฝั่ง.
“โฮกกกกก!”
เสียงของสัตว์ร้ายที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ แผ่คลื่นความดุร้ายซัดสาดมาตามอากาศ.
“เจ้านิกาย.”
ลู่เชียนเชียนที่ขมวดคิ้วไปมา “สะพานนี้อาจจะมีอันตราย พวกเรา...”
“รีบมาเร็วเข้า.”
จุนซ่างเซียวที่ตะโกนอยู่อีกฝั่งของสะพานแล้ว.
“.....”ลู่เชียนเชียน แม้นว่าใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ ทว่าภายในใจนั้นแทบทรุดไปเหมือนกัน.
“ฟิ้ว!”
ขณะนางกำลังก้าวไปบนสะพานไปยังอีกฝั่ง กลิ่นอายที่น่าเกรงขามด้านล่างก็ปรากฏขึ้น.
“โฮกกกก---”
ในเวลานั้น ใต้หุบเขาที่มืดมิด มีอสรพิษยักษ์ปรากฏขึ้นทันที มันแยกเขี้ยวแผ่แม่เบี้ยออกมา.
ในอดีตที่เย่ซิงเฉินมานั้น อสรพิษเหล่านี้คือสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก “ใครจะคิดว่าอสรพิษที่สูญพันธ์ไปแล้ว จะมาอยู่ที่ถ้ำที่พัก ตาเฒ่าไท่เสวียน.”
“แม้นว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะได้.”
“ทว่าก็ไม่มีใครเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน!”
กล่าวได้ว่าเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด เขาที่ใช้แผนการข้ามผ่านสะพานนั่นไป ไม่สามารถสังหารมันได้.
ในเวลานั้นลู่เชียนเชียนที่ชะงักงันทว่านางที่เพ่งพิศจ้องมองออกไป ไม่รู้ว่าจุนซ่างเซียวปรากฏขึ้นเมื่อไหร่ เขายื่นมือออกไปแผ่กลิ่นอายปิศาจที่น่าเกรงขามออกมา พร้อมกับตบไปที่หัวของอสุรพิษเบา ๆ “ฉลาด เชื่อฟัง.”
อสรพิษทั้งสามที่หวาดผวาออกมา.
ฝ่ามือของมนุษย์ผู้นี้แผ่กลิ่นอายปิศาจที่ดุร้าย จนทำให้จิตใจพวกมันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว.
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น เด็กสาวขวบที่ปรากฏขึ้น แววตาที่ลุกโชนเป็นประกายวับวาว”ท่านพ่อ ข้ากินพวกมันได้หมด
“ตกลง.”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
เสี่ยวเซี่ยที่แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมาปกคลุมอสรพิษทั้งสามในทันที.
“โฮกกกก ----”
เสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้น.
“ฟิ้ว!”
จากนั้น กลิ่นอายปิศาจก็คืนกลับเข้าไปในร่างของเสี่ยวเซี่ยอีกครั้ง.
อสรพิษยักษ์ที่สีของผิวของมันที่เปลี่ยนไป เหลือแต่ซาก กลิ่นอายปิศาจในร่างและแกนพลังควบคุมทุกอย่างได้สลายหายไปเรียบร้อยแล้ว.
อสรพิษยักษ์ที่สร้างปัญหามากมายให้กับราชันย์รัตติกาล ทำให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน เวลานี้ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติเป็นสัตว์พันธสัญญาของจุนซางเซียว.
ลู่เชียนเชียนที่เพ่งพิศ.
ไม่ใช่เรื่องที่อสุรที่แข็งแกร่งถูกจัดการ ทว่าเด็กที่ปรากฏขึ้นมานั่น เรียกเจ้านิกายว่าพ่อใช่ใหม?
“ไม่มีอันตรายแล้ว ผ่านมาได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลู่เชียนเชียนที่ข้ามฝั่งมา ภายในใจที่ลอบคิด “เดิมทีเจ้านิกายและนางมีบุตรกันแล้วสินะ.”
แม้นว่าจะประหลาดใจ ทว่านางที่มีนิสัยเย็นชา ยังสามารถควบคุมความสุขุมได้ หากเป็นซูเซียวโม่คงร้องดังแล้ว.
“ท่านพ่อ.”
หลังจากที่เสี่ยวเซี่ยกลืนกลิ่นอายปิศาจไปหมดแล้ว ได้ตบท้องที่นูนออกมาเบา ๆ พร้อมกับจ้องมองไปยังลู่เชียนเชียน เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “นี่คือแม่ข้ารึ?”
“ตูมมมมม!”
หน้าผาที่ส่ายไปมา เจ้าตัวน้อยที่หัวบุบเข้าไปเป็นหลุม.
......
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายที่แผ่ออกมาหลังจากเสี่ยวเซี่ยบุบเข้าไปกลิ่นอายปิศาจที่แผ่ออกมาฟุ้งไปทั่ว.
เจ้าตัวน้อยที่กล่าวออกมาอย่างไม่ระวัง.
ขณะที่จ้องมองไปยังลู่เชียนเชียน กล่าวในใจ“หากนางไม่ใช่แม่ข้า แล้วเป็นใครล่ะ?”
ผ่านไปราว ๆ นาที ทั้งสามก็ก้าวมาถึงจุดสิ้นสุดอุโมงค์อีกฝั่ง ที่นี่เป็นหลุมที่มีความกว้างรัศมีสิบกว่าเมตร ด้านในนั้นมีโต๊ะและที่นั่งศิลา.
“ท่านพ่อ!”
เสี่ยวเซี่ยที่ชี้ไปยังพนัง เอ่ยออกมาว่า“มีตัวอักษรล่ะ!”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองออกไป เห็นอักษรที่เขียนเอาไว้ว่า“ราชันย์รัตติกาลอยู่ที่นี่แล้ว”
“ราชันย์รัตติกาลอยู่ที่นี่ อธิบายได้ว่าที่นี่ก็คือถ้ำที่พักของตาเฒ่าไท่เสวียนที่ปิดด่านอยู่นั่นเอง.”
จุนซ่างเซียวที่ได้ยินมาจากเก้าราชันย์เกี่ยวกับราชันย์รัตติกาลได้รับพระสูตรไท่เสวียนมา หนึ่งในวิชาที่ตาเฒ่าไท่เสวียนซ่างคิดค้นขึ้น เขาที่ผ่านมาทำให้ได้สลักชื่อเอาไว้บนผนังด้วยนั่นเอง.
“อักขระที่เว้นช่องไม่เท่ากันชัดเจน”ลู่เชียนเชียนเอ่ย “หนึ่งในสิบราชันย์ ดูเหมือนว่าคงจ่ายไปด้วยราคาที่สูงลิ่วทีเดียวกว่าจะมาถึง.”
“ใช่แล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ม่านพลัง อสูรทรายและยังมีสัตว์วิญญาณระดับราชันย์อีก แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา.”
“ราชันย์รัตติกาลที่มาถึงที่นี่ ถือว่ามีความสามารถเล็กน้อย.”
“น่าสงสาร.”เขาที่ส่ายหน้าไปมา “ยอดฝีมือเช่นนี้กับถูกสตรีแทงข้างหลัง แม้แต่ช่วยให้อีกฝ่ายขึ้นสู่พิภพเบื้องบน.”
“วูซซซซ!”
ในเวลาต่อมา บนพื้นที่ว่างอยู่ก็แยกออกจากกัน แท่นศิลาสามอันที่ถูกยกปรากฏขึ้น บนกล่องทั้งสามนั้นมีสองกล่องที่เปิดออกแล้ว มีหนึ่งกล่องที่ยังคงปิดแน่นยังไม่ได้เปิด.
“ข้าได้ทิ้งโอกาสไว้สามอย่างบนถ้ำที่พัก ผู้มาเยือนเลือกได้หนึ่งกล่อง.”ในเวลาเดียวกันเสียงที่ชราดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง.