Chapter 1279 ตบหน้าจากระยะไกล
ป้อมปราการซิงกง.
แม่ทัพหนึ่ง แม่ทัพสองและคนอื่น ๆ ที่ก้มหน้าก้มตา ขณะเจ้าป้อมปราการก้าวออกมา.
“ขยะ!”
“เจ้าพวกขยะ!”
ตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องเก็บอารมณ์ ท้ายที่สุดก็ต้องมีอันต้องปะทุอีกครั้ง.
เพราะหวั่นเกรงที่จะส่งผลต่อการรักษาอาการบาดเจ็บจึงต้องปิดด่าน แต่แล้วต้องออกมา เพราะนักโทษร้ายแรงของคุกนรกชั้นเก้าได้แหกคุกจากไป ไม่ว่าจะเป็นใครย่อมไม่สามารถทนได้.
“จูซ่าง.”
แม่ทัพหนึ่งเอ่ย “ผู้ใต้บังคับบัญชายินดีรับผิดทุกอย่าง.”
เขาคือหัวหน้าผู้คุ้มกัน แน่นอนว่าไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้.
เจ้าป้อมปราการเอ่ย “รีบออกไปจับตัวนักโทษร้ายแรงทั้งหมดกลับมาซะ!”
“ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ใช้คนทั้งหมดสืบสวนแล้ว.”แม่ทัพหนึ่งเอ่ยรายงาน “คงจะได้รับข่าวเร็ว ๆ นี้.”
เรื่องนักโทษร้ายแรงหลบหนี ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก.
เขาที่ได้สั่งเจ้าหน้าที่หอซิงกง ออกตรวจสอบทั่วจักรวาลเบื้องล่าง เว้นแต่หนีขึ้นไปยังพิภพเบื้องบนเท่านั้น ไม่ช้าก็ย่อมหาตัวพบในเร็ว ๆ นี้.
“ทวีปชิงหยุน.”
เจ้าป้อมปราการ “ใช้โอกาสนี้ไปสืบสวนด้วย.”
เหตุผลที่หยุดไว้ก่อนเพราะเขาบาดเจ็บ ดังนั้นเมื่อต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปทั่วจังวาล จึงสบโอกาสไปสืบเรื่องราวก่อนหน้าพร้อมกันเลย.
“รับทราบ!”
แม่ทัพหนึ่งที่รับคำสั่ง.
เจ้าป้อมปราการที่ก้าวจากไป.
หลังจากอีกฝ่ายจากไปแล้ว ทุกคนที่หายใจโล่ง.
“ทุกท่าน.”
แม่ทัพหนึ่งกล่าวอย่างจริงจัง“จู่ซ่างโกรธมาก พวกเราจะต้องตามจับนักโทษกลับมาให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องไปยังทวีปชิงหยุนให้เป็นเรื่องรองผ่านไปค่อยสืบ”
เรื่องสำคัญย่อมต้องจัดการก่อนเป็นธรรมดา.
ในความเห็นของเขาการตามจับตัวของนักโทษร้ายแรงย่อมสำคัญกว่าการสืบสวนเรื่องฆาตกรรม.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
เรือเหาะของป้อมซิงกงที่ถูกส่งออกไปลำแล้วลำเล่า.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในป้อมปราการรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เกิดอะไรกันแน่ ทำไมป้อมปราการถึงได้ส่งนักรบออกไปคนแล้วคนเล่า?
......
ทะเลเหนือ ทวีปชิงหยุน.
เรือรบตงกู่ที่เหินตัดผ่านท้องฟ้ามาจอดอยู่เหนือทะเลที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีเกาะกระจัดกระจายมากมาย ราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า.
“ควรจะเป็นที่นี่.”
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือนำตำราลับหัวใจเหมันต์ลึกล้ำออกมา เพ่งพิศตามคำแนะนำ แววตาที่ดูมั่นใจ.
“ดังนั้น.”
ระบบกล่าวล้อ “โฮสน์ไม่คิดที่จะส่งตำราครึ่งบนให้ศิษย์รึ?”
“ฟู่ ฟู่!”
เรือรบตงกู่ที่ร่อนลงช้า ๆ ที่ชายหาดแห่งหนึ่งบนเกาะ.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัสออกไป “ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนมานานแล้ว.”
ลู่เชียนเชียนกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ที่นี่มีสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมากมาย.”
“ใช่.”
จุนซ่างเซียวที่ถูมือ ดวงตาเป็นประกาย “นี่มันทรัพยากรฝึกฝนเลยไม่ใช่รึ?!”
......
“โฮกกกก!”
ภายในเกาะ มีเสียงคำรามดังกึกก้อง.
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่กับที่ กัดผลไม้ป่า รสชาติดูเหมือนว่าจะใช้ได้ทีเดียว.
“พรึด ซี่!”
ริ้วแสงที่เย็นยะเยือบ สะบั้นหัวของสัตว์ร้ายลอยกระเด็น.
ลู่เชียนเชียนที่ชักกระบี่หานมั่งฟาดฟันอยู่ด้านหลังเจ้านิกาย.
หลังจากก้าวไปถึงระดับปราชญ์ยุทธ์ ความแข็งแกร่งของนางก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างชัดเจน.
“ฟิ้ว!”
ลู่เชียนเชียนที่จัดการเหล่าสัตว์ร้ายพร้อมกับนำแกนผลึกออกมา ส่งให้กับจุนซ่างเซียว “เจ้านิกาย ที่นี่ไม่มีถ้ำที่พัก.”
“งั้นก็คงต้องค่อย ๆ หาไปทีละเกาะแล้ว.”
เกาะบนทะเลเหนือนั้นมีมาแต่สมัยโบราณ มีจำนวนหลายร้อยเกาะทีเดียว การจะหาถ้ำที่พักของตาเฒ่าไท่เสวียน คงต้องใช้เวลาสักหน่อย.
อย่างไรก็ตาม.
หลายวันมานี้ ทั้งสองที่ผ่านไปหลายสิบเกาะแล้ว กับไม่มีร่องรอยเลยแม้แต่น้อย.
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนก้อนศิลา จ้องมองตำรา อ่านคิดใคร่ครวญ พลางสีคางไปมา “หรือว่าที่นี่จะมีค่ายกลปิดแยก?”
“เจ้านิกาย.”
ในเวลานั้น ลู่เชียนเชียนชี้ไปยังทิศทางของทะเล“ดูนั่นเร็ว!”
“หืม?”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังพื้นที่ดังกล่าว บนทะเลที่มีฟองอากาศลอยขึ้นมาเป็นระยะ ๆ พร้อมกับพุ่งทะยานหมู่มวลเมฆา!
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
จ้องมองตำแหน่งดังกล่าว ดูเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูลึกลับเป็นอย่างมาก.
“ไปดูกัน.”
จุนซ่างเซียวและลู่เชียนเชียนที่บินออกไป.
ทั้งสองที่กวาดตามอง รอบ ๆ ที่นี่มีเสาน้ำที่พุ่งทะยานท้องฟ้าพุ่งขึ้นสู่ใจกลางเกาะที่อยู่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง.
“ไป!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ทั้งคู่ที่ตัดผ่านอากาศ บินเข้าไปเสาน้ำสองสายที่พุ่งทะยานขึ้นมาขวาง.
เสาน้ำเวลานั้นได้กลายเป็นฝ่ามือโจมตีมายังทั้งสองทันที.
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
จุนซ่างเซียวที่โบกมือ สร้างพลังโจมตีออกไป ขวางลู่เชียนเชียนเอาไว้ “กล่าวออกมาว่า”เปิ่นจั้วอ่อนแอ ขนาดใหนศิษย์มาป้องกันเลยรึ?”
“......”
ลู่เชียนเชียนที่ถอยมาด้านหลัง.
ฝ่ามือที่โจมตีมาพลังทลายลงอย่างรวดเร็ว.
“ไป!”
จุนซ่างเซียวบินออกไปก่อน ปะทะกับม่านพลังที่มองไม่เห็น เสียงดังสนั่น.
บัดซบ!
มีค่ายกลได้อย่างไรกัน!
โกวเซิ่งที่ส่งจิตสัมผัสไปก่อนแล้ว หากแต่ไม่พบกลิ่นอายค่ายกลเลย.
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
ในเวลานั้น พลังฟ้าดินที่มากล้น ก่อรูปเป็นฝ่ามือโจมตีมาจากทุกทิศทาง.
......
ภายในห้องเย่ซิงเฉินที่นั่งสมาธิในห้อง.
เย่ซิงเฉินที่นึกถึงเรื่องราวในอดีต นึกถึงเกาะที่ถูกล้อมรอบด้วยม่านพลัง.
“เลวร้ายชะมัด!
ราชันย์รัตติกาลที่ส่ายหน้าด้วยความขมขื่น.
เขาที่เป็นหนึ่งในสิบราชันย์ ต้องใช้พลังแรงกายทั้งหมด เพื่อทะลวงม่านพลังดังกล่าว.....
“โชคดีที่เป็นข้า.”เย่ซิงเฉินที่กล่าวกับตัวเอง “หากเป็นคนอื่นไม่มีทางที่จะทะลวงผ่านไปได้.”
“ตูมมมมมม!”
ม่านพลังตำหนักที่พักที่ขวางกั้นจุนซ่างเซียว ถูกพลังกระแทกพังทลายในเวลาไม่ถึงนาที.
ส่วนฝ่ามือที่แทรกเข้ามานั้น เป็นลู่เชียนเชียนที่คอยจัดการไป.
......
เย่ซิงเฉินที่คิดเรื่องราวในอดีต คิดถึงเขาที่ทะลวงค่ายกล กว่าจะไปถึงเกาะก็เกือบตาย นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่โจมตีมาจากทั่วทิศทาง มีความแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว.
“สิ่งมีชีวิตที่น่าพรั่นพรึงเต็มไปหมด”
“กว่าข้าจะทำลายผ่านไปได้ก็ใช้พลังเกือบหมด.”
“หากเป็นราชันย์หลิงและคนอื่น ๆ คงเป็นไปไม่ได้.”
ราชันย์รัตติกาลที่เผยความภาคภูมิ ไม่รู้เลยว่าจุนซ่างเซียวและลู่เชียนเชียนที่จัดการสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจเหล่านั้นเพียงไม่ถึงนาที.
“แล้วประตูนั่น!”
เย่ซิงเฉินที่ใบหน้าบิดเบี้ยวจริงจัง.
เขาจำได้อย่างชัดเจน ตัวเองนั้นผ่านเข้าไปกว่าจะไปถึงตรงกลางลำบากไม่ใช่ย่อย และเมื่อพบประตูศิลาที่มีเถาวัลย์ปกคลุมอยู่ ด้านหน้ามีอักขระที่แผ่กลิ่นอายอันลึกล้ำออกมา.
การจัดการประตูเข้าไปนั้น ราชันย์รัตติกาลกังวลที่สุด เขาที่ต้องรอคอยเป็นเวลานาน...กว่าจะเปิดได้.
“ดังนั้น.”
ราชันย์รัตติกาลที่ลอบคิดในใจ“หากต้องการเข้าไปแล้วไม่ถึงเวลาเปิด ถึงจะทุ่มแรงออกไปเท่าไหร่ก็ไม่มีทางทำอะไรได้ หากไม่รู้กฎเกณฑ์ ไม่รู้จักรอก็ไม่ต่างจากเข้าไปตายเปล่า.”
“ตูมมมม!”
ในเวลาเดียวกัน จุนซ่างเซียวที่มายืนอยู่ด้านหน้าประตูศิลา พร้อมกับยกตำราลับหัวใจเหมันต์ลึกล้ำที่ส่องสว่าง ไปบนอักขระบนประตูที่ส่องแสงตอบรับกันและกัน ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ดังนั้นแววตาของเขาที่ประหลาดใจ“ง่ายขนาดนี้เลยรึ?”
“หืม?”
เย่ซิงเฉินที่ยกมือขึ้นถูหน้าตัวเองไปมา เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย “ทำไมรู้สึกเจ็บเล็กน้อย?”