Chapter 1276 ความแข็งแกร่งของนิกายที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ปวด ๆ....”
เย่ซิงเฉินที่ยกมือกุมศีรษะ พลางบ่นพึมพำ ดวงตาที่ค่อยลืมขึ้นช้า ๆ.
เฮ้อ.
ข้าเมาอีกแล้ว.
ราชันย์รัตติกาลที่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างจริงจัง เขาจำได้ลาง ๆ ว่าตัวเองยกชามสุราพร้อมกับซดจนหมด.
เขาที่ฝึกฝนดื่มสุรามาหลายเดือน แม้นว่าจะไม่ก้าวหน้าเลย หากแต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อวานถึงกับหมดสติ ดูเหมือนว่าจะร้ายแรงไม่น้อย.
กล่าวตามจริง.
เขานั้นไม่ต้องการเสียหน้า เพื่อศักดิ์ศรี เขาจึงได้ดื่มเหล้าจนหมดชามนั่นเอง.
อย่างไรก็ตามเวลานี้รู้สึกสัมผัสพลังธาตุฟ้าดินได้มากยิ่งขึ้น เย่ซิงเฉินถึงกับมุมปากกระตุกเผยความตื่นเต้นดีใจขึ้นมา.
อาหนิว.
เจ้าเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ!
เย่ซิงเฉินจะเปลี่ยนไปอย่างไร นั่นหาได้ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือแข็งแกร่งขึ้น ขอเพียงแค่มีสิ่งที่ทำให้เขาแข็งแกร่งได้ขึ้นสู่พิภพเบื้องบน ไปหาสตรีที่เขาเคืองแค้นได้ เขาก็พร้อมทำทุกอย่าง!
“กึก ซี่!”
หลังจากชำระร่างกายเสร็จแล้ว อาหนิวก็ก้าวออกมาจากห้อง.
“ศิษย์น้องเย่ เมื่อวานนี้เจ้าร้ายกาจมาก ๆ เลย ไม่เพียงชนะประลองดื่ม ทว่ายังชนะใช้กระบี่แทนพู่กันอีก!”ซูเซียวโม่ที่ก้าวเข้ามาหา พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้.
เย่ซิงเฉินถึงกับตะลึงงันไปเหมือนกัน.
ข้าไม่ได้แข่งดื่มสุราอย่างเดียวไม่ใช่รึ? เมื่อวานข้าไปใช้กระบี่แทนพู่กันตอนใหนกันฟ่ะ?
......
ในห้องโถง.
อี้เฟยซิวยกมือประสาน“เจ้านิกายจุน ศิษย์ของท่านเข้าใจวิถีกระบี่ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้อี้โหมวได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ!”
“เหล่าฟู่เห็นเขาต่อสู้กับปิศาจสุราจนเมาหมดสติไปแล้ว แต่กับสามารถสร้างอักขระที่ทรงพลังน่าเกรงขามด้วยคมกระบี่ น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก!”ซิงอวิ๋นจื่อกล่าวชื่นชมอีกคน.
“ยกย่องไปแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ได้แต่กล่าวในใจ“คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากอาหนิวเมา จะทรงพลังขนาดนี้!”
เมื่อวานนี้ ที่ยอดเขาสัตว์วิญญาณ เย่ซิงเฉินที่เดินส่ายไปมา เพื่อมองหาเตียงนอน เขาถูกสมาชิกสัตว์วิญญาณขวางเส้นทางเอาไว้ ทำให้เกิดการแต่สู้ขึ้น.
อาการเมาละเมอของอาหนิว ทำให้ทักษะต่อสู้เพิ่มพูนสูงขึ้นมา เขาที่นำกระบี่ออกมา พร้อมกับพุ่งตรงไปยังด้านหน้า.
เย่ซิงเฉินที่เมาละเมอนั้น ได้ใช้กระบี่ที่ไร้เทียมทาน อี้เฟยซิวที่เฝ้ามองจากพื้นที่ไกลออกไปถึงกับสะดุ้ง แม้แต่ซิงอวิ๋นจื่อที่เห็นเขาสร้างอักขระขึ้นมาก็อ้าปากค้างไปเหมือนกัน.
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงต้องยอมรับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง.
“เรื่องนี้....”
บนยอดเขาสัตว์วิญญาณ เย่ซิงเฉินที่ยืนนิ่งจ้องมองร่องรอยการต่อสู้บนลานยุทธ์ เห็นรอยกระบี่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ ใบหน้าของเขาถึงกับชะงักงัน “เป็นข้าทำจริง ๆ รึ?”
“ศิษย์น้อง.”
ซูเซียวโม่ที่ชี้ไปยังรอยกระบี่ เอ่ยออกมาว่า“เมื่อวานยอดฝีมืออักขระจ้องมองเจ้าถึงหนึ่งชั่วยาม ท้ายที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาว เขตแดนอักขระของเจ้า อยู่ในขั้นสุดยอดแล้ว!”
“......”
เย่ซิงเฉินที่กลายเป็นเงียบ.
เห็นรอยกระบี่ที่ฟาดฟันมั่ว ๆ เพราะเมา กับเห็นข้าเป็นยอดฝีมืออักขระอย่างคาดไม่ถึง เจ้านั่นป่วยรึอย่างไร?
กล่าวได้ว่าในสายตาของปุถุชนและปรมาจารย์นั้นไม่สามารถเทียบกันได้ บางทีการเหวี่ยงมั่ว ๆ ของอาหนิวนั้น กับเปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการเขียน....โดยบังเอิญ!
......
“ทั้งสาม.”
ภายในห้องโถง จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างจริงจัง“ในเมื่อพวกท่านได้รับรู้ความแข็งแกร่งศิษย์นิกายนิรันดรแล้ว สนใจจะอยู่ที่นี่ เพื่อประลองพูดคุยเรื่องทฤษฎีกับพวกเขาหรือไม่?”
นี่สิคือเป้าหมายของเขา.
การยกยอปอปั้นเย่ซิงเฉิน ไม่ได้จงใจแกล้งเขาแต่อย่างใด แต่เพราะต้องการลวงเหล่ายอดฝีมือ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขาย่อมหาโอกาสให้พวกเขาอยู่ที่นี่เอาไว้ให้ได้.
“เจ้านิกายจุน!”
ปิศาจสุราเอ่ย “ข้ายินดีอยู่ที่นี่!”
ขอเพียงมีสุรา เมามายาที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้แล้ว ยังมีอาหารอร่อยให้กินทุกวัน การจะอาศัยในนิกายนิรันดรย่อมไม่มีปัญหา.
“ทั้งสองล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
อี้เฟยซิวที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาว่า“นิกายของเจ้านิกายจุนนั้นมีพลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมยอดเยี่ยม เหมาะที่จะใช้ตระหนักวิถีกระบี่จริง ๆ.”
“ใช่แล้ว!”
ซิงอวิ๋นจื่อเอ่ย “กับสภาพแวดล้อมที่งดงามเท่านั้นถึงจะสามารถประพันธ์งานศิลปะขึ้นมาได้ สถานที่เหมาะที่จะให้เหล่าฟู่ก้าวตามเส้นทางที่ตัวเองต้องการได้.”
ไม่ได้กล่าวเกินจริง สภาพแวดล้อมของนิกายนิรันดรที่เปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณนั้นดูโดดเด่นอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าเป็นดินแดนที่งดงามกว่าสถานที่ใดในทวีปชิงหยุนก็ว่าได้.
สามยอดฝีมือที่ตกลงที่จะอยู่ที่นี่.
แน่นอน ว่าไม่ใช่เพราะพ่ายแพ้เย่ซิงเฉิน หลัก ๆ นั้นเป็นเพราะจุนซ่างเซียวช่วยพวกเขาออกมาจากคุก ถือว่าเป็นหนี้บุญคุณ.
ส่วนตี้ถิง ฮั่วเหยี่ยนเหยาและนักโทษร้ายแรงคนอื่น ๆ อยู่ภายใต้พันธสัญญาและการควบคุมต้นกำเนิดวิญญาณ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาย่อมเข้าร่วมนิกายนิรันดรโดยละม่อมอยู่แล้ว.
ยกเว้นดวงตาแห่งความว่างเปล่าที่โชคร้าย ถูกขังไว้ในคุกชั้นเก้า ถูกคุมขังไว้เช่นเดิม ทั้งที่คนอื่น ๆ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ.
“อาวุโสซ่าง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “จะกลับทวีปเทียนหยวน หรืออยู่นิกายนิรันดร?”
“เฮ้อ.”
บรรพชนตระกูลซ่างส่ายหน้าไปมา “ความหวังของเหล่าฟู่ในโลกมันจืดจางยิ่งนัก ความหวังเดียวที่เหลืออยู่คือตัดผ่านไปยังระดับสะบั้นมิติขั้นกลาง เจ้านิกายจุน หากไม่ไล่ ข้าขออยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่.”
แน่นอน.
อีกหนึ่งเหตุผลก็คืออยู่เป็นเพื่อซ่างโหยวเหิน.
จุนซ่างเซียวที่นำเอกสารรับเข้าออกมา พร้อมกับใส่ข้อมูลอีกฝ่ายลงไป.
“แก๊ก!”
ตราเจ้านิกายที่ประทับลงไป ในเวลานี้ยอดระดับสะบั้นมิติขั้นกลาง ได้กลายเป็นหนึ่งสมาชิกนิกายนิรันดรแล้ว นอกจากนี้การรับบรรพชนซ่างโหยวเหิน โกวเซิ่งยังได้รับค่าสมัครอีกจำนวนมาก.
อี้เฟยซิว ซิงอวิ๋นจื่อ ปิศาสุรา เถี่ยอี้โหว ฉินหลินหราน ฮั่วเหยี่ยนเหยา นักโทษร้ายแรงเองก็กลายเป็นคนนิกายนิรันดรเช่นกัน เพราะว่าตี้ถิงเป็นสัตว์พันธะสัญญา ดังนั้นจึงไม่ได้รับเป็นศิษย์แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของนิกาย.
นับจากนี้.
นิกายนิรันดรที่มีแปดสะบั้นมิติระดับต่ำ หนึ่งสะบั้นมิติระดับกลาง กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นทรงพลังมากมายนัก.
และยังมีดวงตาแห่งความว่างเปล่าและตี้ถิงที่เป็นสัตว์พันธสัญญา ยังมีอีกสองคนที่ยังไม่ได้นับอีกด้วย.
ใช่แล้วกวนจิวและเหอฉี.
ทั้งสองถูกส่งกลับไปเป็นสายของจุนซ่างเซียว เลยถูกเจ้าป้อมสั่งขัง และยังถูกฮั่วเหยี่ยนเหยาทรมานอย่างบ้าคลั่ง ทั้งทรมานและสุขสมไปในตัว.
ไม่ต้องสงสัย.
ความแข็งแกร่งโดยรวมนิกายนิรันดรนั้นไม่มีทางที่กลุ่มอิทธิพลใหนในทวีปชิงหยุนจะเทียบเคียงได้ แม้แต่พิภพอื่น ๆ ในจักรวาลเบื้องล่างยังต้องหวาดหวั่น.
“ไม่ได้การแล้ว.”
“จะต้องยกระดับนิกายเป็นชั้นหนึ่งให้เร็วแล้ว!”
เพราะคุณสมบัติยังไม่ครบทำให้ภารกิจสนับสนุนยังไม่สำเร็จ ดังนั้นจุนซ่างเซียวจึงได้กล่าวย้ำสองพี่น้องหนิง ให้รับศิษย์ให้ครบ 100,000 ให้เร็วที่สุด.
......
ในห้องหนังสือ.
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์คนอื่น ๆ ที่เข้าแถว พร้อมกับรับเม็ดยาที่เจ้านิกายกำลังแจกจ่าย.
“นี่คือเม็ดยาครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยอย่างสงบ “หลังจากกินมันแล้ว จะสำเร็จเป็นครึ่งก้าวปราชญ์.”
เจ้านิกายมอบเม็ดยามากมายให้กับพวกเขา ทว่าขณะรับเม็ดยาครึ่งก้าวปราชญ์ พวกเขาราวกับคาดเดาได้ว่าเม็ดยานี้มีผลอะไร แต่กระนั้นเมื่อได้ยินจากปากของเจ้านิกาย ก็ทำให้ตื่นตะลึงตาค้างไปเช่นเดิม.
“อึก อึก!”
ขณะที่ทุกคนเพ่งพิศ เย่ซิงเฉินได้กินเม็ดยาดังกล่าวไปแล้ว.
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม!”
“ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ซูมมม!”
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งนาที กลิ่นอายที่หนาแน่นที่ปะทุออกจากห้องหนังสือ ม้วนกวาดกระจายไปทั่วนิกายนิรันดร.
เย่ซิงเฉิน!
ตัดผ่านระดับไปยังครึ่งก้าวปราชญ์!
“ฟู่!”
“ฟู่ ฟู่!”
หลังจากนั้นหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ ที่ทำจิตใจให้สงบพร้อมกับกลืนเม็ดยาลงไป เวลานั้นศิษย์ทั้งสิบคนยกระดับเป็นครึ่งก้าวปราชญ์พร้อม ๆ กัน.
“นั่นมันอะไรกัน?”
ในเมืองชิงหยาง เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เงยหน้า จ้องมองไปยังเทือกเขาไท่กู่ที่เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินขึ้น.
......
“ฟู่!”
เขตแดนลับเก้าสวรรค์ ชั้นเหมันต์ จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ในพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ จ้องมองไปด้านหน้าและเอ่ยออกมาว่า“นี่คือเม็ดยา ที่จะช่วยเจ้าตัดผ่านระดับไปยังครึ่งก้าวปราชญ์.”
ลู่เชียนเชียที่นั่งอยู่บนยอดเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “เจ้านิกายกลับมาเมื่อไหร่อย่างงั้นรึ?”
“กลับมาได้หลายวันแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่มอบเม็ดยา และเอ่ยออกมาว่า“รีบกินเถอะ.”
“อืม.”
ลู่เชียนเชียนที่กลืนเม็ดยาครึ่งก้าวปราชญ์ พร้อมกับตัดผ่านระดับในทันที.
ขณะใบหน้านางเผยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก จุนซ่างเซียวนำบางอย่างที่เหมือนหอยสังข์ออกมา พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“ยกระดับลู่เชียนเชียน.”
“ตรวจสอบ.”
“ศิษย์หญิงใหญ่.”
“ตรงตามเงื่อนไข.”
“ฟิ้ว -------”
ของวิเศษ【ทำตามคำบอก】ที่ลอยขึ้นพร้อมกับปล่อยพลังอาบไล้ไปทั่วร่างลู่เชียนเชียน ในเวลาต่อมา นางที่ก้าวกระโดดยกระดับจากครึ่งก้าวปราชญ์ไปยังปราชญ์ยุทธ์ทันที.