Chapter 1275 ราชันรัตติกาลผู้ไม่ยอม
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
ภายในเขตแดนลับเป็นตาย พลังวิญญาณที่รุนแรงปะทุขึ้นมา ห้วงมิติที่สั่นไหวไปมา สัตว์วิญญาณที่ถูกสังหารด้วยหมัดเดียวสลายหายไปตนแล้วตนเล่า.
เย่ซิงเฉินที่หยุด พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ.
เขาที่ไปถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปลาย เวลานี้เขตแดนลับเป็นตายแทบจะไม่มอบประสบการณ์อะไรให้กับเขา ทว่าเขาก็ยังคงใช้มันต่อไป ถึงจะเพิ่มเพียงเล็กน้อย ทว่าก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเขา.
ตั้งแต่จุติกลับมา เย่ซิงเฉินที่เคร่งครัด ฝึกฝนอย่างหนัก กลั่นร่างกายและวิญญาณและพลังธาตุ.
แม้นว่าจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับพลังบ่มเพาะเดิมในชาติที่แล้ว ทว่าหากเทียบในระดับบ่มเพาะเดียวกันในเวลานี้เขาเหนือกว่าชาติที่แล้วลิบลับ.
อาหนิวที่ฝึกฝนบ่มเพาะอย่างหนักไม่เคยละเลยการฝึก ไม่ว่าจะเป็นวันใหนเขาก็ฝึกฝนอยางจริงจัง เขาทุ่มทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งจะนำไปเทียบกับโกวเซิ่งที่ยกระดับด้วยระบบโกงได้อย่างไร.
แน่นอน จุนซ่างเซียวไม่ใช่ว่าไม่ต้องการฝึกฝนอย่างหนัก ทว่าเขาที่เป็นเจ้านิกายจะต้องบริหารนิกายด้วย ไม่สามารถที่จะทุ่มอย่างใดอย่างหนึ่งได้.
แต่ในใจแล้วถึงแม้นจะมีเวลา เขาก็ไม่ได้คิดที่จะฝึกหนักแต่อย่างใด ในเมื่อเขามีระบบให้โกงแล้ว ทำไมต้องเคร่งเครียดด้วย.
“ฟู่!”
เย่ซิงเฉินหลังจากพักเล็กน้อย ก็ก้าวออกจากเขตแดนลับเป็นตาย.
เขาวางแผนที่จะเข้าไปยังเขตแดนลับเก้าสวรรค์ที่อยู่ด้านข้างต่อ ทว่าก็ได้ยินเสียงของจุนซ่างเซียวดังขึ้น“อาหนิว มายังห้องโถง.”
“......”
เย่ซิงเฉินที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกระวนกระวายขึ้นมาในทันที.
เจ้านิกายเรียกตัว ศิษย์ก็มีเพียงต้องไปเท่านั้น ทว่าเขาก็ลังเลเล็กน้อย ขณะก้าวเข้าไปในห้องโถง ในเวลานั้นเขาพบกับสายตาที่จับจ้องมายังตัวเอง กลิ่นอายที่น่าเกรงขามที่กดทับลงมา!
ยอดฝีมือ!
สุดยอดฝีมือ!
เย่ซิงเฉินที่ระงับอาการตื่นตะลึงเอาไว้ พบว่าที่ด้านหน้าสามกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม คนแรกมีกระบี่เก้าเล่ม อีกคนที่มีกลิ่นสุรารอบกาย และอีกคนที่ดูเหมือนกับบัณฑิต.
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นี่คือศิษย์เย่ซิงเฉิน ที่เปิ่นจั้วให้ความสำคัญที่สุด.”
หากได้ยินว่าเป็นหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อคือคนสำคัญก็พอเข้าใจได้ ทว่าการได้ยินว่าเย่ซิงเฉินทำให้เขาสั่นไหวแน่นอน.
อี้เฟยซี ปิศาจสุราและซิงอวิ๋นจื่อทั้งสามที่เพ่งพิศศิษย์นิกายนิรันดรผู้นี้อย่างจริงจัง พวกเขาบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่กับถูกเรียกว่าสุดยอดอย่างงั้นรึ?
“ซิงเฉิน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทั้งสามมีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า.”
“ตกลง.”
เย่ซิงเฉินที่กล่าวอย่างภาคภูมิ.
แม้นว่าภายในใจจะรู้สึกระวนกระวาย แม้นว่าจะรู้ทั้งสามไม่ธรรมดา ทว่าเขาราชันรัตติกาล ตัวตนที่น่าเกรงขามในอดีต ศักดิ์ศรีราชันย์ทีเคยมี ย่อมไม่หวาดกลัวเรื่องใด ๆ.
......
ในโรงอาหาร.
เย่ซิงเฉินทีเต็มไปด้วยความภาคภูมิ ใบหน้าที่ดูงงงวยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าอีกฝ่ายมีกลิ่นสุราสิ่งที่ต้องการปรึกษาตัวเขาก็คือ....การดื่ม!
ไม่ได้การ!
นี่ไม่ใช่แนวข้าเลย!
อาหนิวที่เอ่ยเสียงผ่านวิญญาณ“เจ้านิกาย ข้า....”
“เปิ่นจั้วบอกพวกเขาว่าเจ้าคือสุดยอดวิถีสุรา เปิ่นจั้วโม้มากไปหน่อย เจ้าก็เล่นไปตามบทก็แล้วกัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ยอย่างจริงจัง.
กึก!
ใบหน้าของเย่ซิงเฉินที่แข็งค้างไปในทันที.
ข้าเป็นคนแพ้สุรา ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ยังบอกว่าข้าเป็นสุดยอดวิถีสุรา โม้เกินจริง จงใจแกล้งข้ารึอย่างไร!
“สหาย!”
ปิศาจสุราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยออกมาด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “พวกเราจะซดแบบไหหรือว่าดื่มแบบถ้วยดี.”
ด้วยการถูกบังคับ ก็มีแต่ต้องเล่นไปตามบท จะให้ซดเป็นไหมันเกินไปหน่อย ด้วยระดับของเขาตอนนี้จึงเอ่ยออกมาว่า“ถ้วยสุรา!”
“ดำหนึ่ง ดำสอง!”
จุนซ่างเซียวดีดนิ้ว เอ่ย “เตรียมถ้วยสุรา!”
“ครับ!”
ดำหนึ่งดำสองที่ก้าว ส่งถ้วนสุราสองใบวางไว้บนโต๊ะ.
สายตาของของเย่ซิงเฉินที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต เพราะถ้วยสุรานี้ดูยังไงก็ดูเหมือนกับอ่างล้างผักมากกว่า.
“เจ้านิกาย!”
เขาที่เอ่ยกล่าวออกมา “ในโรงอาหารมีชามขนาดใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”
“ข้าเพิ่งให้คนลงเขาไปซื้อมา.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“......”
เย่ซิงเฉินที่มุมปากกระตุกขึ้นมาทันที.
แกล้งข้า!
แกล้งข้าอย่างแน่นอน!
“วูซซซซ!”
ดำหนึ่งดำสองที่รับผิดชอบรินสุรา.
กลิ่นของสุราที่ลอยละล่องทำให้ปิศาจสุราต้องกลืนน้ำลายลง ก่อนยกชามใบใหญ่ขึ้น “ข้าขอเริ่มก่อนเพื่อแสดงความเคารพ!”
“อึก อึก อึก อึก!”
เขาที่ยกชามใบใหญ่ซดสุราอย่างรวดเร็ว อย่างง่าย ๆ สบาย ๆ.
“เฮ้ย!”ซูเซียวโม่ที่ยืนอยู่นอกโรงอาหารถึงกับเผยแววตาไม่อยากเชื่อ “ร้ายกาจขนาดนี้เลยรึ?”
“......”
เย่ซิงเฉินที่ใบหน้าเปลี่ยนสีครั้งแล้วครั้งเล่า.
“กึก!”
ปิศาจสุราที่ซดชามสุราจนหมด พร้อมกับยกมือประสาน “ขอคำแนะ....”กล่าวยังไม่จบด้วยซ้ำเขาก็ล้มคว่ำหมดสติไปในทันที.
“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ข้าคิดว่าเขาร้ายกาจ แท้จริงแล้วแก้วเดียวจอด!”
ซูเซียวโม่และคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเสียงดัง.
จุนซ่างเซียวที่ประหลาดใจเช่นกัน.
เมื่อพบกันในคุกนรก จะดีจะร้ายเจ้านี่ก็ควรจะดื่มได้สักไห แม้นว่าจะชามใหญ่หน่อย ไม่น่าจะเมาเร็วขนาดนี้.
“เจ้านิกาย.”
หลานกังเอ่ย “ที่เขาดื่มนั้นคือเมามายาฉบับปรับปรุง สามารถดูดซับพลังวิญญาณได้มากกว่าเดิม ทำให้ฤทธิ์ของมันรุนแรงกว่าเดิม.”
จุนซ่างเซียวที่ตระหนักได้ในทันที “เป็นแบบนี้นะเอง.”
“ทั้งสอง.”
เขาที่จ้องมองไปยังอี้เฟยเสวี๋ยและซิงอวิ๋นจื่อกล่าวเสียงใส“สุราที่ศิษย์นิกายนิรันดรดื่มเป็นประจับ ปิศาจสุรากับจอดหมดสติเพียงแก้วเดียว คงไม่ต้องบอกแล้วว่าใครแพ้ใครชนะ?”
“แน่นอน.”
อี้เฟยซิวยกมือประสาน “ศิษย์ของท่านเป็นคนชนะ.”
“......”
เย่ซิงเฉินถึงกับสะดุ้ง.
ยังไม่ได้ดื่มเลยกับชนะ นี่มันแข่งอะไรกัน!
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ยินยอม เพราะศักดิศรี.
ราชันย์รัตติกาลที่รู้สึกโกรธเกรี้ยว ก่อนที่จะยกชามสุราใบใหญ่ขึ้น พร้อมกับซดเสียงดัง เอ่ยออกมาว่า“ข้าเองก็สามารถดื่มได้!”
จุนซ่างเซียวที่อ้าปากค้างเผยความประหลาดใจ.
เขาดื่มสุราได้มากมายแล้วรึ? หลายวันที่ข้าไม่อยู่ ความสามารถดื่มสุราเพิ่มพูนแล้วสินะ.
“พรึด โครม!”
ในเวลาต่อไปมา เย่ซิงเฉินที่ล้มคว่ำไปเช่นงัน เมาไม่ได้สติเรียบร้อยแล้ว.
ทว่าปากของเขายังคงบ่นพึมพำ “ข้า....ข้าไม่ไปเล้าเป็ด....ข้าไม่ไป....เทือกเขาสัตว์วิญญาณ...ข้า....ข้าจะไป...เตียงของข้า....”
“เฮ้อ.”
ซูเซียวโม่และคนอื่น ๆ ที่ได้แต่ส่ายหน้าไปมา.
สถานการณ์แบบนี้ เจ้านิกายเพิ่งเคยเห็น.
เป็นความจริงที่เย่ซิงเฉินพยายามยกระดับฤทธิ์สุรา เมามายา ที่หลานกังพัฒนา เพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูดซับพลังธาตุได้เร็วขึ้น เขาที่ฝึกฝนอยู่แทบทุกวัน.
แม้แต่น้ำเต้าของเขาเองก็มีสุราอยู่แก้วหนึ่ง.
ช่วงระยะเวลาที่จุนซ่างเซียวไม่อยู่ อาหนิวที่ฝึกฝนดื่ม ทำให้มีความสามารถต้านสุราเพิ่มขึ้นเล็กน้อย.
ใช่แล้ว.
เย่ซิงเฉินเมาแล้ว.
เขาที่ดื่มสุราไปชามหนึ่ง ทว่าก็ยังสามารถพยุงร่างได้ แม้แต่เอ่ยกล่าวคร่ำครวญมากมาย แสดงให้เห็นว่าเขาชนะจริง ๆ.
หลังจากนั้นหลี่ชิงหยางที่ยกเขาไปเพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปเล้าปศุสัตว์ หรือยอดเขาสัตว์วิญญาณ.
โปรดจำเอาไว้.
ราชันย์รัตติกาล จะไม่ยอมรับความอับอาย!
“แกว่งไกวตามสายลม แล่นเรือต้านกระแส!”เห็นอาหนิวถูกหลี่ชิงหยางนำไปแล้ว จุนซ่างเซียวที่ได้แต่จ้องมองกล่าวด้วยความภาคภูมิ “ศิษย์ที่เปิ่นจั้วให้ความสำคัญ มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ยอมใครจริง ๆ!”
......
ในคืนนั้น.
เล้าสัตว์ที่ถูกวางค่ายกลอย่างแน่นหนาและศิษย์หลายร้อยคนคอยเฝ้า.
ยอดเขาสัตว์วิญญาณ แต่ละห้องปิดแน่น เหล่าหนิวและสัตว์วิญญาณตนอื่น ๆ ที่เตรียมค่ายกลเอาไว้ด้วยเช่นกัน.
“มาแล้ว! มาแล้ว! เขามาแล้ว!”
ภายใต้แสงจันทร์ เงาร่างหนึ่งก้าวเดินมาอย่างสบายใจ.