Chapter 1274 วัฒนธรรมของนิกายนิรันดร
เจียงหลิงนั้นเพิ่งถูกจับตัวไปยังนิกายหยินหยางจังหวัดหนานไห่ถูเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ นางยังอยู่แผ่นดินใหญ่ ได้เห็นภาพการโฆษณาของจุนซ่างเซียวอยู่นั่นเอง.
ในเวลานั้น นางที่เป็นสาวใช้ของตระกูลขุนนางแห่งหนึ่ง เพราะว่าเปลี่ยนชื่อและสถานะ ทำให้หอฝนพรำไม่สามารถค้นหาตัวนางพบนั่นเอง.
หลังจากที่เจียงเซี่ยได้รับกายาจิตวิญญาณบรรพกาล เริ่มหาพี่สาว นางก็ถูกลักพาตัวไปยังนิกายหยินหยางแล้ว ข้ามน้ำข้ามทะเลไป.
กล่าวได้ว่า.
สองสามปีนี้เจียงเซี่ยหานางอย่างบ้าคลั่ง แต่พี่สาวของนางถูกนำตัวข้ามทะเลไปแล้ว.
นิกายหยินหยาง ไม่ใช่นิกายปิศาจ วิชาของพวกเขาแม้ว่าต้องฝึกคู่ กล่าวได้ว่าคนเหล่านั้นก็ถูกรับเป็นศิษย์.
อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาผลประโยชน์ของนิกาย ไม่ให้มีคนทรยศหนีออกไป สตรีที่ถูกลักพาตัวมาล้วนแต่ถูกบังคับให้กินยาสลายวิญญาณ ทำให้ลืมความทรงจำเดิมไปทั้งหมด.
กล่าวให้ถูกต้องจริง ๆ.
พวกนางได้กลายเป็นเพียงหุ่นเชิดให้คนอื่นควบคุม.
นิกายหยินหยาง พวกเขาจะเลือกเตามนุษย์ที่เหมาะสม ดังนั้นสตรีแท้จริงแล้วเป็นดั่งนักโทษ อย่างไรก็ตามเพราะว่าเจียงหลิงขัดขืนอย่างหนัก ดังนั้นนางจึงถูกทรมานหลายต่อหลายครั้ง.
แม้แต่ถูกใช้เป็นหนูลองยา ดังนั้นเมื่อเจียงเซี่ยไปถึง นางจึงไม่ได้เป็นศิษย์ และอยู่ในสภาพน่าอดสู.
เพราะเม็ดยาต่าง ๆ ได้ทำให้วิญญาณของนางเสียหาย จนกลายเป็นเหมือนกับคนโง่งมคนหนึ่งเท่านั้น.
เป็นคนอื่น วิญญาณเสียหายบางทีคงไม่สามารถฟื้นคืนได้ ดังนั้นเม็ดยาชำระจิตเก้าโคจร ที่เจียงหลิงได้รับเมื่อฟื้นฟูดวงวิญญาณของนางคืนกลับ ความทรงจำทั้งหมดก็กลับมาด้วย.
......
ในห้องโถง.
จุนซ่างเซียวเกือบหูดับ.
เพราะเสียงของพี่สาวเจียงเซี่ย ที่ดังก้องแหลมหวีดหวิว.
ตอนแรกโกวเซิ่งรู้สึกยินดีที่มีแฟนด้อมกับเขา ทว่าเสียงร้องเชียร์หวีดหวิวของนาง ตอนนี้เขาแทบแบกรับไม่ไหว.
ที่น่าเศร้าที่สุดคงจะเป็นเจียงเซี่ย.
เจอพี่สาวที่แยกจากกันมาหลายปีอย่างยากลำบาก ควรจะพูดคุยเรื่องในครอบครัว ทว่ากับกลายเป็นว่านางที่เอ่ยกล่าวเรื่องราวของเจ้านิกายไม่หยุดเลย.
“เสี่ยวเซี่ย เจ้านิกายจุนมีคนรักหรือยัง?”
“......”
“เสี่ยวเซี่ย เจ้านิกายจุนเขาชอบอะไร?”
“......”
“เสี่ยวเซี่ย เจ้านิกายจุน......”
“เจี่ยเจี่ย!”
เจียงเซี่ยถึงกับต้องกุมศีรษะ กล่าวออกมาพลางทอดถอนใจ “เจ้านิกายไม่เพียงมีคนรัก ยังมีภรรยาแล้ว ท่านตอนนี้อายุห้าสิบหกสิบแล้ว อย่าลืมตอนนี้ ไม่ใช่สาวน้อยอีกต่อไปแล้ว!”
บังเอิญ จุนซ่างเซียวที่ผ่านมา ได้ยินคำพูดดังกล่าวแทบล้มคะมำไปด้านหน้า.
ในโลกนี้คนทั่วไปมีอายุ 200 ปี 50-60 ปีก็ยังถือเป็นคนหนุ่มสาวอยู่ ทว่าในโลกเดิมของโกวเซิ่ง ได้กลายเป็นป้าหรือยายแล้ว.
......
“เหล่าเจียง.”
ในห้องหนังสือ จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าสามารถให้พี่สาวเจ้าอาศัยในเมืองไท่กู่ หรือว่ามาเป็นศิษย์นิกายดี?”
เจียงเซี่ยเอ่ย “เจ้านิกาย พี่สาวของข้ามีพรสวรรค์ธรรมดา...”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา.”
จุนซ่างเซียวที่เคาะนิ้วเอ่ยออกมาว่า“เปิ่นจั้วสามารถทำให้นางมีพรสวรรค์ระดับศักดิ์สิทธ์ได้เลยทันที.”
ต้องไม่ลืมว่าเจียงเซี่ยคืออาวุโสคนแรก สำหรับพี่สาวของเขา หากต้องการเข้าร่วมนิกาย การจะมอบน้ำยาพรสวรรค์ให้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด.
ด้วยแต้มที่มีจำกัด การมอบน้ำยาพรสวรรค์ให้นั้นย่อมต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป.
“เรื่องนี้....”
เจียงเซี่ยครุ่นคิดเล็กน้อย “ข้าขอกลับไปถามพี่สาวก่อน.”
เจียงหลิงหลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว นางก็ส่ายหน้า “เสี่ยวเซี่ย เจี่ยเจี่ยไม่ต้องการฝึกยุทธ์ ข้าอาศัยอยู่ที่เชิงเขาก็พอ.”
หลังจากรู้ว่าจุนซ่างเซียวมีภรรยาแล้ว นางก็กลับมาสงบและเริ่มคิดถึงชีวิตหลังจากนี้.
เจียงหลิงเองก็เหมือนกับเซี่ยเฉียวเอ๋อ นางที่เป็นคนธรรมดา พวกนางยินดีที่จะมีชีวิตธรรมดา ไม่ต้องการฝืนที่จะฝึกยุทธ์.
“เจี่ยเจี่ย.”
เจียงเซี่ยเอ่ย “ข้าเข้าใจ.”
......
วันถัดมา.
เจียงเซี่ยก็นำ เจียงหลิงออกจากนิกายนิรันดร มาอยู่เมืองไท่กู่ ซึ่งมาเป็นคนงานป้าหวัง รับผิดชอบดูแลโรงเตี้ยมของนาง.
เพราะว่านายน้อยถังนั้นได้มาสร้างร้านยาขึ้นที่นี้ ซึ่งเม็ดยาฟื้นฟูและอีกหลายเม็ดยามากมาย ทำให้แต่ละวันมีผู้คนมาเยือนไม่หยุด ดังนั้นธุรกิจโรงเตี้ยมของป้าหวังจึงกิจการรุ่งเรือง.
กล่าวได้ว่าโรงเตี้ยมป้าหวังนั้นเจริญเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าธุรกิจของนางนั้นใหญ่กว่าโรงเตี้ยมเมืองลี่หยาง เมืองฮูหยางและอีกหลายแห่งซะอีก.
“ป้าหวัง.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวล้อ “ธุรกิจของท่านใหญ่โตขึ้นทุกวันแล้ว.”
ป้าหวังที่ก้าวออกมาจากครัว พร้อมกับนำชามก๋วยเตี๋ยวไว้ด้านหน้า กล่าวอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นถึงประมุขนิกาย ทำไมถึงยังมากินดื่มที่นี่อีกเล่า.”
“ก็อร่อย.”
จุนซ่างเซียวยกตะเกียบ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ป้าหวัง ขอหอมซอยด้วย!”
โกวเซิ่งที่มายังโลกนี้ แม้นว่าจะไม่มีญาติพี่น้องทางสายโลหิต ทว่าก็ใกล้ชิดกับชาวบ้านหมู่บ้านชิงหยาง เหมือนกับญาติพี่น้อง ดังนั้นการมายังเมืองไท่กู่ย่อมได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น.
......
“พรึด โครม!”
ในห้องหนังสือ เจียงเซี่ยที่คุกเข่าลงบนพื้น “ขอบคุณเจ้านิกาย!”
“โครม ------”
วินาทีต่อมา หน้าต่างที่พังทลายคนลอยกระเด็นออกมา ลากบนพื้นหลายสิบจั้งจึงหยุด.
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่หน้าห้องหนังสือ เอ่ยออกมาเล็กน้อย “เข่าบุรุษมีค่าดั่งทอง อย่าได้คุกเข่าให้ใครง่าย ๆ เจ้าเป็นถึงอาวุโส ต่อไปจะดูแลรักษากฎศิษย์นิกายได้อย่างไร!”
“เข้า...เข้าใจแล้ว....”เจียงเซี่ยเอ่ย.
......
เจ้านิกายกลับมาย่อมต้องฉลอง ดังนั้นหลายวันมานี้ ภายในนิกายจึงเต็มไปด้วยความชื่นมื่น.
ที่ไม่เป็นสุขคงจะเป็นซ่างโหยวเหิน เพราะว่าเวลานี้เขาที่ยืนขาสั่นอยู่หน้าประตูฟุตบอล ต่อหน้าซูเซียวโม่ ลี่เฟยและเถียนซี เป็นฝ่ายตรงข้าม.
“ศิษย์น้อง.”
ซูเซียวโม่ที่เผยยิ้ม “รักษาประตูให้ดี นี่คือวัฒนธรรมของนิกายนิรันดร เจ้าค่อย ๆ เรียนรู้ไป ไม่ต้องรีบร้อน.”
“......”
ซ่างโหยวเหินที่แทบร้องไห้ออกมา.
หลายวันมานี้ เขาที่เป็นพยานการเล่นฟุตบอลของเหล่าศิษย์พี่..มันช่างโหดร้ายน่าหวาดกลัวนัก
“ตูมมมม!”
ซ่างโหยวเหินที่ครุ่นคิด ในเวลานั้นลูกฟุตบอลก็กระแทกมายังใบหน้าซะแล้ว ก่อนที่จะลอยโด่งออกไปกลิ้งไปอยู่ที่ใต้เท้าของลี่เฟย.
“ฟิ้ว!”
เขาที่ง้างเท้าเล็งมายังประตู.
“ฟู่ ฟู่!”
พลังวิญญาณที่สาดกระเซ็นไปทั่วส่องประกายแสงสีทอง.
“ไม่......”
“ตูมมม -------”
สายลมที่พัดโกรกราวกับพายุใหญ่ ประตูที่หายไปไม่เห็น.
ในเวลาต่อมา ในหอยา ก็ปรากฏคนป่วยใหม่ขึ้นอีกคน.
......
“เจ้านิกายจุน.”
ในห้องโถง อี้เฟยซิว ซิงอวิ๋นจื่อและอีกหลายคนที่นั่งอยู่ ท้ายที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว “เย่ซิงเฉินที่ท่านกล่าวถึง ตอนนี้อยู่ที่ใหนรึ?”