Chapter 1261 มหาปราชญ์
ร่างที่ใหญ่ที่ปรากฏแทนร่างจิตวิญญาณของจิตวิญญาณของปรมาจารย์กวน.
ในเวลานี้ร่างที่ใหญ่ยักษ์ ยืนอยู่ด้านหลังจุนซ่างเซียว ดวงตาปิดแน่น เสื้อคลุมสีแดงที่โบกสะบัดไปกับสายลม.
“ฟู่ ฟู่!”
พลังอำนาจที่ปะทุออกมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง ดินแดนลวงตาที่บิดเบี้ยว แม้แต่จุนซ่างเซียวและพยัคฆ์สามยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเล็กกระจิดริดนัก.
นี่คือตัวตนอันใดกัน?
ถึงแม้นว่าจะเพิ่งปรากฎ ถึงแม้นว่าจะหลับตาอยู่ ทว่ากลิ่นอายที่รุนแรงมหาศาลนั่น ราวกับเป็นสุดยอดผู้สูงส่ง!
ใช่แล้ว.
นี่คือตัวตนที่เกิดการศิลาเทวะ วานรผู้บ้าคลั่งที่กล้าท้าทายศาลสวรรค์!
หากหลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ เห็นจะต้องคุกเข่าคำนับอย่างแน่นอน เพราะว่าโกวเซิ่งได้เป่าหูมาเนิ่นนาน จนอีกฝ่ายเชื่อสนิทใจว่านี่คือบรรพชนผู้สร้างนิกายนิรันดร ผู้มอบสมบัติมากมายส่งต่อสืบทอดมา.
แม่ทัพหนึ่งและแม่ทัพสองที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
หลังจากร่างจิตวิญญาณปรากฏ ม่านพลังรอบ ๆ สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง แม้แต่ค่ายกลสะท้อนยังแทบจะพังลงในทันที!
“เป็นไปไม่ได้!”
แม่ทัพหนึ่งที่อุทานด้วยความตกใจ “เป็นไปไม่ได้!!”
ภาพสะท้อนที่เวลานี้กำลังสั่นไหว แทบคงสภาพไม่อยู่!
แม่ทัพสองที่ขมวดคิ้วแน่น.
แม้นพวกเขาจะไม่อยู่ในเขตแดนลวงตา ทว่าจากสภาพของค่ายกลสะท้อน ก็บ่งบอกได้ว่าจิตวิญญาณที่ปรากฏนั้นทรงพลังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
ความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้น ทั้งที่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ ไม่มีใครบอกได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเท่าไหร่ ทว่าความน่าเกรงขามนั้นสั่นคลอนจิตใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก.
......
ร่างจิตวิญญาณที่ปรากฏขึ้น ลอยอยู่เหนือจุนซ่างเซียว.
ร่างกายจิตวิญญาณที่ดูไร้เทียมทาน ราวกับว่าผู้ที่ดูแคลนทุกสรรพสิ่ง เห็นพวกเขาเป็นเพียงหมูหมากาไก่เท่านั้น โลหิตของจุนซ่างเซียวที่พลุ้งพล่านอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า“มหาปราชญ์!”
ราชาวานรที่เขาคลั่งไคล้วัยเด็ก โกวเซิ่งย่อมภาคภูมิใจและเคารพอย่างแน่นอน ต้องไม่ลืมว่านี่คือวีรบุรุษในโลกเดิมของเขา!
“ฟิ้ว!”
ฉีเทียนต้าเซิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังจุนซ่างเซียว ลืมตาขึ้นดวงตาสีแดงที่เปล่งรัศมีแสง เอ่ยออกมาว่า“เจ้าหนูเจ้าคิดที่จะใช้มีดฆ่าวัวสังหารลูกเจี๊ยบจริงรึ?”
“ฟู่ ฟู่!”
ระหว่างที่กล่าวนั้น เกิดพายุหมุนไปรอบ ๆ ร่างจิตวิญญาณ.
พยัคฆ์สามที่ถอยหลังไปสองสามก้าว แววตาเผยริ้วแสงหวาดผวาออกมา.
ร่างจิตวิญญาณนั่นเพียงแค่เอ่ยไม่กี่คำ ก็ทำให้เขาสั่นสะท้านแล้ว.
“นี่คือพลานุภาพความน่าเกรงขามสินะ.”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“เมื่อไหร่ที่ข้าจะไปถึงระดับนั้น!”
ระบบเอ่ย “ขอเพียงโฮสน์ใช้แต้มสนับสนุนอย่างไม่เสียดาย ย่อมต้องเหนือกว่ามหาปราชญ์วันหนึ่งแน่นอน!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่เหลือกตาขาวมองบน จากนั้นก็ถือดาบมังกรเขียวชี้ไปยังพยัคฆ์สาม “จัดการเขา.”
“เฮ้อ.”
จิตวิญญาณฉีเทียนต้าเซิ่งที่ถอนหายใจ กล่าวออกมาว่า“แม้ว่าข้าจะไม่ยอมรับเจ้า ทว่าในเมื่อเจ้าอัญเชิญข้ามา เช่นนั้น......”
ขณะส่ายศีรษะไปมา ยกมือขวาขึ้นแคะหู จากนั้นก็ริ้วแสงสีทองก็สว่างเจ้า กระบองทองสมใจนึกที่ปรากฏขึ้นช้า ๆ.
อาวุธที่ดูสง่างามน่าเกรงขามที่ส่องประกายวับวาว.
“ฟู่ ฟู่!”
กระบองทองสมใจนึก ที่แผ่อำนาจทำลายล้าง ทำให้พยัคฆ์สามใบหน้าเปลี่ยนสี ในเวลานั้นเขาที่คิดหนีทันที.
หนีรึ?
ไม่มีเวลาพอ.
เพราะว่าทันทีที่มหาปราชญ์นำอาวุธออกมา จุนซ่างเซียวก็ไปอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายแล้ว.
พร้อบตะโกนออกมาว่า คู่ต่อสู้อ่อนแอนัก.
กระบองทองสมใจนึกที่เคลื่อนที่ออกไปช้า ๆ แต่กับทรงพลังเต็มไปด้วยอำนาจสะกดข่ม จนพยัคฆ์สามยากจะขยับได้.
“แย่แล้ว!”
แม่ทัพหนึ่งที่ขมวดคิ้ว.
เพียงแค่มองก็บอกได้ถึงพลังของฝ่ายตรงข้ามแล้ว!
“อ๊ากกกก!”
พยัคฆ์สามที่กำหมัดแน่น พร้อมกับตะเบ็งเสียงดังกึกก้อง เสื้อผ้าที่ระเบิดแตกกระจายเผยกล้ามเนื้อที่อัดแน่น รูปร่างที่ยืดขยายที่หน้าอกมีลวดลายพยัคฆ์ส่องประกายแสงวับวาว.
“โฮกกกกก ----”
ภาพเงาของจิตวิญญาณพยัคฆ์ที่ปรากฏขึ้น กำลังคำรามด้วยความโกรธ แววตาของเขาที่กล้ายเป็นบ้าคลั่ง คำรามขู่ดังสนั่น.
แม่ทัพสามที่ใช้ไพ่ไม้ตายแล้ว.
ร่างกายของเขาที่มีเสียงพยัคฆ์คำรามเป็นระยะ ๆ....
กระบองทองสมใจนึกที่ยังไม่หยุด พุ่งเข้าหาร่างจิตวิญญาณพยัคฆ์ กระแทกเข้าที่หน้าผากของอีกฝ่าย.
“ตูมมมม!”
ร่างจิตวิญญาณพยัคฆ์ก็สลายหายไป.
กระบองทองสมใจนึกที่กดทับลงมา พยัคฆ์สามไม่มีเวลาแม้แต่กระอักโลหิต ศีรษะของอีกฝ่ายก็ถูกทุบ ดวงตาเหลือกค้างสลบลงกับที มุมปากที่มีโลหิตไหลยาว.
“หวอด!”
มหาปราชญ์ที่เก็บอาวุธพร้อมกับหาวยาว “แก่นพยัคฆ์นี่เอง.”
“......”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
แม่ทัพลาดตะเวนสะบั้นมิติขั้นกลาง ถูกราชาวานรตบครั้งเดียวสลบ ซ้ำยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดอีกด้วย.
......
หนึ่งแสนแต้มช่างคุ้มค่าจริง ๆ แม้แต่พยัคฆ์สามที่ใช้ไพ่ไม้ตายออกมา ยังไม่สามารถต้านได้ ต่อหน้าราชาวานรก็แค่เศษกระดาษ เกรงว่าจักรวาลเบื้องล่างคงไม่สามารถต่อกับได้แล้ว.
“เจ้าหนู.”
ร่างจิตวิญญาณมหาปราชญ์ที่ค่อย ๆ เลือนหายไป กล่าวออกมาว่า“หากไปเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้อีก อย่าเรียกข้า มันเสียเวลา.”
“ทราบแล้ว มหาปราชญ์!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวไปข้าง ๆ พยัคฆ์สามที่หมดสภาพแล้ว ส่ายหน้าไปมา “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะให้ข้าหนึ่งล้านไม่ใช่รึไง.”
แม่ทัพลาดตะเวน ไม่มีแหวนมิติอยู่ ทำให้จุนซ่างเซียวไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย.
“เจ้าติดหนี้ข้าแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“ไว้ข้าจะไปทวงหนี้ที่หลัง.”
“ฟิ้ว---”
ในเวลานั้นเขตแดนลวงตาก็สลายหายไป ร่างจุนซ่างเซียวที่ไปปรากฏในพื้นที่มืดมิดเช่นเดิม บนท้องฟ้าที่ป้ายอักขระเขียนไว้ว่า นรกชั้นที่เก้า ลอยอยู่.
พยัคฆ์สามที่หมดสติถูกเคลื่อนย้ายกลับตำหนักลาดตะเวน.
แม่ทัพหนึ่งและคนอื่น ๆ ที่ขมวดคิ้วแน่น แต่ละคนที่กลายเป็นเงียบงัน.
ก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องการถามจุนซ่างเซียวมากมายว่าจัดการราชาปิศาจต้าเห่ยอย่างไร ตอนนี้เข้าใจแล้ว.
“พี่ใหญ่!”
แม่ทัพสองเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้านั่นใช้ทักษะเทวะอย่างงั้นรึ? สามารถอันเชิญร่างจิตวิญญาณมาจัดการพยัคฆ์สามในทันที?”
แม่ทัพหนึ่งที่สีคางไปมา “ไม่รู้.”
“ดูนั่นเร็วเข้า.”
แม่ทัพสี่ที่ชี้ไปยังหน้าจอค่ายกลสะท้อน “เจ้านั่นกับนักโทษร้ายแรงพบกันแล้ว!”
แม่ทัพหนึ่งและแม่ทัพสองที่หันหน้าจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ต่อหน้าร่างที่ใหญ่ยักษ์.
ไม่ใช่เผ่ามนุษย์อย่างแน่นอน และไม่ใช่เผ่าสัตว์ เพราะมันไม่มีรูปร่าง มันมีดวงตาเดียวที่ใหญ่ยักษ์ ร่างกายที่แผ่กลิ่นอายที่ดำมืดออกมา มีโซ่หลายสิบเส้นที่ลงอักขระผนึกมันเอาไว้.
นักโทษร้ายแรงชั้นที่สาม บอสตัวสุดท้าย.
“รูปร่างอัปลักษณ์จริง ๆ!”จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาก่อน.
“ผายลม!”
ดวงตาที่ใหญ่ยักษ์พุ่งเข้ามา โซ่ที่รัดพันแน่นตรึง คำรามลั่น“บิดาถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในจักรวาลเบื้องล่างแล้ว!”
จุนซ่างเซียวที่เห็นดวงตาที่ใหญ่ยักษ์แต่กับมองไม่เห็นปากของอีกฝ่าย ดังนั้นถึงกับกุมศีรษะ “บางทีเจ้าคงเข้าใจผิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบอยู่สินะ.”