ตอนที่แล้วบทที่ 71 ภาพแห่งชีวิตในต้าหลี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 73 เรื่องพฤติกรรมเป็นหญ้าหมอ (ถูกหลอก)

บทที่ 72 วางมือประทานชีวิตอมตะ


เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ทำให้เหล่าขุนนางต้าหลี่ต่างเงียบกริบลง

โดยเฉพาะฮ่องเต้ต้าหลี่ที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าใคร

ต้องรู้ว่า ในสายตาของเหล่าเซียน พวกเขามนุษย์ธรรมดาก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก

มดปลวกที่กล้าเรียกร้องจะเจออะไรหรือ?

แสงเลือดสาดท่วมเมืองหลวงต้าหลี่เมื่อยี่สิบปีก่อนก็คือคำตอบที่ดีที่สุด

พวกเขาต่างก้มหน้าลงมองพื้น เหงื่อไหลราวกับฝน ใช้หางตาชำเลืองมองดูหลี่ฟาน

แต่เสียงนั้นกลับไม่กลัวตายราวกับย้ำขึ้นมาอีกครั้งว่า "ได้โปรดช่วยชีวิตน้องสาวของข้าด้วยเถิด ท่านเซียน!"

หลี่ฟานมองไปยังทิศทางต้นเสียง ก็พบว่าเป็นซูฉางหยูวัยสิบกว่าขวบนั่นเอง

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเพิ่งสติกลับมา รีบวิ่งเข้ามากดตัวนางให้คุกเข่าลง

"หยูเอ๋อร์ เจ้ากำลังหาเรื่องอะไรอยู่!" ชายวัยกลางคนร้อนรนคุกเข่าลงเช่นกัน กดศีรษะซูฉางหยูให้โขกพื้นต่อหน้าหลี่ฟาน

ขณะที่โขกหัวก็พูดว่า "เด็กเล็กไม่รู้เดียงสา ขอท่านเซียนโปรดอภัยให้ด้วย!"

หลี่ฟานเงียบไปครู่ใหญ่

ครั้งนี้เหล่าขุนนางต้าหลี่ต่างใจหายวาบ พากันคุกเข่าลงตามฮ่องเต้

เสี่ยวเฮิงก็โขกศีรษะเช่นกัน ทว่ากล่าวอย่างระมัดระวังว่า "ท่านเซียน โปรดช่วยน้องสาวของซูด้วยเถิด"

นานทีเดียว หลี่ฟานจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้น "ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นพาข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน คราวหน้าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก"

ทุกคนในที่นั้นต่างถอนหายใจโล่งอก

จริงๆ แล้วหลี่ฟานก็ตั้งใจจะไปดูน้องสาวป่วยหนักของซูฉางหยูอยู่แล้ว

แต่ไม่สามารถตอบตกลงได้ง่ายๆ ต่อหน้าเช่นนั้น

จึงได้แสดงท่าทีออกไปเสียก่อน

สักพักใหญ่ หลี่ฟานก็ได้เห็นซูเสี่ยวเหมยในห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง

อุณหภูมิในห้องใต้ดินต่ำมาก ขุนนางที่ตามเข้ามาหลายคนอดสั่นเทาไม่ได้

ทารกที่ดูเหมือนจะเพิ่งเกิดได้ไม่นานนอนนิ่งอยู่บนเตียงหยกเล็กๆ

ข้างเตียงหยกกองเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง

ดูเหมือนว่าร่างกายของทารกจะร้อนระอุเป็นพิเศษ จำเป็นต้องให้สาวใช้ข้างๆ คอยทุบน้ำแข็งให้แตกออกอย่างต่อเนื่อง แล้วนำไปประคบที่ตัวเพื่อลดอุณหภูมิ

เห็นฉากที่ผิดแผกแตกต่างเช่นนี้ หลี่ฟานก็หรี่ตาลง

เขาเดินเข้าไปใกล้ ปล่อยจิตสัมผัสกวาดผ่านตัวซูเสี่ยวเหมย ใบหน้าก็เครียดขึ้นมาในทันที

"พวกเจ้าถอยออกไปก่อน!"

เขาสั่งเสียงเย็น

เหล่าขุนนางจึงพากันออกจากห้องใต้ดินไป

ในห้องเหลือเพียงหลี่ฟานกับซูเสี่ยวเหมย

หลี่ฟานวางมือบนร่างอันร้อนระอุของซูเสี่ยวเหมย แยกเส้นปราณวิญญาณเล็กๆ ออกมา ส่งเข้าไปในร่างกายของนาง

หลังจากวนผ่านไปรอบหนึ่งแล้วกลับมา หลี่ฟานถึงได้แน่ใจ พร้อมเผยสีหน้าตกตะลึง

"ในร่างของซูเสี่ยวเหมยนี่ไม่มีหมอกพิษเซียนมนุษย์อยู่เลยหรือนี่?"

"แล้วนี่เป็นร่างกายแบบไหนกัน? เส้นปราณวิญญาณที่เพิ่งส่งเข้าไปในร่างนางนั่น แค่ไหลเวียนรอบหนึ่งกลับมา กลับแข็งแกร่งขึ้นได้?"

หลี่ฟานควบคุมเส้นปราณวิญญาณเส้นนั้น รวมตัวกันที่ปลายนิ้ว

คุณสมบัติแตกต่างจากปราณวิญญาณเดิมในร่างของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีความร้อนระอุติดมาด้วย

ทว่าไม่เหมือนกับความร้อนแรงจากเปลวไฟสีแดงที่หลี่ฟานเคยได้เห็นมาก่อน

ไม่ใช่ความร้อนจากเปลวไฟ แต่เป็น...

หลี่ฟานวิเคราะห์ก้อนปราณวิญญาณที่ปลายนิ้วอย่างละเอียด ผ่านไปนานทีเดียวกว่าจะได้ข้อสรุปคร่าวๆ

สีหน้าของเขาดูประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

"ความร้อนจากความโกรธแค้นหรือ?"

หลี่ฟานมองซูเสี่ยวเหมยที่ยังคงหลับใหล สีหน้าเผยความรู้สึกแปลกๆ ออกมา

"นี่จะใช่สิ่งที่เรียกว่าร่างเซียนแต่กำเนิด คนที่ฟ้าริษยาอิจฉาในตำนานหรือไม่นะ?"

สองชาติที่ก้าวเข้าสู่ยุทธภพ ทำให้หลี่ฟานไม่ใช่มือใหม่ที่ไม่รู้อะไรอีกต่อไป

เขายังพอรู้เรื่องสามัญทั่วไปของยุทธภพอยู่บ้าง

ก่อนอื่นเรื่องร่างเซียนแต่กำเนิด

ทุกคนต่างรู้กันว่า มนุษย์ในยุทภพตั้งแต่เกิดมาก็มีหมอกพิษเซียนมนุษย์อยู่ในร่างกายแล้ว หากอยากฝึกเซียนก็ต้องกำจัดหมอกพิษในร่างให้หมดสิ้น

แต่ถ้าสองผู้ฝึกเซียนร่วมหอลงโรง ก็มีโอกาสที่จะให้กำเนิดทายาทที่ไม่มีหมอกพิษเซียนมนุษย์ในร่างกาย

คนกลุ่มนี้ก็เรียกว่าร่างเซียนแต่กำเนิด

ร่างเซียนแต่กำเนิดมีความเข้ากันได้ดีกับคัมภีร์วิชาและเทคนิคเซียนต่างๆ เป็นพิเศษ

พรสวรรค์ในการฝึกเซียนก็สูงมากเช่นกัน

เมื่อผสานกันแล้ว ก็ทำให้ร่างเซียนแต่กำเนิดไม่เพียงฝึกฝนได้เร็วน่ากลัว

แต่เวลาใช้คัมภีร์วิชายังได้รับพลังเสริมตามธรรมชาติด้วย

ไม่มีทางเทียบเคียงกับผู้ฝึกเซียนทั่วไปได้เลย

ถือว่าเป็นลูกรักสวรรค์อย่างแท้จริง

หลายตำนานในทวีปอันไกลโพ้น ที่ว่ามีคนฝึกเซียนได้เพียงแค่สิบกว่าปีก็ก่อเกิดแก่นทองคำได้ ก็ล้วนเกิดจากร่างเซียนแต่กำเนิดเหล่านี้ทั้งนั้น

แล้วก็เรื่องคนที่ฟ้าริษยา

ในยุทธภพนั้นมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีพลังเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่กำเนิด

เช่นบางคนเกิดมาพร้อมกับดวงตาที่สาม สามารถมองทะลุความลวงได้

บางคนเกิดมาพร้อมกระดูกประหลาด มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด พลังชีวิตแทบไม่มีวันเสื่อมสิ้น

หรือบางคนเกิดมาพร้อมความสามารถในการควบคุมน้ำ ไฟ ฟ้าผ่า เป็นต้น

คนที่เกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติเช่นนี้ มักจะได้รับการริษยาจากสวรรค์อย่างหนักหนาสาหัส ตามแต่ระดับความแข็งแกร่งของพลังที่มี

นับตั้งแต่เกิดก็จะเผชิญเคราะห์กรรมอันยากลำบากติดตามมาด้วย

หากสามารถผ่านเคราะห์กรรมต่างๆ ไปได้ ก็จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังผจญภัย

แต่หากทนไม่ไหว ก็ย่อมตายไป พร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิด

นี่คือข้อจำกัดที่สวรรค์วางไว้สำหรับคนกลุ่มนี้ และเป็นบททดสอบด้วยเช่นกัน

ความเร็วในการฝึกฝนของคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติอาจจะไม่ได้เร็วมากนัก

แต่เวลาต่อกรกับผู้อื่น มักจะเป็นผู้ที่ไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกันเสมอ

แถมยังมีคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติแข็งแกร่งมากๆ ไม่น้อย ที่สามารถฆ่าผู้ฝึกเซียนระดับเดียวกันได้ง่ายราวกับฆ่าไก่ แม้แต่ข้ามไปหนึ่งขั้นใหญ่ก็ยังสู้ได้

คนพวกนี้ในยุทธภพต่างก็โด่งดังน่าเกรงขาม มีผลงานโดดเด่นเป็นที่เลื่องลือ

ทั้งสองกลุ่มนี้ต่างก็หายากยิ่ง มีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นแสนเลย

แล้วตอนนี้หลี่ฟานเห็นอะไร?

สองอย่างนี้ กลับมาปรากฎอยู่ในร่างทารกคนเดียวกัน!

ไม่มีหมอกพิษเซียนมนุษย์ในร่างเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นร่างเซียนแต่กำเนิด

แม้ไม่รู้ว่าทำไมร่างเซียนแต่กำเนิดที่ต้องให้กำเนิดจากการร่วมหอลงโรงของสองผู้ฝึกเซียนจึงจะได้ ถึงได้โผล่มาในโลกเล็กที่เต็มไปด้วยมนุษย์เช่นนี้

แต่หลี่ฟานมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิด

ส่วนพลังที่เผาไหม้ร่างของซูเสี่ยวเหมยอยู่ตลอดเวลานั้น ก็น่าจะเป็นพลังเหนือธรรมชาติของนาง

หลี่ฟานคาดเดาว่า ร่างกายของนางน่าจะสัมพันธ์กับอารมณ์โกรธแค้น

ยิ่งโกรธมากเท่าไร พลังของตัวเองก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น

จนกระทั่งความโกรธแค้นเผาทำลายตัวเองและศัตรูกลายเป็นเถ้าถ่าน

ส่วนสภาพร่างกายที่ร้อนแรงของซูเสี่ยวเหมยในตอนนี้ ก็น่าจะเกิดจากการที่พลังเหนือธรรมชาติเสียการควบคุม ไม่สามารถควบคุมความโกรธในใจได้อีกต่อไป

"ร่างเซียนแต่กำเนิด คนที่ฟ้าริษยา ไม่แปลกเลยที่เพิ่งเกิดก็ต้องเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้"

"ในสภาพที่ไฟโทสะเผาผลาญชีวิตในร่างตัวเองไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ต่อให้หลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำแข็งทั้งวัน ซูเสี่ยวเหมยก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดจนโตเป็นผู้ใหญ่แน่"

"ไม่แปลกเลย ที่ในชาติก่อนซูฉางหยูถึงได้ร้อนรนขนาดนั้น ถึงกับยอมให้ตัวเองกลายเป็นหนูทดลองของหมอกพิษเซียนมนุษย์ เพื่อที่จะได้กลายเป็นผู้ฝึกเซียนโดยเร็วที่สุด"

"ในสายตาของเขา การได้เป็นเซียนในตำนานอาจจะช่วยชีวิตน้องสาวได้ก็ได้"

"แต่น่าเสียดาย..."

หลี่ฟานมองซูเสี่ยวเหมย แล้วภูตเปลวไฟสีฟ้าในทะเลจิตก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอย่างกะทันหัน

"ถ้าไม่ได้เจอข้า ต่อให้เป็นผู้ฝึกขั้นแก่นทองคำมา ก็คงรักษาชีวิตนางไว้ไม่ได้แน่"

ร่างจางๆ สีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้าหลี่ฟาน

เขาเหมือนหมอกบางๆ ค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้ร่างกายเล็กๆ ของซูเสี่ยวเหมย

ยื่นมือไปแตะที่หัวของซูเสี่ยวเหมย

ความร้อนระอุบนร่างของทารกหายไปอย่างเชื่องช้า

คิ้วที่ขมวดแน่นคลายออก ซูเสี่ยวเหมยจุ๊ปากเบาๆ แล้วค่อยๆ พลิกตัว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด