ตอนที่แล้วตอนที่ 114 โต้กลับ, มุ่งเป้าไปที่ ตระกูลหาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 116 ความประหลาดใจของ เซี่ย เฉิงตง

ตอนที่ 115 ทุกคนกลับสู่เมืองม่อแล้ว


เมืองม่อ เมื่อเทียบกับเมืองชิงเต่าแล้ว

แม้ว่าอากาศจะไม่สดชื่นมากเท่า แต่ก็มีดีกว่าในเรื่องของความเจริญรุ่งเรือง

ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ปริมาณคนเดินเท้า หรือรูปลักษณ์ของเมือง

ดังนั้นเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง..

ซูเหวิน และคนอื่นๆ ได้กลับมาถึงเมืองม่อโดยการนั่งเครื่องบินจากชิงเต่า

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือการเปลี่ยนแปลงของจังหวะชีวิต

“อาาา~ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว แม้ว่าอากาศในเมืองม่อจะไม่ดีเท่าเมืองชิงเต่า แต่ความรู้สึกนี้มันเหมือนได้กลับมาบ้านเลย”

“นั่นน่ะสิ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าจะได้กลับไปมหาลัยในเร็วๆ นี้ ฉันเองก็มีความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน”

“ครั้งต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเมื่อไหร่อีก”

ซูเหวิน กับเพื่อนๆ ที่เพิ่งออกจากสนามบิน

มองดูฉากความเจริญรุ่งเรืองของเมืองม่อแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ซูเหวิน ยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า : “สัญญาว่าครั้งหน้าถ้ามีเวลาจะพาทุกคนไปเที่ยวสถานที่ที่ดีๆ อีก”

ด้วยคำพูดประโยคนี้ เพื่อนๆ ที่ได้ยินต่างพากันฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งทันที

จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันไปพลางขณะนั่งรถออกจากสนามบิน

จี้หยวี่, วัง ซิ่วซิ่ว, จูเหยี่ยน และคนอื่นๆ กลับไปที่มหาลัยก่อน

ส่วน ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา ต่างคนต่างนั่งรถกลับบ้าน

เมื่อกลับมาครั้งนี้ พวกเขาก็ได้นําผลิตภัณฑ์สินค้าในท้องถิ่นมามากมาย

แน่นอนว่าย่อมต้องเอาของกลับบ้านไปก่อน และถือโอกาสนี้กลับบ้านเพื่อไปรายงานความปลอดภัย หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้าคนในครอบครัวไปนานกว่าสิบวันแล้ว

สำหรับ ซูเหวิน ในเรื่องนี้เขาสบายหายห่วง

แต่สำหรับทาง เซี่ย ซินเหยา คงไม่หรอกมั้ง

เธออยู่ที่บ้าน ในทุกวันเธอเปรียบเสมือนหัวใจของพ่อกับแม่ที่จะถือเอาไว้ในมือก็กลัวตก จะอมไว้ในปากก็กลัวละลาย ดูแลเอาใจใส่เธอตั้งแต่เล็กจนโต เลี้ยงดูอยู่ในอ้อมแขนในทุกวัน

บวกกับความสวยของเธอ ตราบใดที่ เซี่ย ซินเหยา ออกไปเที่ยว พ่อแม่ของเธอก็จะเป็นห่วงมาก และมักจะจัดบอดี้การ์ดหลายคนแอบตามไปปกป้องเธออย่างลับๆ

ในครั้งนี้ก็เพราะมี ซูเหวิน อยู่ พวกเขาจึงรู้สึกโล่งใจ สบายใจได้

ทั้งนี้ เซี่ย ซินเหยา เองก็รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ดังนั้นทุกครั้งที่เธอกลับมาจากเที่ยว สิ่งแรกที่จะต้องทำคือกลับบ้านก่อน

เวลาผ่านไปเร็วมาก อีก 10 นาทีต่อมา

เซี่ย ซินเหยา ที่ขึ้นนั่งรถแท็กซี่ และได้มาถึงหน้าประตูใหญ่ของเขตคฤหาสน์บ้านของตัวเองแล้ว

จากนั้นเธอก็ส่งข้อความถึง ซูเหวิน เพื่อรายงานเขาว่าเธอมาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว

และไม่นานหลังจากที่เธอเพิ่งส่งข้อความเสร็จ อีกด้านหนึ่ง ซูเหวิน ก็ได้มาถึงเขตวิลล่า อ่าว ไห่หยุน แล้วเช่นกัน

หลังจากได้รับข้อความจาก เซี่ย ซินเหยา เขายิ้ม แล้วถือผลิตภัณฑ์สินค้าในท้องถิ่นถุงเล็กถุงใหญ่มากมายเดินกลับเข้าบ้าน

เพียงแต่เมื่อเขาเพิ่งมาถึงหน้าบ้านตัวเอง

ซูเหวิน ก็ตกใจเล็กน้อยกับฉากตรงหน้าเขา

เห็นเพียงหน้าลานจอดรถบ้านของตัวเอง มีรถหรูจอดอยู่แปดคันเต็มๆ

ไม่ว่าจะเป็น Aston Martin, Lamborghini, Koenigsegg, Mercedes-Maybach และอื่นๆ อีกมากมาย

คนที่ไม่รู้ ก็คงคิดว่าที่นี่จะเปิดเป็นร้านขายรถไปแล้ว!

ซูเหวิน ส่ายศีรษะ และแอบบ่นในใจอย่างลับๆ พลางเดินเข้าไปในวิลล่า

เมื่อเห็นลูกชายกลับมาแล้ว พ่อแม่ของ ซูเหวิน ก็ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา จึงเดินเข้าไปดึงลูกชายเข้ามาพูดคุย

ในขณะที่พูดคุยกันไปไม่กี่ประโยค แม่ของเขาก็เริ่มพูดกับ ซูเหวิน เกี่ยวกับเรื่องรถหรู

“พูดเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้ลูกจะมีเงินมากก็ไม่ควรจะใช้จ่ายไปแบบนี้”

“ลูกมีรถหรูหลายคันอยู่แล้ว ทำไมออกไปเที่ยวยังซื้อรถกลับมาเยอะแบบนี้ได้อีก แบบนี้มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้วนะลูก”

ปรากฏว่า.. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อรถหรูสี่คันที่ ซูเหวิน ซื้อมาจาก ชิงเต่า ถูกส่งมาถึงยังเมืองม่อ และมาถึงวิลล่าของ ตระกูลซู ในทันทีนั้น พ่อแม่ของ ซูเหวิน เกือบจะตกใจแทบหมดสติไปจริงๆ พวกเขาไม่คิดเลยว่าลูกชายจะซื้อมันกลับมาเยอะขนาดนี้

“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ มีเงินก็ต้องใช้ ใช้เงินไปแล้วเราก็ยังหาใหม่ได้อีก”

เมื่อเผชิญหน้ากับการบ่นของแม่ ซูเหวิน กลับยิ้มอย่างจนใจ

ในความเป็นจริงแม่ของเขาจะไปรู้ได้ไงว่ารถหรูเหล่านี้ที่เขามีอยู่ตอนนี้ ส่วนใหญ่เขาไม่ได้ซื้อเอง แต่เป็นระบบที่สั่งซื้อมา

ส่วนรถหรูบางคันแม้จะซื้อเองก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงแค่การทำภารกิจเท่านั้น

ดังนั้นสําหรับจุดนี้ เขาไม่สามารถฟังแม่ได้จริงๆ

ถ้าหากวันหนึ่งวันใดมีภารกิจให้ซื้อรถหรูอีก เขาคงไม่สามาถเพิกเฉยต่อรางวัลได้ ถูกไหม?

เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของลูกชายแล้ว อู๋เจวียน ก็แค่พูดเป็นเชิงตักเตือนเท่านั้น

ส่วนจะฟังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับลูกชายของเธอเองแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับแม่แล้ว พ่อของเขา ซู กว่างเซิง กลับไม่ได้คิดอะไรมากเลย เขามองไปที่ ซูเหวิน แล้วพูดว่า : “เออ.. ลูก รถของลูกพ่อขับได้ไหม?”

“ถ้าขับได้ก็อยากจะไปสอบใบขับขี่ พอหัดขับเป็นแล้ว ต่อไปอะไรๆ ก็จะได้สะดวกขึ้นไง”

พูดจบ ซู กว่างเซิง ก็ยังยิ้มออกจะเขินๆ อยู่เล็กน้อย

คนที่เคยชินกับการใช้ชีวิตที่ยากจนอย่างพวกเขา ต่อให้มาทุบตีพวกเขาจนตายพวกเขาก็แทบไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีชีวิตที่หรูหรา และมีรถหรูมากมายขนาดนี้ได้

ตอนนี้มันเป็นจริงเช่นนี้แล้ว ถ้าหากบอกว่าไม่อยากขับมัน นั่นมันคงเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามกับลูกชายของเขา

พอเขาพูดแบบนี้ แม่ก็พูดตามขึ้นมาทันที

“ยังไงก็ตาม ยังมีเรื่องของพ่อของลูกอีก”

“พอเห็นว่าลูกมีรถเยอะขนาดนี้ก็ตื่นเต้นมาก อยากจะขับรถของลูก แม่บอกไปว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะอยากไปเรียนขับรถอะไรนั้นอีก เขาก็ไม่ฟังอยากจะลองดูบ้าง”

ซูเหวิน พยักหน้า และเข้าใจความหมายของพวกเขา

พูดตามตรง เมื่อเขาได้ยินที่พ่อพูดเมื่อกี้

ปฏิกิริยาแรกของ ซูเหวิน ก็คล้ายๆ กับแม่ นั่นก็คือไม่อยากให้พ่อขับรถ

ไม่ใช่ว่ารถหรูของเขาไม่เต็มใจให้พ่อขับ

เขาเพียงแค่คิดว่าพ่อของเขาวัยขนาดนี้แล้ว มันดูจะเป็นอันตรายเกินไปที่จะขับรถ

แต่เมื่อคิดให้ดีๆ ตอนนี้พ่อก็จะอายุเพียง 50 ปีเท่านั้น

ประเทศนี้อนุญาตให้คนที่อายุไม่เกิน 70 ปีสามารถสอบใบขับขี่ และขับรถได้ แล้วเขาจะต้องกังวลอะไร?

ถ้าหากพูดถึงอายุแล้ว คนหนุ่มสาวขับรถแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุหรือ?

พอคิดอย่างนี้แล้ว ซูเหวิน ก็พูดว่า : “ผมคิดว่าความคิดของพ่อเป็นไปได้ พ่อตอนนี้อายุเพียง 50 ปีเอง การไปเรียนขับรถ แล้วสอบใบขับขี่มันก็ไม่ได้แย่อะไร”

“ขอแค่ขับรถปกติยึดถือนิสัยการขับขี่ที่ดีอย่างจริงจังก็พอแล้วครับ”

พอคําพูดนี้หลุดออกมา ซู กว่างเซิง ก็ตกตะลึงเล็กน้อย

ดูเหมือนเขาจะไม่คาดคิดว่าลูกชายจะเห็นด้วยจริงๆ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขในใจขึ้นมา : “ถ้าลูกพูดแบบนี้แล้ว งั้นพ่อก็จะไปเรียนมัน”

“อืม พ่อไปเรียนเถอะ”

“หลังจากเรียนจบพ่อก็เอารถ Mercedes-Benz เหล่านั้นไปลองขับก่อนได้เลยครับ รถเหล่านั้นมีราคาถูก และมันมีราคาเพียงคันละไม่กี่ล้าน เมื่อไปกระแทกหรือเกิดเป็นรอยอะไรขึ้นมาจะได้ไม่รู้สึกแย่ด้วย”

“พอชำนาญแล้ว พ่อก็ค่อยเอา Aston Martin, Lamborghini และคันอื่นๆ ออกไปขับได้ อยากขับคันไหนก็ได้ตามต้องการเลยครับ”

ซูเหวิน ยิ้มอย่างใจเย็น และพูดช้าๆ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้..

ไม่รู้ว่าคําพูดของเขา เกือบจะทําให้พ่อแม่ของเขาตกใจจนแทบหมดสติไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว

เยี่ยมจริงๆ.. รถราคาหลายล้านในสายตาของลูกชายของพวกเขากลายเป็นรถราคาถูกไป ตั้งแต่เมื่อไหร่?

และในขณะที่พ่อแม่ของ ซูเหวิน กำลังตกใจ ระบบก็ได้ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในใจ(หัว)ของ ซูเหวิน

“ติ๊ง!”

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจ เชิญ เซี่ย ซินเหยา ออกไปเที่ยวครั้งหนึ่งได้สำเร็จ”

“รางวัลภารกิจ: เรือยอร์ชสุดหรู ‘เฟิงฟานห้าว (风帆号)’ มูลค่า 260 ล้านหยวน”

“เรือยอร์ชอยู่ระหว่างการปรับแต่ง และจะมาถึงปากแม่น้ำของเมืองม่อในอีกสามวัน”

“เรือยอชท์ลำนี้มีความสูง 7.2 เมตร และยาวประมาณ 114 เมตร มีห้องพักหลายห้องที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการอาบแดด ปิ้งย่างบาร์บีคิว ชมภาพยนตร์ ฟิตเนส ว่ายน้ำ และอื่นๆ โฮสต์โปรดเลือกใช้อย่างเหมาะสม”

หลังจากพูดจบ ระบบก็หายไป

ทันใดนั้น ซูเหวิน ก็รู้สึกมีความสุขในทันที

ฮ่าฮ่า!

ได้เรือยอร์ชสุดหรูมาแบบฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินจะไม่ให้เขาปลื้มใจได้อย่างไร

และในขณะที่ ซูเหวิน กำลังตื่นเต้นอยู่นั้น

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้ามาจาก เซี่ย ซินเหยา คาดไม่ถึงว่าเธอจะโทรมาชวนเขาไปทานมื้อเย็นที่บ้านของเธอ

“ไปเถอะ ครอบครัวเซี่ยโทรมาชวนลูกไปทานข้าว งั้นก็รีบๆ ไปเร็วๆ เข้ายังจะมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้อีก?”

“ถูกถูกถูก อีกอย่าง เสี่ยวเหยา หญิงสาวคนนั้นดีจริงๆ และการที่คนอื่นโทรมาชวนนั้นก็ถือเป็นการเอาใจใส่ดีมาก ลูกเองจะไปทำให้คนอื่นผิดหวังไม่ได้นะ”

ทันทีที่ทราบข่าวว่าเป็น เซี่ย ซินเหยา โทรมาตาม ซูเหวิน ให้ไปทานข้าวเย็นที่บ้านตระกูลเซี่ย

พ่อแม่ของ ซูเหวิน อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้ามีความสุข พลางรีบพูดเร่งเร้า ซูเหวิน อย่างรวดเร็ว

โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ของ ซูเหวิน ที่แทบรอไม่ไหวที่จะขับไล่ ซูเหวิน ให้ออกจากบ้านไปทันที

“แม่ครับ นี่มันบ่ายสามกว่าเองนะจะให้ผมรีบไปไหน?”

ซูเหวิน มองไปที่แม่ของเขา และอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อไหลชุ่มเต็มใบหน้า

เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่า แม่.. พอได้ยินคำว่า เซี่ย ซินเหยา(夏欣瑶) แค่สามคำนี้ก็ดูมีท่าทางรีบร้อนเสียยิ่งกว่าเขาไปได้?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด