ตอการหวนคืนของอัศวินมังกรไร้พลัง นที่ 1 อัศวินมังกรไร้พลัง
ตอนที่ 1 อัศวินมังกรไร้พลัง
ณ สนามรบแห่งหนึ่ง
มนุษย์คนหนึ่งที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลกำลังมองสัตว์อสูรจำนวนมากด้านหน้า สัตว์อสูรมีหลายเผ่าพันธุ์ บ้างก็เหมือนสิงโตแต่ตัวใหญ่กว่าและมีขนที่แข็งกว่าเหล็ก บ้างก็เหมือนช้างแต่สามารถยืนสองข้าได้เหมือนกับมนุษย์ สัตว์อสูรพวกนี้คือกองทัพสัตว์อสูรที่บุกโจมตีเมืองของมนุษย์
ทุกๆ ปี มนุษย์จะได้ยินข่าวว่า มนุษย์เสียเมืองให้สัตว์อสูร หรือ มนุษย์เสียเมืองให้ปีศาจ และในตอนนี้เมืองอีกหนึ่งเมืองก็กำลังจะกลายเป็นเมืองของสัตว์อสูร
ชายที่กำลังยืนต่อหน้าสัตว์อสูรตอนนี้ก็คือ หยางตง เขาถูกส่งมาที่นี่เพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูร แต่ด้วยพลังที่แตกต่างกันมากมนุษย์เลยแพ้อย่างรวดเร็ว หยางตงพยายามหนีออกจากเมืองแล้วแต่เขาหนีไม่ได้ ตอนนี้บนฟ้ามีสัตว์อสูรบินได้จำนวนมาก บนพื้นดินก็มีสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นกัน หยางตงเลยเลือกต่อสู้
“อัศวินมังกรไร้บัลลังก์…เหอๆ”
หยางตงพูดคนเดียวเงียบๆ อาชีพของเขาก็คือ อัศวินมังกร แต่เพราะมังกรคือสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่แข็งแกร่งมาก เขาเลยทำสัญญากับมังกรไม่ได้ ถ้าไม่มีมังกรทำสัญญาด้วยอาชีพอัศวินมังกรของเขาก็เป็นอาชีพที่ทำอะไรแทบไม่ได้เลย ถ้าตอนนี้เขาทำสัญญากับมังกรเขาก็คงฆ่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าเขาง่ายๆ
“ถอยไป”
มีเสียงผู้ชายดังขึ้น
เมื่อเสียงดังขึ้น สัตว์อสูรจำนวนมากก็เปิดทางราวกับว่าเปิดทางให้หัวหน้าของพวกมัน
สัตว์อสูรรูปร่างเหมือนกับเสือแต่ตัวใหญ่กว่าเสือหลายเท่าปรากฎตัวต่อหน้าหยางตง และบนร่างกายของเสือตัวนั้นก็มีไฟกำลังไหม้อยู่เหมือนกับว่ามันอยู่ในกองไฟ
“จักรพรรดิเสือไฟ”
หยางตงจำได้ว่าสัตว์อสูรที่อยู่ด้านหน้ามีชื่อว่าอะไร การโจมตีเมืองครั้งนี้ผู้ที่เป็นผู้นำการโจมตีก็คือจักรพรรดิเสือไฟที่อยู่ด้านหน้าของเขา
“มีมนุษย์บอกข้าว่า เจ้ามีอาชีพอัศวินมังกรอาชีพของเจ้าสามารถทำสัญญากับมังกรได้ ตอนนี้ข้ามีไข่มังกรกาลเวลาถ้าเจ้ายอมเป็นทาสของข้า ข้าจะให้ไข่มังกรกาลเวลา”
จักรพรรดิเสือไฟพูดออกมา
“ไข่อยู่ที่ไหน ข้าอยากเห็นไข่ก่อน”
หยางตงพูด
จักรพรรดิเสือไฟไม่ตอบอะไร มันแค่หลับตาแล้วอากาศข้างๆ ตัวของมันก็ฉีกออกเป็นประตูมิติ และมีไข่สีดำลอยออกมาจากอากาศ
เมื่อเห็นไข่สีดำหัวใจของหยางตงก็เต้นแรง เลือดในร่างกายของเขาไหลเวียนในร่างกายอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขากำลังบอกว่า ทำสัญญากับไข่นั่นซะ
เมื่อรู้การตอบสนองร่างกายของตัวเอง หยางตงก็มั่นใจว่าเรื่องที่จักรพรรดิเสือไฟพูดออกมาคือเรื่องจริง นั่นคือไข่มังกรแน่นอน
ทว่า หยางตงยังไม่ได้ทำอะไรไข่มังกรกาลเวลาก็ส่องแสงสีขาวออกมา แสงที่มันส่องออกมาทำให้จักรพรรดิเสือไฟกระโดดออกห่างจากไข่ไปหลายร้อยเมตร
“มนุษย์!!! เจ้ากำลังทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้าไม่หยุดข้าจะฆ่าเจ้าแล้วทำลายไข่ซะ”
จักรพรรดิเสือไฟตะโกนดังลั่น มันไม่รู้ว่าตอนนี้มนุษย์กำลังอะไรกับไข่มังกรกาลเวลา มันรู้แค่ว่าตอนนี้รอบๆ ไข่มังกรกาลเวลากำลังมีพลังเวทย์จำนวนมากกระจายออกมา มากจนขนาดตัวมันที่มีระดับ 150 หวาดกลัว
หยางตงไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องตอบอะไรกับสถานการณ์นี้ ตอนนี้ตัวเขายังไม่รู้เลยว่าทำไมอยู่ๆ ไข่มังกรกาลเวลาถึงปล่อยพลังเวทย์ออกมา
“ข้าให้เวลาเจ้า 3 วินาที!!! หนึ่ง สอง สาม”
จักรพรรดิเสือไฟตะโกนอีกครั้ง แต่พอมันนับจนถึงเวลาแล้วหยางตงก็ไม่หยุดไข่มังกรกาลเวลา
มันไม่ทนแล้ว ถ้าไม่หยุดก็ตายซะ
จักรพรรดิเสือไฟใช้กรงเล็บของมันโจมตีไปทางหยางตงและไข่มังกรกาลเวลา ถึงมันจะกลัวไข่มังกรกาลเวลาก็เถอะแต่ไข่มันก็เป็นแค่ไข่ ทำอะไรมันไม่ได้
หยางตงต้องการหลบการโจมตี แต่ขาของเขาไม่ขยับเหมือนกับว่าตอนนี้ขาของเขาโดนอะไรบางอย่างดูดเอาไว้ ในระหว่างที่พยายามขยับขาของตัวเอง หยางตงก็สังเกตเห็นว่าบนพื้นดินมีวงเวทย์อะไรบ้างอย่าง หยางตงเคยเห็นพวกจอมเวทย์ใช้เวทย์หลายครั้งแต่เมื่อเอาวงเวทย์ของมนุษย์ที่มีอาชีพจอมเวทย์มาเทียบกับวงเวทย์ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ เหมือนกับว่าเอารูปของเด็กอนุบาลไปเทียบกับคนที่วาดรูปขายเป็นอาชีพ ความซับซ้อนของวงเวทย์แตกต่างกันมาก ความซับซ้อนของวงเวทย์ที่เขาเห็นอยู่มันซับซ้อนมากแค่มองเขาก็เวียนหัวแล้ว
ในระหว่างกำลังมองวงเวทย์ หยางตงก็รู้สึกว่ารอบตัวของเขาสว่างมากๆ ร่างกายของเขาหลับตาเองเพราะมีแสงที่สว่างมากปรากฎขึ้นรอบร่างกายของเขา
…
“นี่…. นี่มันอะไร???”
หยางตงมองภาพด้านหน้าด้วยสีหน้าสงสัย เขาจำได้ว่ามีแสงรอบร่างกายของเขา พอเขาลืมตาเขาก็เห็นว่ารอบๆ ร่างกายของเขาไม่มีสัตว์อสูร ไม่มีไข่มังกรกาลเวลา รอบๆ ตัวของเขาคือห้องนอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วห้องที่เขาอยู่ตอนนี้ก็คือห้องนอนของเขาตอนที่เขากำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย
“ไข่มังกรกาลเวลา… ย้อนเวลา….”
หยางตงเริ่มคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อครู่เขามองกระจกแล้วเห็นว่าร่างกายของเขากลายเป็นร่างกายของมนุษย์วัยรุ่นแล้วเขาก็สวมชุดนักเรียนอยู่ เพราะเห็นร่างกายของตัวเองเขาเลยคิดว่าตัวเองย้อนเวลา และเขาก็มั่นใจว่าการย้อนเวลาของเขาครั้งนี้ต้องเกี่ยวกับไข่มังกรกาลเวลาแน่นอน
เมื่อรู้ว่าตัวเองย้อนเวลา หยางตงก็เช็ควันและเวลาที่เขาอยู่ตอนนี้
“ใกล้ถึงวันปลุกพลังแล้ว”
หยางตงคิดเงียบๆ หลังจากดูวันเวลาแล้วเขาก็เห็นว่าอีกประมาณ 3 วัน ก็จะถึงวันปลุกพลังของเขา โรงเรียนมัธยมปลายทุกโรงเรียนจะปลุกพลังให้นักเรียนของตัวเองทุกคน ซึ่งคนที่ปลุกพลังก็คือคนที่มีอาชีพปลุกพลัง รัฐบาลกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์จะออกค่าปลุกพลังให้พวกนักเรียน
เมื่อปลุกพลังแล้วคนก็จะได้พลังแตกต่างกันออกไป และพลังที่แตกต่างกันออกไปก็ถูกเรียกว่า อาชีพ!
บางคนก็ได้อาชีพจอมเวทย์ บางคนก็ได้อาชีพนักรบ บางคนก็ได้อาชีพหมอ บางคนก็ได้อาชีพปลูกพืช มีอาชีพจำนวนมาก ใครโชคดีก็ได้อาชีพดีใครโชคไม่ดีก็ได้อาชีพไม่ดี ใครที่ได้อาชีพต่อสู้ก็จะมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่นๆ เพราะอาชีพต่อสู้คืออาชีพที่สำคัญที่สุด มนุษย์ต่อสู้กับสัตว์อสูรและปีศาจทุกวันอาชีพที่ต่อสู้ได้เลยสำคัญกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถ้าไม่มีอาชีพต่อสู้มนุษย์คงตายไปหมดแล้ว
หยางตงเคยผ่านการปลุกพลังแล้ว ตอนนั้นเขาได้อาชีพอัศวินมังกร อาชีพอัศวินมังกรของเขาคืออาชีพสายต่อสู้แต่ปัญหาก็คือเขาต้องทำสัญญากับมังกร ถ้าไม่มีมังกรทำสัญญาเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาเพราะไม่มีมังกรทำสัญญาเขาเลยถูกคนอื่นๆ เรียกว่า ‘อัศวินมังกรไร้พลัง’
มังกรคือสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก ว่ากันว่า ถ้าให้มนุษย์และมังกรระดับเท่ากันสู้กัน ต้องใช้มนุษย์ประมาณ 100 คน ถึงจะสามารถชนะมังกร 1 ตัว ได้ เพราะมังกรแข็งแกร่งมากหยางตงเลยไม่มีโอกาสทำสัญญากับมังกร เขาเลยถูกเรียกว่า ‘อัศวินมังกรไร้พลัง’
แต่ว่า! ครั้งนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ถ้าทำสัญญากับมังกรตัวใหญ่ไม่ได้ก็ทำสัญญากับไข่มังกรซะสิ แล้วเขาก็รู้ว่าไข่มังกรที่ไหนบ้าง
คิดได้ หยางตงก็เดินออกจากบ้านตรงไปที่บ้านลุง
เงินคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ ยุคสมัยนี้ทำอะไรก็ต้องใช้เงิน
…
บ้านลุงหยางตง
“ผมคิดว่าผมคงดูแลบริษัทที่พ่อกับแม่ผมสร้างไม่ได้ ผมต้องการขายหุ้นทั้งหมด”
หยางตงพูดกับลุงของเขาแบบตรงไปตรงมา พ่อแม่ของหยางตงตายไปตอนที่เขาเรียนอยู่มัธยมต้น เมืองที่พ่อและแม่ของเขาเดินทางไปคุยธุรกิจถูกปีศาจบุกโจมตี พ่อและแม่ของหยางตงก็ตายระหว่างกำลังหาทางหนีออกจากเมือง
ในตอนที่พ่อและแม่ของเขาตายเขายังเด็กอยู่ ลุงที่เป็นพี่ของพ่อเลยดูและบริษัทให้ พ่อแม่ของเขาเปิดบริษัทซื้อขายชิ้นส่วนสัตว์อสูร ขนาดบริษัทก็ขนาดกลางๆ ยอดขายปีละประมาณ 100 ล้านเหรียญทอง กำไรต่อปีประมาณ 10 ล้านเหรียญทอง
หยางเจิ้งมองหลานชายตัวเองด้วยแววตาสงสัย เขาเคยคุยเรื่องนี้กับหยางตงหลายครั้งแล้วแต่หยางตงก็บอกว่าไม่ขายตลอด เขาไม่คิดว่าอยู่ๆ หยางตงจะอยากขายหุ้นเองแบบนี้ แต่เป็นแบบนี้ก็ดี ถ้าเขาได้หุ้นที่หยางตงมีอยู่เขาก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของบริษัท เขารอเวลานี้นานแล้ว
“แกต้องการเงินเท่าไหร่”
หยางเจิ้งไม่พูดมาก เมื่อหลานอยากขายลุงก็จะซื้อ
“ลุงให้เท่าไหร่”
หยางตงถาม
“30 ล้านเหรียญทอง แต่ถ้าแกขายตึกที่อยู่ในเมืองด้วย ราคาหุ้นจะเพิ่มเป็น 40 ล้านเหรียญทอง และราคาตึก 10 ล้านเหรียญทอง รวมเป็น 50 ล้านเหรียญทอง แกจะเอาเงิน 50 ล้านเหรียญทอง ไปทำอะไรก็เรื่องของนาย”
หยางเจิ้งพูดราคา สิ่งที่เขาต้องการมี 2 อย่าง 1 หุ้นบริษัทที่หยางตงมี 2 ตึกกลางเมืองหลายตึก ราคาของตึกเพิ่มขึ้นทุกปีถ้าเขาซื้อตอนนี้แล้วรอสัก 5 ปี เขาก็จะได้กำไรมากมาย รวย! รวย!
“ตกลง”
หยางตงตอบแบบไม่ลังเล เขาไม่เสียใจอะไรเลยเพราะเขารู้ว่าอีกไม่นานรัฐบาลกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์จะออกกฎหมายควบคุมชิ้นส่วนสัตว์อสูร เมื่อกฎหมายนี้ถูกประกาศใช้ บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์อสูรก็ปิดตัวจำนวนมาก บริษัทที่เขาถือหุ้นอยู่ก็ปิดเช่นกัน
ส่วนเรื่องตึกใจกลางเมือง เรื่องนี้เขาไม่สนใจ ถ้าเขาทำสัญญากับมังกรอย่าว่าแต่ตึกเลยเมืองทั้งเมืองเขาก็สามารถซื้อได้
เขาจะสร้างเมืองขึ้นมาสักเมืองก็คงไม่ใช่เรื่องยาก รัฐบาลกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ยอมให้มนุษย์ที่แข็งแกร่งมีเมืองของตัวเอง รัฐบาลกลางออกกฎหมายแบบนี้มาก็เพราะต้องการให้เมืองของมนุษย์เพิ่มจำนวน คนที่แข็งแกร่งหลายคนเลยมีเมืองของตัวเอง ตระกูลที่แข็งแกร่งหลายตระกูลมีเมืองของตัวเอง และแน่นอนว่าใครอยากปกครองเมืองก็ต้องสร้างเมืองเองแล้วเสียภาษีตามข้อตกลง
“ต้องใช้เวลาเตรียมเงินประมาณ 3 วัน”
หยางเจิ้งพูด
“แย่เลยแบบนี้ ผมรีบใช้เงินมาก ผมต้องการเงินวันนี้เลยถ้าวันนี้ลุงไม่มีผมก็จะไปที่ธนาคารแล้วกู้เงิน แล้วทางธนาคารต้องขอของประกันเงินกู้แน่นอน ถ้าธนาคารขอผมคงต้องใช้หุ้นและตึกใจกลางเมือง”
หยางตงพูด
“รอไม่เกิน 3 ชั่วโมง เงินเข้าบัญชีแกแล้วเราจะทำสัญญาซื้อขายกัน”
หยางเจิ้งพูด
“ครับ”
หยางตงพยักหน้า
เจรจาซื้อขายจบหยางตงก็เดินออกจากบ้านหยางเจิ้ง ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ชาติก่อนความสัมพันของเขากับครอบครัวหยางเจิ้งไม่ดีมากๆ
เป้าหมายต่อไปของหยางตงก็คือ ร้านขายอาวุธ
เมื่อหยางตงเดินออกไปแล้วผู้ชายที่หน้าตาคล้ายๆ หยางตง อายุพอๆ กับหยางตง ก็เดินเข้าห้องที่หยางเจิ้งกำลังนั่งอยู่ ผู้ชายที่เดินเข้าห้องคนนี้ชื่อว่า หยางฟาน เขาคือลูกพี่ลูกน้องหยางตง ปีนี้เขาอายุ 18 เหมือนกับหยางตง ปีนี้คือปีที่เขาต้องปลุกพลังเช่นกัน
“พ่อ หยางตงคุยอะไรกับพ่อครับ”
หยางฟานถามหยางเจิ้ง
“เรื่องขายหุ้นบริษัทแล้วก็เรื่องขายตึกใจกลางเมือง”
หยางเจิ้งตอบ
“ห่ะ!?!?!?”
ใบหน้าของหยางฟานแสดงออกว่าเขากำลังสงสัย จากนั้นเขาก็ถามว่า
“มันจะเอาเงินไปทำอะไรครับ?”
“พ่อก็ไม่แน่ใจ พ่อคิดว่าเด็กนั่นมันคงคิดว่าตัวเองจะได้อาชีพนักสู้ดีๆ ก็เลยเตรียมตัวเอาไว้ มันคงเอาเงินไปซื้ออาวุธเตรียมเอาไว้ ซื้ออาวุธตอนนี้ราคาถูกกว่าตอนที่คนปลุกพลังปีนี้รู้ว่าตัวเองมีอาชีพอะไร”
หยางเจิ้งคาดเดา
รัฐบาลกลางจะปลุกพลังให้คนที่อายุครบ 18 ปี เป็นชุดๆ ในหนึ่งปีจะปลุกพลังหนึ่งครั้ง ตอนนี้คนที่อายุครบ 18 ปี ในปีนี้เลยยังไม่ซื้ออาวุธกัน เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองได้อาชีพอะไร อาวุธก็เลยยังราคาไม่แพงมาก ถ้าคนที่อายุครบ 18 ปี รู้ว่าตัวเองมีอาชีพอะไรแล้วต้องใช้อาวุธอะไร ร้านขายอาวุธก็จะเพิ่มราคาอาวุธที่ตัวเองมีอยู่ บางร้านเพิ่ม 2 เท่า 3 เท่า
ถ้าหยางตงซื้ออาวุธตอนนี้ ร้านขายอาวุธก็จะขายราคาไม่แพงมากเพราะคนที่อายุครบ 18 ปี ในปีนี้ยังไม่ซื้ออาวุธกัน หยางเจิ้งคิดว่าหยางตงคงอยากเสี่ยงดวงซื้ออาวุธตอนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีอาชีพอะไร
“ไม่ต้องสนใจเรื่องของหยางตง ตอนนี้แกสนใจแค่เรื่องตัวเองก็พอ ถ้าแกได้อาชีพต่อสู้พ่อจะคุยเรื่องแต่งงานของแกกับคนตระกูลซู ถ้าแกแต่งงานกับคนตระกูลซู อำนาจตระกูลของเราก็จะเพิ่มมากขึ้น”
หยางเจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับ!”
หยางฟานตอบ เขาไม่สนใจเรื่องอำนาจตระกูลเพิ่มขึ้นมากนัก ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจก็คือ ซูหลาน เธอคือผู้หญิงที่สวยมาก เขาอยากแต่งงานกับเธอเร็วๆ