Chapter 28: คืนนองเลือด
คำปราศรัยร้อนระอุของซาหลูข่ากระจายผ่านเครื่องขยายเสียงไปทั่วทั้งฐาน จนได้ยินไปถึงด้านนอก ฉินหรานซึ่งซ่อนอยู่ในเงามืดของเศษซากปรักหักพังด้านนอกฐานก็ได้ยินทุกอย่าง
"เลือกวิธีการที่ง่าย บิดเบือนความจริง!" เป็นความคิดเห็นของฉินหรานต่อพันตรีผู้นี้ ทีแรกเขานึกว่าการแสดงของซาหลูข่าบนเวทีเมื่อกี้นี้จัดขึ้นเพื่อเขา เพื่อนายพลเจินหนิงหรอกเหรอ?
ฉินหรานเห็นทหารสองสามคนหลบออกจากฐานเงียบ ๆ สถานะของคนกลุ่มนี้ก็ค่อนข้างชัดเจน เห็นได้ชัดเลยว่านายพลเจินหนิงวางสายลับแทรกซึมอยู่ในฐานของซาหลูข่ามากกว่าหนึ่งคนและตอนนี้ก็กำลังจะต้องเผชิญกับการลุกฮือของกองกำลังซาหลูข่า นี่คือสิ่งที่ฉินหรานต้องการอย่างแท้จริง เขาต้องการให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเองเพื่อเขาจะได้มีโอกาสจัดการกับทั้งคู่ได้ในคราวเดียวกัน
เสียงเครื่องยนต์ของรถถังภายในฐานดังราวฟ้าฝ่า ทหารมากมายทยอยขึ้นรถบรรทุกทหาร เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังรัวเหมือนลั่นกลองศึกพร้อมที่จะทำสงคราม ทหารของซาหลูข่าเริ่มเคลื่อนขบวน รถถังและรถบรรทุกทยอยออกไปคันแล้วคันเล่า ไม่ช้าก็เหลือทหารไว้ปกป้องฐานเพียงสามกลุ่ม ฉินหรานมองไปที่ฐานที่มั่นที่แทบจะร้างด้วยสายตาเสียดาย ถ้าไม่เพราะมีงานที่สำคัญกว่าอยู่ในมือเขาคงไม่ปล่อยผ่านโอกาสปล้นค่ายไปแบบนี้
ยังไงซะ ค่ายทหารย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้ ไม่เพียงแค่อาหารและของใช้ ยังรวมถึงยุทธภัณฑ์ อาวุธมากมายและเสื้อเกราะ ฉินหรานแทบจะอดใจไว้ไม่ไหวเพียงแค่คิดถึงของพวกนั้น แต่ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทเห็นเรื่องเล็กน้อยสำคัญกว่าเรื่องใหญ่ แม้ว่าเขาอาจจะต้องเสียใจในภายหลังเหมือนกับที่เขาต้องทิ้งปืนกลมือไว้ในซากปรักหักพังเบื้องหลัง ปืนกลมือกับกล่องกระสุนนั่นหนักเกินไปสำหรับเขา แม้ว่าค่าสถานะ [พลังโจมตี] และ [กำลังกาย] ของเขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ แต่เขาก็ยังไม่สามารถแบกอาวุธเพิ่มได้นอกเหนือไปจากปืนสไนเปอร์ไรเฟิลและของในช่องเก็บของของตัวเองนอกเสียจากว่าเขาจะไม่ต้องวิ่งหรือเผ่นหนีอะไรแล้ว ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้
เขาหายใจลึกแล้วเริ่มวิ่งเข้าไปในเงาของซากตึก กองกำลังของซาหลูข่าเกือบลับสายตาไปแล้ว ตอนนี้ยากที่จะตามทัน แต่โชคดี ฉินหรานรู้ว่าพวกเขามุ่งหน้าไปที่ไหน ต้องขอบคุณคอลลีนสำหรับเรื่องนี้ ฉินหรานรู้ตำแหน่งที่ตั้งฐานที่มั่นกองกำลังกบฏทั้งหมด
นอกไปจากฐานที่มั่นของซาหลูข่าและฐานที่มั่นที่กองกำลังของมันกำลังมุ่งไปหา ในเมืองยังมีฐานที่มั่นอีกสองแห่งซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มกบฏ อยู่ทางใต้และตะวันตกของเมืองตามลำดับ กองกำลังของซาหลูข่ามุ่งตรงไปที่ฐานที่มั่นใจกลางเมืองซึ่งเป็นฐานที่มั่นของนายพลเจินหนิง: ไทมส์สแควร์
ฐานที่มั่นทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนักและมันใกล้มากขึ้นอีกหากใช้ทางลัด ฉินหรานลัดเลาะไปตามซากปรักหักพังจึงไปถึงไทมส์สแควร์ก่อนกองกำลังของซาหลูข่า เขาไปถึงก่อนและเริ่มมองหาจุดซุ่มยิงสูง ๆ เมื่อเขาพบจุดที่ต้องการก็พบว่ามีบางคนจับจองจุดนั้นอยู่ก่อนแล้ว คนผู้นั้นกำลังหลบอยู่ในเงามืดในมือถือปืนสไนเปอร์ไรเฟิลเล็งไปที่ถนนในขณะที่มองลงไปที่ไทมส์สแควร์
ฉินหรานจู่ ๆ ก็เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ถ้าเขาไม่ได้ใช้ทางลัดที่อยู่ในมุมอับสายตาของคนผู้นี้ฉินหรานคงโผล่เข้าไปในรัศมีการยิงของเขาแล้ว แม้ว่าเป้าหมายของคนผู้นี้จะเป็นซาหลูข่า แต่ฉินหรานก็แน่ใจไม่ได้เลยว่าเขาจะไม่จัดการกับใครคนอื่นที่เข้ามาขวางทาง
ถ้าจุดซุ่มยิงนี้ถูกสไนเปอร์จับจองไปแล้ว แล้วจุดอื่น ๆ ล่ะ?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของฉินหราน เขารีบหดตัวหลบเข้าไปในเงาและมองดูรอบตัวอย่างละเอียด เขาพบสไนเปอร์อย่างน้อยสี่คนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว เมื่อพบเช่นนี้ เขารู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีเลยที่ตนเรียกใช้สถานะ [อำพราง] ตั้งแต่ก่อนเข้ามาในไทมส์สแควร์ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงถูกยิงพรุนไปแล้ว
"ไทมส์สแควร์เหรอ? เรียกว่าสไนเปอร์สแควร์เลยดีกว่า!" ฉินหรานคิด เขามองไปที่เหล่าสไนเปอร์และไม่ลงมือวู่วาม
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าสามารถจัดการกับสไนเปอร์ที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะไม่ตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นที่เหลือ เอาไว้ให้สไนเปอร์คนอื่น ๆ ถูกดึงความสนใจไปให้หมดก่อนเขาค่อยเคลื่อนไหวดีกว่า เขาคงไม่ต้องรอโอกาสนั้นนานนัก ฉินหรานรู้ดีว่าใครคือคนที่สไนเปอร์เหล่านี้รออยู่ ก็คือพันตรีซาหลูข่า เห็นได้ชัดเจนว่านายพลเจินหนิงรู้ข่าวการก่อกบฏของซาหลูข่าล่วงหน้าและวางกับดักรอ
เสียงเครื่องยนต์ของพาหนะจากที่ไกล ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ รถบรรทุกเริ่มปรากฏให้เห็นในสายตาแล้ว สไนเปอร์ปรับท่าทางของตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมการลอบสังหาร ก่อนที่มันจะเข้าประจำตำแหน่งก็มีมือแกร่งตะปบปิดปากและลากมันถอยหลัง ลำคอเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมากะทันหัน ฉินหรานปล่อยร่างในมือลงและตรวจดูปืนสไนเปอร์ของผู้ชายที่ตายแล้ว มันคือ [Viper-M1] เหมือนของเขาแต่ไม่มีค่าสถานะพิเศษสองอย่าง เขาจึงไม่สนใจที่จะเก็บมันไว้ เขาดึงปืนของตัวเองออกมาแล้วเล็งไปด้านล่างและยังคงระมัดระวังรอบตัวรอบตัวอยู่ตลอด เขาไม่แน่ใจว่าพันตรีซาหลูข่าจะส่งคนของตัวเองออกมาจับจองพื้นที่สูง ๆ ไว้หรือไม่ แต่ฉินหรานก็ไม่ต้องการเดินตามรอยเท้าของคนที่ครอบครองจุดนี้อยู่ก่อน
...
"ท่านครับ ซาหลูข่ามาแล้ว!" เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้ามองไปด้านนอกมองเห็นรถบรรทุกเข้ามาในไทมส์สแควร์ เขาหันกลับมารายงานแก่บุคคลที่สองในห้อง
ท่าทีเคารพนบนอบของเขาต่อชายอีกคนบอกว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ดาวบนบ่าของผู้ชายคนนั้นบ่งบอกยศของเขา เขาเป็นหนึ่งในนายพลของกองกำลังกบฏ นายพลเจินหนิง นายพลผู้นี้ดูอายุน้อยกว่าที่ทุกคนคาดไว้ ผมที่ถูกหวีไปด้านหลังอย่างเรียบร้อยของเขายังเป็นสีดำมีสีเทาแซมอยู่เพียงแค่สองสามเส้น ใบหน้าค่อนข้างกลม แก้มเป็นสีแดง และเปล่งประกายสดใส เขามีดวงตาสีน้ำตาลคมกริบที่ดูน่ากลัว และเขายังมีรอยแผลเป็นราวกับตะขาบบนหน้าผาก คนอื่น ๆ มักจะเบือนสายตาหลบโดยไม่รู้ตัวเมื่อมองหน้าเขา เจินหนิงยิ่งดูน่ากลัวเมื่อเขาโกรธ
"มันรอไม่ไหวแล้วสินะ หืม?" เจินหนิงหัวเราะเสียงเย็น กลิ่นอายยิ่งยศกับสายตาคมของเขาทำให้เจ้าหน้าที่ตัวแข็ง หลังจากเจินหนิงได้รับรายงานจากสายลับเขาก็คิดทันทีว่าซาหลูข่าวางแผนจะเก็บอัญมณีทั้งหมดไว้กับตัวเองและจากนั้นจะกล่าวหาว่าเขาขโมยมันมา แม้ว่าเจินหนิงก็ไม่ได้คิดจะแบ่งอัญมณีพวกนั้นกับซาหลูข่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเขาจะให้อภัยกับการทรยศของซาหลูข่า
"การเตรียมการไปถึงไหนแล้ว?" เจินหนิงหันกลับมามองไปที่เจ้าหน้าที่ของตน
"ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ซาหลูข่าจะต้องพ่ายแพ้แน่!" เจ้าหน้าที่ตอบ
เจินหนิงดูพึงพอใจกับคำตอบ เขาค่อย ๆ หยิบกล่องใบหนึ่งที่มีการตกแต่งอย่างปราณีตออกมาและหยิบซิการ์ออกมาหนึ่งมวน เจ้าหน้าที่รีบขยับเข้ามาพร้อมมีดตัดซิการ์ เขาตัดปลายซิการ์และจุดไฟให้ ก่อนจะยื่นให้เจินหนิง
"ฉันชอบรัมป์หมายเลขสามนี่ กลิ่นอบเชยกับหนังทำให้ฉันคิดถึงกลิ่นไหม้ของซากศพที่ถูกบดขยี้ด้วยระเบิด" เจินหนิงคาบซิการ์ไว้ที่ริมฝีปาก สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะปล่อยควันหนาออกมา ควันที่ออกมาอำพรางดวงตาคมกริบของเขาและสีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัวของเขา "แกรู้ไหมว่าทำไม?" เจินหนิงเบนสายตากลับมาที่เจ้าหน้าที่ของตนอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นตัวสั่นไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร แต่ว่าเจินหนิงเองก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เขาสูบซิการ์ของเขาอีกครั้งและพูด "เพราะว่าการยืนอยู่ตรงหน้าศพคนอื่นบอกฉันว่า ฉันคือผู้ชนะ!"
เจินหนิงลุกขึ้นยืน เมื่อเขาอายุมากขึ้น ร่างกายที่แข็งแกร่งบึกบึนของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ้วนฉุแต่รัศมีอำนาจกลับแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อก้าวเดินออกมาเขาก็ดูเหมือนสิงโตที่กำลังสำรวจอาณาเขตของตัวเอง
ตรงกันข้ามกับซาหลูข่าที่ดูอ่อนแอกว่าที่เคย เมื่อรถบรรทุกทหารเข้ามาถึงไทมส์สแควร์แล้วเขาก็ไม่คิดหันหลังกลับ เขาเชิดหน้าขึ้นและนำกองกำลังมุ่งตรงมา เจินหนิงยกมือขึ้น ให้สัญญาณทหารใต้บังคับบัญชาเตรียมยิงและให้มือลอบยิงเตรียมพร้อม เมื่อเดินมาได้อีกราว ๆ 5 ก้าว ซาหลูข่าหยุดเท้าและตะโกนมาที่เจินหนิง
"นายพลเจินหนิง! พวกเรามาทวงความยุติธรรม!"
"ความยุติธรรม?" เจินหนิงดึงซิการ์ออกจากริมฝีปาก มองลงไปที่ซาหลูข่าและกองทหารด้านหลังด้วยสายตาคม
ซาหลูข่าคิดว่าการยกพลมาข่มขู่เขานั้นฉลาดแล้วงั้นเหรอ? ถ้าทหารกองนี้คิดว่าพวกมันจะเปลี่ยนการตัดสินใจของเขาได้ด้วยจำนวนคนก็ใสซื่อเกินไปแล้ว เจินหนิงหัวเราะเสียงเย็น เขาอยากให้ซาหลูข่าและทหารของมันเห็นสถานการณ์ชัดเจน
"แกคิดว่า..."
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นขัดคำของเจินหนิงและระเบิดศีรษะของเขา... มันสมองและเลือดกระเด็นใส่ซาหลูข่า
เกิดอะไรขึ้น? ซาหลูข่ายังไม่ได้สั่งให้ยิง เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจและสงสัย
ปัง! เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งถัดจากนัดแรกไม่ถึงวินาที ชะตากรรมของซาหลูข่าก็ไม่ต่างไปจากเจินหนิง ร่างไร้หัวของเขาล้มลงบนพื้น กองกำลังของทั้งสองฝ่ายนิ่งงัน ทั่วทั้งไทมส์สแควร์เงียบอย่างน่ากระอักกระอ่วน
ความเงียบงันนั้นสิ้นสุดในสองวินาทีถัดมา
"แก้แค้นให้ท่านนายพัน!"
"แก้แค้นให้ท่านนายพล!"
ทั้งสองฝ่ายต่างสันนิษฐานว่าอีกฝ่ายเป็นคนปลิดชีพเจ้านายของตน พวกมันสองฝ่ายตะโกนใส่กันอย่างพร้อมเพรียง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ในวินาทีถัดมา เสียงปืนและเสียงระเบิดก็ดังขึ้นทำลายความเงียบยามค่ำคืน ไฟสงครามกลืนกินไทมส์สแควร์ไปในพริบตา
.
.
.
.