Chapter 1259 ถูกขวางไว้โดยแม่ทัพสาม
ขณะจุนซ่างเซียวกำราบอี้เฟยซิวด้วยวิถีกระบี่ เวลานี้เหลืออีกเพียงแค่ชั้นเดียวเท่านั้น.
ขณะที่มองย้อนกลับไป ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิในตัวเองเป็นอย่างมาก.
“......”
ระบบที่พูดไม่ออก “คิดว่าตัวเองเจ๋งมากเลยสินะ!”
อี้เฟยซิวที่พ่ายแพ้แล้ว จุนซ่างเซียวไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายส่งต้นกำเนิดวิญญาณมา เพราะเขารู้ดี ว่ายอดฝีมือวิถีกระบี่ที่แท้จริง ย่อมไม่ยินยอมให้ใครเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองได้.
หากฉินหลินหรานและคนอื่น ๆ ได้ยิน เกรงว่าคงต้องร้องไห้จนสลบไปแน่.
แล้วศักดิ์ศรีของพวกเราล่ะ เหยียบย่ำได้รึ?
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองเหล่านักโทษ พลางเอ่ยออกมาว่า“มีใครมาจากทวีปชิงหยุนหรือไม่?”
ในเวลานั้นมีบุรุษสามคนที่ซอมซ่อท่ามกลางฝูงชน เป็นราชันย์ที่น่าสงสารเป็นอย่างมาก.
เป็นดั่งที่ทุกคนคาด พวกเขาก็คือราชันย์จ้าว ราชันย์เฉียนและราชันย์ซุน.
!
สภาพของพวกเขานั้นหมดสภาพอย่างสิ้นเชิง.
อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายคือคนบ้านเดียวกัน รับรู้ว่าจุนซ่างเซียวมาช่วยพวกเขา ทันใดนั้นถึงกับอดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้เลย.
ราชันย์เก้าคนที่ถูกจับมาขัง แม้นว่าจะดูน่าสงสาร แม้นว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ทว่าด้วยเป็นห่วงภารกิจมหากาพย์ ดังนั้นจุนซ่างเซียวย่อมให้ความสำคัญ.
เพราะว่าเขาจะต้องได้รับการยอมรับการคนทั้งเก้าภารกิจถึงจะสำเร็จนั่นเอง.
“ทั้งสาม.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างจริงจัง “ไว้ข้าเอาชนะนักโทษร้ายแรงชั้นสุดท้าย ข้าจะมาช่วยท่าน.”
เพราะว่ามีค่ายกลสะท้อนที่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเอ่ยอย่างลับ ๆ แสดงออกเพียงแค่ทักทายเท่านั้น.
“เจ้านิกายจุน.”
ราชันย์เฉียนเอ่ย “นักโทษร้ายแรงชั้นสุดท้ายนั้นคือปิศาจที่น่าพรั่นพรึง ไม่ควรที่จะไปท้าทาย!”
“ปิศาจรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หรือว่าเป็นอสุรกายรึ?”
ราชันย์ซุนที่เผยแววตาหวาดผวา “ในยุคโบราณย้อนกลับไปอย่างน้อย 50,000 ปี มีสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายอมหิต ในอดีตแม่ทัพลาดตะเวนทั้งสิบสองคนร่วมมือกันถึงจะสามารถกำราบได้.”
“หืม?”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจเช่นกัน.
ซ่างโหยวเหินได้ยินว่าแม่ทัพลาดตะเวนนั้นมีความแข็งแกร่งสะบั้นมิติขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ ถูกส่งออกไปทั้งหมด ดูเหมือนว่านักโทษร้ายกาจชั้นที่เก้าจะร้ายกาจมาก!
“จะลงไปดีใหม?”จุนซ่างเซียวที่สั่นไหว.
เขามียันต์จักรวาลอยู่ และยังมีชุดอุปกรณ์มหาปราชญ์ ไม่ต้องเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ปัญหาที่มีตอนนี้หากต่อสู้จริงเขาจะต้องใช้ไพ่ไม้ตายแน่ ว่าแต่มันจำเป็นอย่างงั้นรึ?
ระบบเอ่ย “ภารกิจมหากาพย์คือช่วยเก้าราชันย์ ตอนนี้ครบแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องลงไปสู้ ดังนั้นตอนนี้หาทางหนีดีกว่า กลับไปยังทวีปชิงหยุนก่อน.”
“ติ๊ง! ภารกิจสนับสนุนเปิด!”
“เอาแล้วไง?”
จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซนอ่านรายระเอียด ทันใดนั้นเขาที่คำรามลั่น“เจ้านี่มันปากนมพิษจริง ๆ!”
“......”
ระบบแทบทรุด.
ใครจะคิดเพียงแค่เอ่ยว่าไม่ให้ลงไปเท่านั้น.
ภารกิจสนับสนุน ลงไปยังชั้นสุดท้ายเพื่อเอาชนะนักโทษร้ายแรง【ภารกิจโคตรยาก】.
จุนซ่างเซียวที่มาถึงชั้นที่แปดแล้ว กำลังคิดจะยอมแพ้ไม่ลงไปต่อ ทันใดนั้นระบบกับเปิดภารกิจสนับสนุนให้ลงไปสู้ เป็นอะไรที่น่ารังเกียจนัก.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ภารกิจโคตรยาก เกรงว่าคงไม่ง่ายแน่.”
หากเป็นภารกิจที่ได้คะแนน 20,000 แต้มเหมือนเมื่อครู่นี้ เขาจะต้องยอมแพ้แน่ บุรุษที่แท้จริง สามารถยืดได้หดได้!
ในเวลานี้.
ดูเหมือนว่ามีแต่ต้องแข็งขืนฝ่ามันไปเท่านั้น.
“กึก!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวไปด้านหน้า.
“เจ้านิกายจุน....”
สามราชันย์ที่เห็นอีกฝ่ายมุ่งตรงไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย ใบหน้าเผยท่าทางเอ๋อเหรอออกมา.
อี้เฟยซิวที่นั่งสมาธิอยู่ที่แท่นศิลาขนาดใหญ่ เงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ผู้ยอดเยี่ยมต้องการลงไปชั้นล่างสุดอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย.
อี้เฟยซิวที่ได้แต่ยกนิ้วโป้งให้“ลูกผู้ชายตัวจริง!”
เขารู้ว่าด้านล่างนั้นมีอสุรกายที่น่าพรั่นพรึงขังอยู่ เขาที่คิดที่จะไปท้าทายเช่นกัน ทว่าท้ายที่สุดก็ล้มเลิกความคิด เพราะว่าไม่มีความมั่นใจนั่นเอง.
“กึก!”
ภายใต้สายตาของผู้คน จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าไปในค่ายกลและหายไปในทันที.
“เขาลงไปแล้ว!”
“เขาลงไปแล้วจริง ๆ!”
“นักโทษร้ายแรงชั้นล่างสุดนั้น คืออสุรกายจากยุคโบราณ!”
“เจ้านั่นจบแล้ว.”
นักโทษร้ายแรงชั้นที่เก้านั้น ร้ายกาจเป็นอย่างมาก แม้แต่เป็นตำนานที่ใกล้จะก้าวเข้าสู่ระดับสะบั้นมิติระดับสูงแล้ว.
“เจ้านิกายจุน.”
ราชันย์เจ้า เฉียนและซุนได้แต่ภาวนาในใจ “หวังว่าจะมีชีวิตรอด!”
......
ตำหนักลาดตะเวน.
ขณะที่จุนซ่างเซียวก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย แม่ทัพหนึ่งที่ขมวดคิ้ว“เจ้านั่นใจกล้าจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าท้ายทายเจ้าอสุรกายที่พวกเราทั้งหมดร่วมมือกันกำราบ.”
“เกรงว่าจะแส่หาความตายเท่านั้น.”แม่ทัพสองเอ่ย.
แม่ทัพหนึ่งครุ่นคิดเล็กน้อย พลางส่งวิชาลับออกไป “เหล่าซาน ขวางกั้นเขาเอาไว้.”
อี้เฟยซิวแพ้ต่อจุนซ่างเซียว พวกเขาเข้าใจได้ นี่ไม่ใช่เพราะว่าโกวเซิ่งนั้นแข็งแกร่ง หลัก ๆ พวกเขาต่อสู้กันด้วยวิถีกระบี่ ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้.
ดังนั้น.
หากต่อสู้กันจริง.
เจ้านั่นก็ยากจะเอาชนะแม่ทัพสามได้.
“รับทราบ.”
......
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้นภาพฉากที่เปลี่ยนไป จุนซ่างเซียวที่ถูกส่งไปยังพื้นที่แห่งนี้ที่สว่างไสว ทำให้เขาเผยท่าทางประหลาดใจ “นี่คือชั้นสุดท้ายรึ? ทำไมไม่เหมือนกับคุก เหมือนกับภาพลวงตามากกว่า.”
“ใช่แล้ว.”
“นี่คือแดนลวงตา.”
ริ้วแสงที่บิดเบี้ยวทะลวงผ่านม่านพลัง เป็นบุรุษสูงใหญ่ที่น่าเกรงขาม มีผ้าคลุมหลัง รอบ ๆ ร่างกายที่แผ่ความน่าเกรงขามออกมาดูยิ่งใหญ่เหมือนกับพลเอกกองทัพเรือ.
“เจ้า?”
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะถามออกไป ทว่าก็พอคาดเดาอีกฝ่ายได้จากชุดที่สวมใส่แล้ว.
“หนึ่งในสิบสองแม่ทัพลาดตะเวน แม่ทัพสาม”เขาที่กอดอกกล่าวอย่างภาคภูมิ “หยินหู่.”
“หยินหู?”(พยัคฆ์สาม)
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม “แม้ทัพคนอื่น ๆ ไม่ใช่หนูหนึ่ง วัวสอง กระต่ายสี่หรอกนะ?”
“ไม่ผิด.”แม่ทัพสามเอ่ย.
จุนซ่างเซียวกล่าวล้อ“เช่นนั้นไม่ควรเรียกแม่ทัพลาดตะเวนแล้ว ควรเรียกว่าทูตนักษัตรมากกว่า.”
ขณะที่เหล่าซานเห็นอีกฝ่ายกำลังผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาก็ได้สร้างโลกลวงตาเพื่อต้อนรับอีกฝ่าย “เจ้าผ่านชั้นแปดมาได้ มีความสามารถเหมือนกันนิ.”
“ก็แค่โชคดี.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
แม่ทัพสามเอ่ยถามอีก “สังหารราชาปิศาจต้าเห่ยได้ก็แปลว่าโชคดีอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
เรื่องนี้ เขารู้ได้อย่างไรกัน?
“เจ้าหนู.”
แม่ทัพยกยิ้มเยาะ.“ถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออกซะ เพราะว่าสถานะของเจ้าพวกเรารู้หมดแล้ว.”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ชะงักงันเล็กน้อย.
“ฟิ้ว!”
แม่ทัพสามขยับไหล่ เอาผ้าคลุมออก แขนทั้งสองข้างของเขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ดูแข็งแกร่งมาก.
“เข้ามา!”
เขาที่กล่าวอย่างภาคภูมิ “มาให้แม่ทัพผู้นี้ทุบก่อน!”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา “ข้าเพียงแค่ต้องการท้าประลองกับนักโทษร้ายแรงชั้นสุดท้ายเท่านั้น.”
“หากเจ้าไม่สามารถชนะข้าได้ ลงไปมีแต่ถูกทุบเท่านั้น.”แม่ทัพสามเอ่ย “มาเอาชนะแม่ทัพผู้นี้ให้ได้ แล้วข้าจะมอบหนึ่งล้านศิลาวิญญาณระดับเก้าให้!”
จุนซ่างเซียวไม่ต้องการต่อสู้กับอีกฝ่ายจริง ๆ ต้องไม่ลืมว่าเขาจะต้องเก็บแรงไว้เพื่อสำเร็จภารกิจสนับสนุน ทว่า....หากว่าได้ศิลาวิญญาณ...
!
เจ้ากำลังดูแคลนข้า.
!
คิดว่าจุนโหมวโลภในเงินรึอย่างไร!
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่กระตุ้นหน้ากาก พร้อมกับเผยรูปร่างหลัก พร้อมกับตะโกนออกมาว่า“มาเลย!”
“ตูมมมม -------”
ในเวลานั้น ห้วงมิติที่สั่นไปมา พลังวิญญาณที่สาดกระเซ็น เป็นคลื่นกระจายไปทุกที่.
ขณะที่ทุกอย่างจบลง พยัคฆ์สามที่ยืนอยู่กับที่ ขณะที่โกวเซิ่งนั้นโดยกระเด็นออกไปแล้ว.
โกวเซิ่งที่กระเด็นกระแทกผนังม่านพลังที่ขวางกั้นบุบยุบลึกเข้าไปข้างใน.