Chapter 1212 หลักการของไต่ลู่
หลังจากได้รับแสงสว่างชั่วคราว ก็ต้องก้าวเข้าสู่ความมืดมิดอีกแล้ว แม้นว่าจะทำให้เจาโตวโจวเศร้าเล็กน้อย ทว่าก็กลับมาเปี่ยมล้นด้วยพลัง.
ไม่เลวเหมือนกัน.
ข้าออกจากคุก ข้าเข้าไปในคุก!
ทว่าไม่ใช่อาชญากร ทว่าเป็นรองพัศดี!
“กึก!”
เจาโตวโตว ที่ยืดอกเชิดหน้าก้าวเข้าไปในคุก แผ่กลิ่นอายที่อหังการอออกมา.
“นักโทษทั้งหลาย!”
“นับจากวันนี้ ข้าจะดูแลพวกเจ้าเอง!”
“เผลี๊ยะ!”
ในเวลานั้น เสียงแส้ฟาดที่ดังกึกก้องไปทั่วคุก.
เจาโตวโตวที่ถูกฟาดที่กลางหลัง เจ็บปวดไปถึงวิญญาณ อดไม่ได้ต้องร้องโหยหวนเสียงดัง.
“คุกแห่งนี้ อนุญาตให้เจ้าส่งเสียงร้องดังเอ็ดตะโรได้เหรอ!”อ้ายยาที่ฟาดแส้ลงไปอีกหลายครั้ง.
“เผลี๊ยะ เผลี๊ยะ เผลี๊ยะ!”
“อ๊ากกกก!”
......
ภายในห้องผู้คุม.
อ้ายยาที่ราวกับโลลิโหดที่ก้มหน้าสำนึกผิด มือทั้งสองข้างถูไปมาที่มุมหมวก เอ่ยเสียงเล็ก ๆ “จูเหริน ไม่ได้บอกข้านินา ว่าเขาเป็นรองพัศดี.”
“......”
เจาโตวโตวที่นอนบนพื้นแทบกระอักโลหิตนอนอย่างน่าอนาถขาแขนสั่นกระตุก.
โหยพี่สาว!
ทักทายกันด้วยแส้ที่เจ็บแสบไปถึงดวงวิญญาณ ไม่ปล่อยให้ข้าได้มีโอกาสแนะนำตัวเลย!
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยออกมาว่า“คุกแห่งนี้ให้เจ้าทั้งสองดูแล หลังจากนี้ก็ช่วยกันและกัน อย่าทำให้เปิ่นจั้วผิดหวัง.”
“รับทราบ!”
เจาโตวโตวที่กัดฟันทนความเจ็บปวดตอบรับ.
อ้ายยาที่กล่าวในใจ“เจ้ามือใหม่แบบนี้ เหมาะจะเป็นรองพัศดีรึ?”
ราชันย์ยุทธ์และปราชญ์ยุทธ์ที่ถูกขังอยู่ในคุก ด้วยความแข็งแกร่งแล้ว เจาโตวโตวไม่มีทางจะจัดการเขาได้เลย ทว่าอย่าลืมว่าเขาคือสุดยอดโคตรสิบแปดมงกุฎ เรื่องการใช้ปากหลอกลวงคนอื่น ๆ เขาถนัดอยู่แล้ว.
......
“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”
ในคุกสวรรค์ ไต่ลู่ที่ยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว.
เจ้าคนที่น่ารำคาญนั่น ท้ายที่สุดออกจากคุก ในเวลานี้เขาจะต้องฉลองแล้ว!
“กึก ซี่.”
ในเวลานั้น ประตูคุกที่เปิดขึ้นมาอีกครั้ง.
เซียวจุ้ยจื่อ และซูเซียวโม่ที่ก้าวเข้ามา ก่อนที่จะคุมตัวไต่ลู่ออกไป.
“จะทรมานข้ารึ?”
“ชิ! อย่าได้ฝัน หากข้ายอมจำนนยอมให้เปลี่ยนแซ่เลย!”
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะถูกทรมานอย่างไร เขาย่อมไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย.
หลังจากออกจากคุกแล้ว เขาที่หลับตาเพื่อปรับแสง ค่อย ๆ ปรับความต่างของบรรยากาศ ทว่าขณะลืมขึ้น กับพบว่าอยู่ใน สภาพแวดล้อมก็ยังคงมืดเหมือนเดิม.
“กึก ซี่!”
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อปิดประตูและจากไป.
ไต่ลู่ที่เข้ามาหยุดชะงัก ดวงตาที่ลืมขึ้นนั้นงงงวยเล็กน้อย พบว่าสถานที่ด้านหน้าของเขานั้นใหญ่กว่าคุกสวรรค์ก่อนหน้านี้อีก บนพื้นปูด้วยพื้นศิลาแข็ง ดูแข็งแรงเป็นอย่างมาก.
ที่นี่ที่ใหน....?
“มาแล้วเหรอ สหาย.”
ในเวลานั้น เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น.
ใบหน้าของไต่ลู่ที่แข็งค้างไปในทันที.
เสียงนี้ไม่เพียงแค่เขาคุ้นเคย แต่จำมันได้แม่น!
ในเวลานั้น ไต่ลู่ที่ค่อย ๆ หันออกไป เห็นเจาโตวโตวยืนอยู่ด้านหน้าตัวเอง ใบหน้าเผยยิ้มพลายให้.
เขา....อยู่ที่นี่!
เขา....ไม่ได้ออกจากคุก!
เจาโตวโตวเผยยิ้ม “ที่นี่คือคุกกำราบวิญญาณเทียนหยวน เป็นคุกหรูใต้พิภพ ข้าคือรองพัศดี ตอนนี้เป็นคนดูแลนักโทษในคุกแห่งนี้ ประหลาดใจยัง ประหลาดใจไหม?”
“พรูดดด!”
ไต่ลู่ที่กระอักโลหิตออกมาทันที.
คิดว่าได้รอดพ้นความทรมานจิตใจ ท้ายที่สุดกับไม่มีอะไรเปลี่ยนไป!
“อิ อิ.”
อ้ายยาที่นั่งอยู่พื้นที่ไกลออกไป เผยท่าทางประหลาดใจ“คาดไม่ถึง รองพัศดีของข้าจะมีความสามารถอยู่เหมือนกัน และรอยยิ้มก็ทำให้นักโทษใหม่กระอักโลหิตแล้ว.”
“อย่าพูดให้มาก.”
นางเอ่ยเสียงดัง “รีบนำไปขังซะ.”
“ขอรับ!”
ต้องไม่ลืมว่าเจาโตวโตวเป็นผู้ติดตามของนาง จึงต้องฟังคำสั่งของนางอย่างเคร่งครัด เขาได้นำไต่ลู่ไปขังในคุกลึกที่สุด.
“สหาย เจ้าโชคดีจริง ๆ.”
ระหว่างทางเขาเอ่ยกล่าวชื่นชม “ชั้นที่เจ้าจะไปนั้นมีระดับราชันย์ยุทธ์ การที่เจ้านิกายให้เจ้ามาขังที่นี่ อธิบายได้ว่าเจ้ามีศักยภาพเป็นอย่างมาก.”
แม้นว่าเจาโตวโตวจะเพิ่งได้รับตำแหน่งรองพัศดี ทว่ากับเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในหอคอยสะกดวิญญาณเทียนหยวนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรับรู้รายระเอียดของผู้คุมขัง แต่ละชั้นมีความแข็งเท่าใด.
“......”
ไต่ลู่ไม่เอ่ยอะไรอีก.
หากข้ามีศักยภาพจะมาถูกขังเป็นนักโทษได้อย่างไรกัน.
......
“เจ้านิกาย.”
ภายในห้องหนังสือ หลี่ชิงหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไต่ลู่เพิ่งมีระดับจักรพรรดิยุทธ์ ทำไมถึงได้นำไปขังที่นั่นกัน?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เพราะว่ามันอันตรายมากไงล่ะ.”
“อันตรายมาก?”
หลี่ชิงหยางที่งงงัน.
จุนซ่างเซียวที่ยืนขึ้น ก้าวไปด้านหน้าจ้องมองผ่านหน้าต่างออกไป มองลอดผ่านไปบนท้องฟ้า “เจ้าเด็กนั่นถูกขังมานาน หมายถึงมีจิตใจที่เข้มแข็ง หากเขาได้รับโอกาส ก็จะกลายเป็นคนสำคัญได้.”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมถึงได้ให้เขาไปเสี่ยงด้วยล่ะ?”หลี่ชิงหยางเอ่ย.
“เพราะว่า......”
จุนซ่างเซียวครุ่นคิดเล็กน้อย “จะจัดการคนที่หัวรั้นนั้น มีเพียงให้เขาได้ท้าทายกับระดับราชันย์ยุทธ์.”
“โฮสน์ไม่กลัวว่าจะเป็นการเลี้ยงงูเห่าหรอกรึ?”ระบบเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าไม่คิดว่านั่นเป็นแผนการที่ร้ายกาจอย่างงั้นรึ?”
“เรื่องนี้...”
ระบบที่เงียบและเอ่ยออกมาว่า“คงมีแต่คนสมองไม่ดีเท่านั้นที่จะกล้าทำ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ว่าจะวางแผนอะไร ข้าก็จะรับเจ้านั่นเป็นศิษย์ หากไม่ยอมจำนน ก็ให้อยู่ในคุกนั้นล่ะ บางทีเขาอาจจะมีความสุขที่ได้มีสหายเป็นราชันย์ยุทธ์.”
......
ภายในคุก.
ไต่ลู่ที่ถูกขังเอาไว้ในคุกที่แยกออกมา.
ด้านในนั้นสภาพแวดล้อมไม่เลว มีอุปกรณ์เครื่องใช้และห้องอาบน้ำ และยังมีชั้นหนังสือด้วย.
“ฟู่!”
ไต่ลู่ที่นั่งสมาธิพลางพ่นลมหายใจยาว.
เขาที่ถูกปลดการสะกดชีพจร พลังบ่มเพาะจักรพรรรดิยุทธ์ที่ฟื้นคืน ทำให้เขาพึงพอใจ.
เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่มีพลังอะไร ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังฟ้าดิน ไม่สามารถที่จะยกระดับพรสวรรค์ของตัวเองได้นั่นเอง.
“เฮ้อ.”
ไต่ลู่ที่ส่ายหน้าไปมา “เขาถูกขังที่นี่ยากจะหลบหนี แม้แต่ระดับราชันย์ยุทธ์ยังไปใหนไม่ได้เลย.”
“ดังนั้น.”
เจาโตวโตวที่จู่ ๆ ก็มาปรากฏขึ้นที่ไม่ไกลจากเขา เอ่ยออกมาว่า“เข้าร่วมนิกายนิรันดร เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด.”
ไต่ลู่ที่คำรามลั่น “เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร!”
“แน่นอนว่าต้องเดินเข้ามา.”
เจาโตวโตวที่ก้าวเข้าไปนั่งที่เตียง เอ่ยออกมาว่า“เจ้าถูกขังในนิกายนิรันดรมานาน ควรจะรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะแข็งแกร่ง ทำไมต้องขัดขวางอนาคตของตัวเองล่ะ?”
“เพราะ....”
ไต่ลู่ที่กำหมัดแน่น เอ่ยออกมาว่า“ข้ามีหลักการของข้า!”
“หลักการผายลมนะสิ.”เจ้าโตวโตวเอ่ย “เจ้ามันห่วงหน้าตา ถึงจะตกตายก็ไม่ยอมเสียหน้า.”
เป็นความเห็นของเขาที่เฝ้ามองมาก่อน.
จากที่เขาเห็นอีกฝ่ายที่แข็งขืนหนักแน่น ความยึดมั่นถือมั่นคลั่งแค้นแต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์เล็งเป้ามายังจุนซ่างเซียวเท่านั้น.
เพราะว่าเขาปฏิเสธไม่เข้านิกายนิรันดรตั้งแต่เมื่อครั้งเจอกันครั้งแรก ดังนั้นภายในใจเลยปฏิเสธอย่างหนักแน่น แม้แต่คิดว่าจุนซ่างเซียวนั้นเป็นศัตรูตลอด.
จะยอมจำนนศัตรูได้อย่างไร?
เรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่จะยอมขายหน้าอย่างแน่นอน.
“เรื่องของเจ้านั้น ข้าได้ยินมาจากศิษย์พี่แล้ว.”เจาโตวโตวเอ่ย “เรื่องทั้งหมดเพราะเจ้านิกายกวาดล้างสำนักของเจ้าสินะ.”
“กึก ซี่!”
ไต่ลู่ที่กำหมัด เอ่ยออกมาด้วยความโกรธ “ความแค้นกวาดล้างสำนักเท่ากับสังหารพ่อแม่!”
“เฮ้อ.”
เจาโตวโตวที่ส่ายหน้าไปมา ก่อนนำเหรียญตราอันหนึ่งออกมา.“เจ้าคงรู้จักสิ่งนี้สินะ?”
ไต่ลู่จ้องมองเขาด้วยความตกใจ “นี่คือตราศิษย์สำนักหลิงชวน! เจ้า....เจ้าเป็นศิษย์สำนักหลิงชวนอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
เจาโตวโตวที่เงยหน้าพร้อมกับครุ่นคิด พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“หากนับเวลาเข้าสำนัก เจ้าควรเรียกข้าว่าศิษย์พี่.”
“......”
ไต่ลู่ที่จ้องมองไปยังเขา.
“เจ้าคงคิดว่าข้าหลอกเจ้าสินะ.”
“ทว่าความจริงนั้น ข้าเคยเป็นศิษย์สำนักหลิงชวนจริง ๆ หลังจากนั้นก็ถูกหาว่าเป็นกบฏและถูกไล่ออกมา.”
เจาโตวโตวที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.
“เหตุผลอะไร?”
“เจ้าควรจะได้ยินเรื่องค่ายวายุทมิฬ?”
“เคย.”
“สิบปีก่อนหมู่บ้านเสี่ยวหลินและหมู่บ้านตงหยาง ถูกสังหารทั้งหมดในคืนเดียวเคยได้ยินหรือไม่?”
“ได้ยิน.”
“เป็นฝีมือค่ายวายุทมิฬ.”
“เจ้าบอกกับข้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?”
“ค่ายโจรวายุทมิฬพวกอมหิตและสำนักหลิงชวนนั้น เป็นพวกเดียวกัน.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไต่ลู่หัวเราะขึ้นมาทันที“ข้ารู้แล้ว เจ้าพูดอะไรมากมาย ต้องการบอกข้า สำนักหลิงหยวนก็เป็นเหมือนกับสำนักปิศาจ เพื่อให้ข้าวางความแค้นกับนิกายนิรันดร!”
แม้นว่าจะดูไร้เหตุผล ทว่าเจาโตวโตวก็ไม่เร่งรีบ.
สุดยอดสิบแปดมงกุฎ ก่อนจะหลอกคนอื่นก็ต้องหลอกตัวเองก่อน.
“เจ้าพูดผิดแล้ว!”
เจาโตวโตวลุกขึ้น ก่อนที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าต้องการให้เจ้ารู้ ว่าสำนักชั่วช้านั้นถึงไม่ถูกเจ้านิกายกำจัด ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษ ข้าเพียงแค่ต้องการถามว่าเจ้ายืนหยัดหนักแน่น เพื่อต้องการทวงความยุติธรรมให้สำนักหลิงชวนนั้นเพราะความยุติธรรมแบบใดรึ?”
“ไม่ มันไม่เหมือนกัน!”
ท้ายที่สุดไต่ลู่ก็สำลักน้ำลายพูดอึกอัก
“ในฐานะศิษย์ ข้าก็ต้องแก้แค้น.”
เจาโตวโตวชี้ไปยังท้องฟ้า กล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก ดังก้อง “ชาวบ้านับพันตกตายไป สตรีถูกข่มขืน เด็กเล็กตายถูกฝังทั้งเป็น พวกเขาล่ะใครจะแก้แค้นให้!”
“......”
“เจ้านิกายกวาดล้างสำนักหลิงหยวนที่ชั่วช้า ก็ถือว่าทวงความยุติแทนสวรรค์แล้ว!”
“.....”
“ไต่ลู่ เจ้าลูกผู้ชายอกสามศอกกับต้องการแก้แค้นแทนปิศาจร้าย ต้องการทวงความยุติธรรมแทนคนชั่ว นี่คือหลักการของเจ้าสินิ!”
“ข้า!”
“งั้นก็ยึดไอ้หลักการบัดซบเจ้าต่อไปเถอะ!”
เจาโตวโตวที่กล่าวเสียงสั่นเครือ ใบหน้าแดง หน้าผากมีเส้นโลหิตปูดโปน.
ทักษะการพูดและแสดง ดูเหมือนว่าแม้แต่ซูเซียวโม่ยังด้อยกว่ามาก.
ไต่ลู่ที่เวลานี้กลายเป็นเงียบงัน.
คำพูดเหล่านั้น มั่นทิ่มแทงใจ จนทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แม้แต่ทำลายความคิดต่าง ๆ ของเขาไปอย่างมาก.
อ้ายยาที่ยืนมองไกล ๆ ได้แต่อ้าปากกว้าง ใบหน้าเผยท่าทางไม่อยากเชื่อ.
ชายคนนี้ไม่ได้มีพลังบ่มเพาะสูง ทว่าเสียงคำรามดังของเขานั้น กับแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ดูทรงพลังอำนาจเป็นอย่างมากขนาดนี้เลย?
ในเวลานี้.
ทัศนคติของอ้ายยาต่อเจ้าโตวโตวเปลี่ยนไปทันที เขาที่ยอมรับว่าจูเหรินเลือกรองพัศดีมาช่วยนางได้ถูกต้องจริง ๆ!
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องควบคุม เฝ้ามองภาพผ่านค่ายกลสะท้อน พลางถอนหายใจ“เจ้าเด็กนี่ หากใครไม่ยอมจำนน น่าจะสามารถใช้ประโยชน์ในการเกลี้ยกล่อมชักชวนได้หรือไม่?”