ตอนที่แล้วบทที่ 85 ผู้เชี่ยวชาญในการฆ่ามังกรเจียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 87 วิชายมราชปีศาจสวรรค์กลั่นตันกลืนหยวน

บทที่ 86 เขาชิงเฟิงจบสิ้น


บทที่ 86 เขาชิงเฟิงจบสิ้น

ยามเย็น แสงแดดยามอัสดงสาดส่องผ่านพุ่มไม้หนาทึบ ลงสู่พื้นเป็นเงาตะคุ่มๆ

ม้าปีศาจหลายสิบตัวนำขบวนโดยม้าสีแดงเพลิง วิ่งตรงไปยังเขาชิงเฟิงอย่างเป็นระเบียบ

เสินอี้อยู่ท้ายสุด มองไปที่เงาร่างในชุดเกราะข้างหน้าอย่างเงียบๆ

แม้จะไม่ได้คิดจะส่งมอบแก่นแท้ปีศาจมังกรเจียว แต่การที่เขาได้เก็บมันไว้ได้ง่ายๆ ก็ยังทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง

ตามหลักแล้ว ขุนพลอาวุโสผู้นี้ก็มีส่วนช่วยในการสังหารมังกรเจียวอยู่บ้าง...

ได้ ได้… เรื่องจริงคือ เขามีส่วนช่วยอย่างมาก!

เสินอี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในขอบเขตเริ่มต้นขั้นสมบูรณ์ เผชิญหน้ากับมังกรเจียวรุ่นเยาว์และปีศาจปลาแม่น้ำขอบเขตวารีหยก แม้พวกมันจะได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ แต่โดยรวมแล้ว การสังหารพวกมันนั้นไม่ยากเย็นนัก

เรื่องนี้เกิดจากเขาที่พึ่งพาวิชาขอบเขตวารีหยกที่ฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ และพลังปราณที่ไหลเวียนไม่หยุดจากการเผาผลาญอายุขัย

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจขอบเขตควบแน่นตัน วิชาเหล่านี้ก็เริ่มดูอ่อนกำลังลง

มังกรเจียวเฒ่าตัวนี้ถูกทวนเหล็กขนาดใหญ่ของขุนพลอาวุโสฟันขาดไปครึ่งตัว ยังมีบาดแผลเก่าร้ายแรงอยู่ทั่วตัวอีกด้วย ด้วยสภาพเช่นนี้ มันกลับทนเทียนกังโลหิตของเขาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม

สุดท้ายเขาต้องใช้วิชาถานหลางสังหารปีศาจ และวิชาตัดชีพจรจับมังกร ถึงจะจัดการมันได้

และนี่คือไพ่ตายทั้งหมดของเสินอี้

หากครั้งต่อไปเขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจขอบเขตควบแน่นตันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขากลัวว่าจะหนีเอาชีวิตรอดได้ยาก

โชคดีที่การเดินทางครั้งนี้ได้ผลตอบแทนอย่างงดงาม

แก่นปีศาจถัวหลงขอบเขตวารีหยก แก่นปีศาจมังกรเจียวขอบเขตควบแน่นตัน  รวมกับแปดร้อยปีก่อนหน้านี้ รวมเป็นอายุขัยของปีศาจมากกว่าสามพันปี

ไม่รู้ว่า... มันจะช่วยให้เขาเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตันได้หรือไม่?

เสินอี้ไม่แน่ใจ…

"น้องชายเสิน เจ้าช่างกล้าหาญจริงๆ!"

หงเล่ยชักม้าเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นเขากำลังทำท่าครุ่นคิด เขาจึงกดเสียงต่ำลงว่า "โชคดีที่ท่านขุนพลอาวุโสเฉินพัฒนาระดับอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกกระบี่กักขังไว้แล้ว เจ้าเองก็รีบร้อนเกินไป กลับมาไล่ล่ามังกรเจียวเพียงคนเดียว ถ้าเผื่อว่า… เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้นะ! เจ้ายังเด็กนัก อนาคตสดใส ทำไมต้องเอาชีวิตไปแลกผลงาน?"

แต่พูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น "แต่เจ้าก็เดิมพันถูกจริงๆ จากเสี่ยวเว่ยสองขีด ขึ้นเป็นองครักษ์ติดตามอย่างรวดเร็ว ข้าใช้เวลาหลายสิบปี ยังไม่ได้เร็วเท่าเจ้าในช่วงไม่กี่วันนี้เลย"

ยิ่งมองดูอายุของเสินอี้ เขาคงเข้ามาอยู่แผนกปราบปีศาจได้ไม่เกินสิบปีแน่ๆ

องครักษ์ติดตามมีสถานะอย่างไรงั้นเหรอ?

เบื้องบนมีเพียงนักล่าปีศาจ แม่ทัพใหญ่สิบสองคน และท่านขุนพลอาวุโส!

ตราบใดที่อยู่ในชิงโจว แม้แต่กองกำลังชั้นนำก็ต้องดูหน้าท่านขุนพลอาวุโสเฉิน แถมยังต้องอย่างพูดจาเกรงใจด้วยซ้ำ

แต่หงเล่ยแค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ได้รู้สึกอิจฉา

แค่การสังหารมังกรเจียวขอบเขตควบแน่นตัน มันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้ ยิ่งมองดูบาดแผลที่ไหล่ของเสินอี้ และสภาพศีรษะของมังกรเจียวที่ถูกตัดออกละก็…

น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดสำหรับทั้งสองฝ่าย!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หงเล่ย อดไม่ได้ที่จะใฝ่ฝัน "...เฮ้อ! มังกรเจียวเฒ่าตัวนั้น ก่อนมันจะตาย มันคงจะรู้สึกทึ่งกับพลังของน้องชายเสินมากแน่นอน เรื่องนี้ต้องทำให้พวกเผ่าพันธุ์ในแม่น้ำสายนี้ ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอัจฉริยะแผนกปราบปีศาจของเรา!"

“…”

เสินอี้พยักหน้าเล็กน้อย เขาเปลี่ยนเรื่องถามว่า “การเป็นองครักษ์ติดตาม มีอะไรดีบ้าง?”

เขาไม่ได้ลืมจุดประสงค์ที่มาแผนกปราบปีศาจ

“หะ?” หงเล่ยแปลกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มไม่รู้ เขาแบมือออก แล้วตอบว่า “พูดตามตรงนะ ไม่ว่าจะเป็นสำนักหรือตระกูล คนเก่งๆ อย่างเจ้าที่อยู่ขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์ หากไม่ใช่สายเลือดหลัก หรือเซ็นสัญญาบางอย่าง ถ้าเจ้าต้องการวิธีเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตัน อย่างน้อยเจ้าต้องทำงานให้พวกเขาหลายสิบปี ถึงจะได้รับความไว้วางใจ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสินอี้ก็นึกถึงสำนักวัชระที่จางถูหูเคยพูดถึง ไม่ต้องพูดถึงวิธีเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตัน แม้แต่วิชาขอบเขตวารีหยกและวิธีบ่มเพาะกายเนื้อขอบเขตวารีหยกที่ด้อยกว่า เขาก็ต้องสวดมนต์ห้าสิบปี เผยแพร่ธรรมะอีกห้าสิบปี

เสินอี้ไม่เข้าใจ เขาจึงถามว่า “แม้จะอยู่ขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์ อายุขัยก็แค่สามร้อยกว่าปี เสียเวลาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ ถึงได้วิธีเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตัน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”

หงเล่ยตกตะลึงเล็กน้อย ยิ้มอย่างขมขื่นตอบ “น้องชายเสิน สำหรับพวกเขา เจ้าเป็นคนนอก  วิธีเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตันคือรากฐาน ตราบใดที่วิธีการนี้ยังอยู่ สำนักชั้นนำก็จะเป็นสำนักชั้นนำตลอดไป”

“แน่นอน มีวิธีที่เร็วกว่านั้น เจ้าเห็นเขาชิงเฟิงไหม? ตระกูลอื่นๆ ก็มีสิ่งของบรรพบุรุษที่คล้ายกับแก่นแท้กระบี่ เจ้าเพียงแค่เซ็นสัญญา กลายเป็นผู้พิทักษ์ตระกูล ด้วยความสามารถของเจ้า ตระกูลไหนก็จะไม่หวงแหนหรอก”

“แต่ถ้าเจ้ากลายเป็นองครักษ์ส่วนตัว มากสุดสิบปี... ไม่สิ ห้าปี…”

หงเล่ยมองดูคิ้วของเสินอี้ที่ขมวดเล็กน้อย เขากลืนน้ำลาย แล้วรีบเปลี่ยนคำพูด “ถ้าเจ้าโชคดี สร้างผลงานอย่างต่อเนื่อ สามปีก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ วิธีเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตันที่ราชสำนักเก็บไว้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าของสำนักชั้นหนึ่ง แถมเจ้ายังสามารถเลือกวิธีการได้ตามความต้องการของเจ้า เรื่องนี้ไม่ดีกว่าสำนักพวกนั้นงั้นเหรอ?”

เสินอี้รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย มองไปที่หงเล่ยแล้วถามว่า “เร็วกว่านี้ได้ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหงเล่ยเปลี่ยนไปทันที เขาเหลือบมองไปรอบๆ และพบว่าม้าสีแดงเพลิงของท่านขุนพลอาวุโสเฉินหายไปจากสายตาแล้ว

เขาจึงยื่นมือไปแตะมือที่จับสายจูงของเสินอี้ ใช้การส่งเสียงลมปราณเข้าหูชายหนุ่มโดยตรง “พี่น้อง เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ คำพูดนี้ ห้ามให้คนอื่นได้ยินเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น เจ้าจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป!”

“เจ้าไม่ยอมรอสามปี ใครจะค้ำประกันให้เจ้า ใครจะกล้าเชื่อว่าหลังจากเจ้าเข้าสู่ขอบเขตควบแน่นตันแล้ว เจ้าจะปกป้องชิงโจว พวกเขากลัวว่าเจ้าจะหนีไป ไม่ก็เข้าร่วมตระกูลหรือปีศาจ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสินอี้ก้มหน้าลงเล็กน้อย

เขารู้สึกตัวทันทีว่า แม้จะไม่เคยแสดงออกมาก่อน แต่จริงๆแล้ว ในสายตาคนนอก เขาดูใจร้อนจริงๆ

ในความคิดของคนทั่วไป การฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้เพียงอย่างเดียว มันก็ต้องใช้เวลาสิบปีหรือหลายสิบปี และการพัฒนาขอบเขตบ่มเพาะก็ช้ามาก ต้องพึ่งพายาล้ำค่าเท่านั้นถึงจะรวดเร็วขึ้น

แต่เสินอี้แสดงท่าทีรีบร้อน เเมือนเขาอยากจะคว้าวิชาจากแผนกปราบปีศาจให้เสร็จแล้วรีบหนี คล้ายๆ กับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเรียนรู้จริงจัง กลับดูคล้ายมาขโมยวิชามากกว่า

อือ... ต่อไปข้าต้องระวังให้มากขึ้น

"ข้าเข้าใจอัจฉริยะอย่างพวกเจ้า คนแบบพวกเจ้าอยากเก่งขึ้นในชั่วข้ามคืน ฟางเหิงก็เป็นแบบนี้ หลินไป๋เว่ยก็เป็นแบบนี้ แน่นอนว่าไป๋จื่อหมิงก็เช่นกัน แต่ตอนนี้คนหนึ่งไปฝึกฝนวิชาที่บ้านของท่านแม่ทัพ คนหนึ่งกลายเป็นนักล่าปีศาจ และอีกคนหนึ่งไปรักษาคนไข้ที่โรงหมอ"

หงเล่ยถอนหายใจแล้วหัวเราะ "ทำงานก่อน กินข้าวทีหลัง นี่คือกฎของแผนกปราบปีศาจ... ดูจากท่าทีของท่านขุนพลอาวุโสเฉิน เจ้ามีโอกาสได้เข้าไปฝึกในสระกระบี่มากที่สุด สามคนนั้นคงแย่งชิงกับเจ้าไม่ได้"

"สระกระบี่?" เสินอี้รู้สึกสงสัย

หงเล่ยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหนีมาจัดการปีศาจก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้อยู่ฟังในตอนนั้น "ท่านขุนพลอาวุโสปล่อยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่าง สังหารบรรพบุรุษของตระกูลจางก่อน แล้วสังหารผู้นำเขาชิงเฟิง ฟาดกระบี่บรรพบุรุษหัก สระกระบี่กลายเป็นของไร้เจ้าของ ทำให้อยู่ในความดูแลของท่านขุนพลอาวุโสเฉินชั่วคราว ถึงแม้จะไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แต่มันก็ยังใช้งานได้อีกหลายครั้ง เพียงบ่มเพาะในสระกระบี่ครั้งเดียว มันก็เทียบเท่ากับการที่เจ้ากินยาฝึกฝนร่างกายมาครึ่งค่อนชีวิต!"

ไร้เจ้าของ?

เสินอี้หันขวับไปมอง สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายพูดจามีเลศนัย "แล้วเขาชิงเฟิงล่ะ?"

"ข้าถึงชอบพูดว่า… ยิ่งแก่ยิ่งเจ้าเล่ห์ไง"

เฉินเฉียนคุนไม่อยู่ หงเล่ยกล้าพูดจาขึ้นมาบ้าง "ท่านขุนพลอาวุโสทราบดีว่า ผู้นำเขาชิงเฟิงร่างกายพิการโดยกำเนิด ไร้วิธีการสืบทอดบุตร เขาจึงจงใจปิดล้อมแต่ไม่โจมตี และเก็บลูกศิษย์ไว้ทั้งหมด ให้พวกเขาได้ทดลองความร้ายกาจของกระบี่บรรพบุรุษด้วยตัวเอง ทำให้พวกเขาแตกแยกกัน จากนั้นก็ทำลายกระบี่ จากนั้นลูกศิษย์ที่เหลือทั้งหมดให้พวกนักล่าปีศาจตรวจสอบ หากไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ให้รับเข้าแผนกปราบปีศาจทั้งหมด"

"เรื่องนี้น่าขันมาก ท่านขุนพลอาวุโสเฉินมีขุนพลขอบเขตควบแน่นตันคอยรับใช้เพิ่มขึ้นอีกสองคนทันทีเลย"

แม้ว่าด้วยความสามารถของสองผู้อาวุโสผู้พิทักษ์สำนัก พวกเขาจะสามารถเลื่อนตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องตลกขบขัน

"อ้อ เจ้าไม่ได้อยากได้วิชาขั้นควบแน่นตันหรอกเหรอ ท่านขุนพลอาวุโสสาธิตให้เจ้าดูด้วยตัวเองแล้วนี่ เจ้าแค่หาช่องโหว่ของตระกูลใหญ่และสำนักต่างๆ  จากนั้นก็ต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าก็สามารถลอกเลียนแบบเหตุการณ์ที่เขาชิงเฟิงได้ บนเส้นทางที่พวกเขาขนย้ายตำราวิชาต่างๆ เจ้าก็ลอกเลียนสองสามเล่มซะ มันง่ายมากใช่ไหมล่ะ?"

หงเล่ยพูดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นประกายแปลกๆ ในแววตาของชายหนุ่ม

เขาอ้าปากค้าง สงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด