บทที่ 65 คะแนนผลงานหนึ่งแสน
ในชาติก่อน หลี่ฟานต้องเสียทรัพย์สินที่แสวงหามาได้เกือบทั้งหมด เพื่อให้ได้มาซึ่งโควตาเข้าใช้สระวิเศษชำระร่างของเกาะหลิ่วหลี่
สุดท้ายแล้วเหลือแค่ 235 คะแนนผลงานเท่านั้น
ส่วนชาตินี้ทรัพย์สินมีมูลค่ารวม 863 คะแนนผลงาน ทำให้หลี่ฟานเข้าใจแล้วว่า
ทำไมถึงมีผู้ฝึกเซียนบางส่วนยอมลอบช่วยมนุษย์หลบหนีเข้ามาในพิภพเซียน
เขาเพียงแค่ปล้นบ้านเจ้าเมืองและคหบดีคนมั่งมีมาไม่กี่หลัง ก็ได้ถึง 800 กว่าคะแนนผลงานแล้ว
ส่วนพวกผู้ฝึกเซียนเหล่านั้น ได้มา 1000 กว่าคะแนนต่อรอบก็คงไม่น่าแปลกใจ
ต้องรู้ไว้ว่า คัมภีร์วิชาขั้นฝึกปราณเล่มหนึ่ง ก็แค่ราคา 1000 กว่าคะแนนเท่านั้น
ถ้ารอบหนึ่งให้ใช้เวลามากกว่าสิบปี ก็ถือเป็นรายได้ไม่น้อยแล้ว
"ทรัพย์สินนี่เรียกใจคนจริงๆ..."
หลี่ฟานถอนหายใจ แล้วหยิบไข่มุกหลิ่วหลี่ที่ได้จากร่างปลาหลิ่วหลี่ยักษ์ออกมา
"ไข่มุกหลิ่วหลี่เลิศล้ำ แลกได้ 850 คะแนนผลงาน"
เขาคิดสักพักว่า ไข่มุกหลิ่วหลี่เลิศล้ำนั้นก็คล้ายโอสถหลิ่วหลี่รุ่นอ่อน
แม้ผลจะด้อยกว่า แต่เด่นตรงที่ใช้แล้วไม่หมดไป
หลี่ฟานคงต้องใช้มันในการฝึกฝนแน่นอนในอนาคต จึงไม่เลือกแลกเป็นคะแนน แต่เก็บมันไว้ตามเดิม
หลี่ฟานมองคะแนนผลงานรวมของตัวเองที่ 2831 คะแนน แล้วส่ายหน้า
ยังไม่พอ น้อยไป!
ความรู้เกี่ยวกับสมบัติมหัศจรรย์ฟ้าดินก็ต้องใช้ถึงสองพันกว่าคะแนนแล้ว
หลี่ฟานตระหนักได้ตั้งแต่ที่ถูกผู้พิทักษ์พันธมิตรหมื่นเซียนไล่ล่าเมื่อครั้งก่อนแล้วว่า
เขามีพลังยุทธ์ขั้นฝึกปราณระยะปลายเปล่าๆ แต่กำลังความสามารถในการต่อสู้จริงต่ำมาก
《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》ที่เขาฝึกฝนเป็นหลักในตอนนี้ ยังขาดวิธีสังหารที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากพลังสังหารอันเด็ดขาดไร้รูปลักษณ์ที่เขาคิดค้นเองแล้ว ก็ไม่มีวิธีสู้ศัตรูอื่นอีกเลย
พลังสังหารอันเด็ดขาดไร้รูปลักษณ์ถึงจะร้ายกาจ แต่ก็มีจุดอ่อนร้ายแรงคือ มักต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะบังเกิดผล
เหมาะกับการลอบมุ่งร้ายผู้อื่นในที่ลับตา ไม่เหมาะกับการต่อสู้กับใครตรงๆ เลย
พอต้องต่อสู้หรือถูกล้อมโจมตี หลี่ฟานก็มีแต่ต้องเลือกหนีเท่านั้น
แต่ตอนนี้เขารู้เพียงวิชาควบคุมลมขั้นพื้นฐานสุด ก็คงไม่มีทางหนีใครพ้นหรอก
พอต้องรบก็สู้ไม่ได้ พอต้องหนีก็หนีไม่พ้น
เรื่องน่าเศร้าคงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ฉะนั้น คัมภีร์วิชาสังหาร ศิลปะหลบหนี คัมภีร์ป้องกัน แม้กระทั่งสมบัติวิเศษ แผนผังอาคม โอสถต่างๆ ที่อยู่ในกระจกเทียนเสวียนมากมายเหลือคณา...
หลี่ฟานอยากได้ทั้งหมด!
คะแนนผลงานนิดหน่อยแบบนี้ ไม่พอเลยจริงๆ
ครุ่นคิดอยู่ครู่ เขาจึงเริ่มค้นหาจากภารกิจที่ผู้ฝึกเซียนท่านอื่นเผยแพร่ในกระจกเทียนเสวียน
ในชาติที่แล้วตอนที่จิตของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับทะเล เขาเห็นของล้ำค่ามากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในทะเลชงอวิ่น
บางส่วนเป็นสิ่งที่ด้วยกำลังความสามารถในตอนนี้ของเขา ก็สามารถไปเอามาได้ เช่นไข่มุกหลิ่วหลี่เลิศล้ำ
แต่อีกจำนวนมากนั้นอันตรายอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้ฝึกเซียนขั้นสร้างฐานก็ไม่อาจแตะต้องได้โดยง่าย
แทนที่จะปล่อยให้ของเหล่านี้ผุพังไปกับทะเลดีกว่า ทำไมไม่เลือกขายไปบางส่วนแต่เนิ่นๆ เพื่อเพิ่มพูนกำลังความสามารถของตัวเองให้เร็วขึ้นเล่า
สายตาของหลี่ฟานกวาดผ่านอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เห็นภารกิจหนึ่ง หลี่ฟานก็ชะงักไป
สั่งการด้วยจิตวิญญาณ เพื่อดูรายละเอียดภารกิจ
"หลี่ฉางเจ้าหน้าที่อาวุโสศาลายาต้องการวัตถุดิบเสริมในการปรุงยาวิเศษอีกชนิดหนึ่ง คือ ปะการังเลือดฟ้า"
"ประกาศรับสมัครทั่วพันธมิตรหมื่นเซียน: ผู้ที่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เมื่อยืนยันแล้วจะได้รับรางวัล 1000 คะแนนผลงาน"
"ส่วนผู้ที่นำปะการังเลือดฟ้ามามอบให้โดยตรง จะได้รับรางวัล 3000 คะแนนผลงาน"
หลี่ฟานกวาดตามองภารกิจทั้งหมดอีกรอบ มีแต่ภารกิจนี้เท่านั้นที่รางวัลสูงที่สุดเท่าที่เขารู้
จึงรับภารกิจนี้ไว้
"ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลชงอวิ่น ห่างจากด้านตะวันตกของเกาะอูยาประมาณสองร้อยกว่าลี้ ข้าเคยเห็นปะการังเช่นนี้อยู่ใต้ทะเล"
"น่าเสียดายที่รอบๆ ปะการัง มีงูทะเลยักษ์คอยเฝ้าอยู่ตัวหนึ่ง"
"ไม่รู้ว่างูทะเลมีพลังเท่าไหร่กันแน่ แต่ข้าแค่มองไกลๆ เพียงแวบเดียว ก็รู้สึกถึงภยันตรายถึงตายแล้ว"
...
หลี่ฟานเขียนเค้าโครงเรื่องเสร็จ ก็ยื่นส่งภารกิจ
น่าจะพิสูจน์ความเป็นจริงจากข้อมูลที่เขาให้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมของเกาะหมื่นเซียน
เหมือนอย่างที่คาด ผ่านไปแค่ครึ่งวัน หลี่ฟานก็ได้รับรางวัลจากภารกิจแล้ว
แต่สิ่งที่ชวนให้ขบคิดก็คือ ภารกิจรับสมัครหาปะการังเลือดฟ้าไม่ได้ถูกยกเลิกไปเสียที แต่ยังคงค้างอยู่ที่เดิม
"ดูเหมือนหลี่ฉางต้องการปะการังเลือดฟ้าจำนวนไม่น้อยเลย ไม่รู้ว่าเขาจะปรุงยาอะไรกัน?"
เห็นแค่วัตถุดิบเสริมอย่างเดียว ก็ยอมเสียถึง 3000 คะแนนผลงานแล้ว ยาวิเศษที่เขาจะปรุงต้องไม่ธรรมดาอย่างมากแน่ๆ
แต่หลี่ฟานก็แค่อยากรู้เท่านั้น
หลี่ฉางเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำศาลายาของเกาะหมื่นเซียนที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ฝึกเซียนอาวุโสขั้นหล่อหลอมร่างทารก ระดับนั้นหลี่ฟานตอนนี้ยังห่างไกลเกินไปจริงๆ
เขาข่มความสงสัยใคร่รู้ที่ปะทุขึ้นชั่วครู่ แล้วเพ่งสายตาไปที่ภารกิจรับสมัครอันเด่นสะดุดตาที่สุดในบรรดาภารกิจทั้งหมด
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หลี่ฟานรีบเร่งเพิ่มพลังของตนเอง
ภารกิจ: รับสมัครจ้างหา《บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย》
รางวัล: คะแนนผลงานหนึ่งแสนคะแนน
เพียงสองบรรทัดข้อความสั้นๆ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม
แต่ตัวเลขหนึ่งแสนคะแนนผลงานนั้น ทำเอาผู้ฝึกเซียนทุกคนที่เห็นต่างใจสั่นไหวไม่เป็นอันทำอะไร
นั่นคือหนึ่งแสนคะแนนผลงานเชียวนะ!
ผู้ฝึกเซียนหลายคนในพันธมิตรหมื่นเซียน บางทีชั่วชีวิตก็เก็บสะสมไม่ได้ถึงเพียงนี้ด้วยซ้ำ
ถ้ามีหนึ่งแสนคะแนนผลงานนี่ การบรรลุขั้นหล่อหลอมร่างทารกอาจจะไม่แน่ แต่การฝึกฝนจนถึงขั้นควบแน่นแก่นทองคำแน่นอนไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!
ผู้ฝึกเซียนมากมายต่างอิจฉาจนตาแดง อ่านสองบรรทัดนี้ซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน คาดหวังภาพเหตุการณ์ในอนาคตเมื่อตนทำภารกิจสำเร็จแล้วในหัวไม่หยุด
แต่น่าเสียดายที่ภารกิจรับสมัครนี้ถูกแขวนค้างมานานกว่าสิบปีแล้ว อย่าว่าแต่ทำสำเร็จเลย
แม้แต่ว่า《บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย》คืออะไรกันแน่ ก็ยังไม่มีใครหาคำตอบได้เลย
ส่วนคนที่ลงประกาศภารกิจนี้ก็ลึกลับสุดๆ ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็น หรือให้คำอธิบายใดๆ เลยสักครั้ง
ราวกับจะบอกทุกคนด้วยวิธีนี้ว่า ถ้ารู้ก็ย่อมรู้เอง ถ้าไม่รู้ต่อให้พูดก็ไร้ประโยชน์
ไม่มีใครสักคนในทะเลชงอวิ่นตอนนี้ ที่รู้ว่า《บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย》อยู่ที่ไหน
นอกจากหลี่ฟาน
"《บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย》 วิหารอวิ๋นสุ่ย" หลี่ฟานย้ำคำนี้ในใจซ้ำไปซ้ำมา
《บันทึกภาพอวิ๋นสุ่ย》ที่มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งแสนคะแนนผลงานนี้ อยู่ในวิหารอวิ๋นสุ่ยนั่น
วิหารอวิ๋นสุ่ย หรือจะเรียกว่าซากวิหารอวิ๋นสุ่ยก็ได้ ก็คือสถานที่ที่เสี่ยวเฮิงเคยเอ่ยถึงในจดหมายชาติก่อนว่าจะไปตามหาสมบัติมหัศจรรย์ฟ้าดิน
ส่วนเหตุที่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ความลับนี้เลย ก็เพราะวิหารอวิ๋นสุ่ยยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมานั่นเอง
ในชาติก่อน หลี่ฟานเองก็เพิ่งจะสนใจวิหารอวิ๋นสุ่ย หลังจากอ่านข้อความของเสี่ยวเฮิง
แล้วจดจำเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่กำลังจะสั่นสะเทือนทะเลชงอวิ่นนี้เอาไว้ในใจ
วิหารอวิ๋นสุ่ย โดดเดี่ยวกลางทะเลกว้าง
ว่ากันว่าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลชงอวิ่นมาตั้งแต่ยุคโบราณ
เมื่อเกิดภัยพิบัติใหญ่แห่งฟ้าดิน ลูกศิษย์วิหารอวิ๋นสุ่ยต่อสู้กันเองจนเกือบสิ้น เหลือรอดไม่ถึงหนึ่งในพัน
ผู้ที่รอดชีวิตจึงตัดสินใจเปิดใช้วงกตเซียนคุ้มสำนัก หลบซ่อนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก
ด้วยเหตุนี้วิหารอวิ๋นสุ่ยจึงถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังวงจรอาคม ซ่อนเร้นอยู่กลางทะเลลึกของทะเลชงอวิ่นมาโดยตลอด
จนกระทั่งย้อนหลังไปสิบเอ็ดปี วงจรอาคมเสื่อมสลาย วิหารอวิ๋นสุ่ยที่หายสาบสูญไปนับหมื่นปีจึงได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง
ทว่า วิหารอวิ๋นสุ่ยที่เลือกหลบหนีโลก ก็ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมพินาศสูญสิ้นไปได้
เมื่อผู้ฝึกเซียนจากทั่วทะเลชงอวิ่นบุกเข้าไปด้านใน กลับพบว่าวิหารอวิ๋นสุ่ยกลายเป็นซากปรักหักพังอันลึกลับมานานแสนนานแล้ว