บทที่ 648: ตามหาตัวกินวิญญาณ!
หุบเขาด้านหลังเมืองเชิ่งหลงเต็มไปด้วยผู้คนที่พลุกพล่าน จอกแจกจอแจและคึกคักกันอย่างยิ่ง
ตามกำหนดเวลาแล้ว วันนี้จะมีผู้พลเมืองใหม่ที่สำเร็จการฝึกพิเศษและจะถูกเคลื่อนย้ายจากโลกเดิมมาอีกกลุ่มหนึ่ง
และยังคงมีกลุ่มนักสู้กับทหารรับจ้างโหลวเฉิงเดินทางไปยังสนามรบนอกแผ่นดินเพื่อร่วมภารกิจค้นหาพวกหมานสู
หากไม่ใช่เพราะหุบเขาด้านหลังมีพื้นที่ขนาดใหญ่ล่ะก็ไม่มีทางที่จะรองรับคนทั้งหมดนี้ได้อย่างพร้อมกันขนาดนี้แน่
แม้ว่าฉากนี้จะค่อนข้างวุ่นวาย แต่ชาวเมืองเชิ่งหลงก็ได้ปรับตัวเข้ากับฉากนี้กันแล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก พวกเขายังคงยุ่งอยู่กับงานที่ทำอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมืองเชิ่งหลงกลายเป็นยักษ์ใหญ่โดยไม่รู้ตัว ความแข็งแกร่งของมันก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
และชาวเมืองเชิ่งหลงต่างรู้สึกภาคภูมิใจหลังจากที่ได้เห็นฉากนี้ และพวกเขาก็มีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย!
ในตอนนี้เองที่สิ่งกีดขวางบนบานประตูมิติที่ดูเหมือนของเหลวได้มีการกระเพื่อมเบา ๆ จากนั้นก็เห็นถังเจิ้นค่อย ๆ เดินออกมาตามรอยกระเพื่อมนั้น
ข้างหลังเขามีองครักษ์ระดับลอร์ดสิบคนหน้าตาจริงจังพร้อมออร่าอันดุดันตามมา!
นักรบที่เฝ้าประตูอยู่เห็นพวกเขาแล้วก็รีบยกมือทำความเคารพทันที
นักรบและทหารรับจ้างจากเมืองเชิ่งหลงที่กำลังจะเข้าประตูไปก็ยืดตัวตรงใช้หมัดขวาประทับที่อกมองดูถังเจิ้นเป็นตาเดียวกัน
ด้วยเสียงทำความเคารพที่หนักแน่นทำให้พวกชาวเชิ่งหลงที่ก้มหน้าทำงานอยู่สะดุ้งโหยงขึ้นมามองและเห็นถังเจิ้นด้วย
หุบเขาเสียงจอแจแต่เดิมได้เงียบลง ทุกคนหยุดเคลื่อนไหวและมองมาที่ถังเจิ้น
พลเมืองใหม่หลาย ๆ คนต่างได้ฟังเรื่องเล่าตำนานของเจ้าเมืองเชิ่งหลงผู้นี้มานานมากแล้วแต่ก็ไม่เคยได้เห็นตัวจริงเลยซักครั้งเดียว ดังนั้นทุกคนเลยอยากรู้อยากเห็นกันมาก
สำหรับพลเมืองเก่านั้นคนเหล่านี้ล้วนแสดงสีหน้าชื่นชมและหลงใหล เพราะเมื่อเทียบกับพวกพลเมืองใหม่แล้วพวกเขาเหล่านี้คือคนที่ได้รับรู้ถึงพลังพิเศษของถังเจิ้นและได้รับผลประโยชน์จากเขามามากที่สุดและนานที่สุดด้วย!
ทุกวันนี้ถ้าใครกล้าพูดว่าถังเจิ้นไม่ดีล่ะก็เหล่าพลเมืองเก่าจะหน้าตึงใส่ทันที เผลอ ๆ จะชักอาวุธออกมาชี้หน้าเลยด้วยซ้ำ!
หลังจากที่ถังเจิ้นเห็นฉากนี้เขาก็ได้แต่ยิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะพยักหน้าและพูดคุยอะไรกับชาวเมืองซักพักหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยนั่งรถออกจากที่นี่
จุดประสงค์ที่เขากลับเมืองมาในครั้งนี้ก็มีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเขาจะไปหาจับเจ้าตัวกินวิญญาณ (โซลอีตเตอร์) ที่หนีไปซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งเพื่อจะใช้มันมาจัดการกับเจ้าแห่งโทเทม!
จากที่เขาเข้าใจคือไอ้เจ้าแห่งโทเทมนี้มันมีความสามารถที่ประหลาดมากมาย และยังมีความสามารถในการเพิ่มระดับพลังยุทธ์ของตนได้ชั่วคราวหากได้รับเลือดของพวกหมานสูมาเป็นเครื่องเซ่น ดังนั้นจึงเป็นตัวที่ยากจะจัดการ
ด้วยเหตุนี้เองที่หากต้องการจัดการกับเจ้าแห่งโทเทมล่ะก็จำเป็นต้องฆ่าพวกหมานสูให้หมดก่อน ไม่งั้นไอ้เจ้าแห่งโทเทมนี้มันก็แทบจะเป็นตัวตนที่อยู่ยงคงกระพันไร้เทียมทานเนื่องจากมีเลือดของพวกหมานสูให้มันได้ใช้
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีพลังที่มากพอจะบดขยี้มันในทีเดียว ไม่งั้นวิธีที่เหลือคือเขาต้องค่อย ๆ ฆ่าพวกหมายสูให้หมดก่อนแล้วถึงค่อยหาทางฆ่ามันทีหลัง
และไอ้เจ้าตัวกินวิญญาณนั่นก็คือไพ่เด็ดที่เขากะเอาไว้ใช้ในการจัดการกับเจ้าแห่งโทเทม
เจ้าตัวนี่มีต้นกำเนิดที่ลึกลับมาก มันเคยอยู่แต่ในรูขนาดใหญ่ยักษ์ตรงซากยานรบมาก่อน และยังเคยขวางถังเจิ้นไม่ให้ออกจากที่นั่นอีกด้วย
ทว่าหลังจากที่ถังเจิ้นอัปเลเวลมาแล้วและกะจะไปแก้แค้นมัน ไอ้เจ้าตัวกินวิญญาณนั่นที่เห็นท่าไม่ดีก็เผ่นหนีไปซะก่อนโดยไม่มีลังเลเลย
ก่อนหน้านี้ถังเจิ้นไม่มีเวลาสนใจมันเพราะมีเรื่องเบ็ดเตล็ดมากมายให้หัวหมุนทำให้เขาปล่อยให้มันอยู่อย่างสบายใจมาจรถึงตอนนี้
และตอนนี้ถังเจิ้นก็มีแผนจะจัดการกับเจ้าแห่งโทเทม และเขาก็นึกถึงความสามารถแต่กำเนิดของตัวกินวิญญาณได้ นั่นคือมันกินร่างวิญญาณเป็นอาหาร หรือก็คือมันเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเจ้าแห่งโทเทมนั่นเอง!
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของมันไปถึงระดับราชาแล้วยังก็ตาม แต่เขาก็เชื่อสนิทใจเลยว่าแต่เดิมมันต้องเป็นตัวที่แข็งแกร่ง แต่กลับต้องสูญเสียความแข็งแกร่งนั่นไปด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง!
และความแข็งแกร่งแต่เดิมของมันก็ต้องไม่ใช่ง่าย ๆ เช่นราชาทั่วไปแน่ ๆ!
ถังเจิ้นได้เรียนรู้โดยไม่รู้ตัวว่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเขาจะต้องใช้ทุสิ่งทุกอย่างที่ใช้ได้
ดังนั้นเมื่อเขาได้รู้จักเจ้าแห่งโทเทมเขาก็หันโฟกัสไปที่ตัวกินวิญญาณทันทีเลย
โลกโหลวเฉิงนั้นกว้างใหญ่มากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะตามหาตัวกินวิญญาณที่ไม่ใช่ตัวกระจอกและหนีหายไปนานแล้วให้พบ
แต่ถังเจิ้นมีการ์ดตามรอยและระบุตำแหน่งที่เขาสะสมจากการจับสลากรายวันอยู่ ตอนนี้ไม่รู้มีเก็บไว้กี่ใบแล้วและยังไม่เคยเอาออกมาใช้เลย
และวันนี้เองที่เขาจะได้ใช้เพื่อตามรอยตัวกินวิญญาณ!
หลังจากกลับมาที่โหลวเฉิงเขาก็เตรียมตัวอะไรนิดหน่อยก่อนจะหยิบการ์ดออกมาฉีก
การ์ดได้กลายเป็นละอองแสงหายไป และมีออร่าอันคลุมเครือปรากฏขึ้น ออร่าดังกล่าวนั้นราวกับกำลังถอดรหัสความลับสวรรค์เพื่อทำการค้นหาตำแหน่งของตัวกินวิญญาณตามความคิดของถังเจิ้น
และทันใดนั้นเองก็มีแสงแห่งวิญญาณวาบขึ้นมา ถังเจิ้นหันขวับไปตามทิศทางของแสงที่ทอดยาวไปในแดนร้าง
ทันใดนั้นเองปีกที่หลังของเขาก็สยายออกและคนทั้งคนก็ได้บินขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูงปานภูติผี
แม้ว่าการ์ดตามรอยนี้จะยอดเยี่ยมก็ตาม แต่ระยะเวลาแสดงผลของมันมีแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นถังเจิ้นจึงต้องมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของตัวกินวิญญาณโดยเร็วที่สุด
ถึงกระนั้นการ์ดตามรอยก็ใช่ว่าจะบอกได้ละเอียดหมด ตอนนี้เขารู้แค่ว่ามันอยู่ตรงทิศไหน แต่ไม่ได้รู้ว่ามันอยู่อย่างจากเขาไกลแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เร่งความเร็วในการบินให้สูงสุดเท่านั้น
สิ่งที่ถังเจิ้นกังวลในตอนนี้คือถ้าเขายังไปไม่ถึงตำแหน่งของตัวกินวิญญาณหลังจากที่การ์ดในมือหมดแล้วล่ะก็งานนี้คือเขาได้เสียแรงเปล่าจริง ๆ แล้ว
ความเร็วของราชา 2 ดาวนั้นเป็นอะไรที่เกินจินตนาการ อีกทั้งเขายังมีปีกอันพิเศษกว่าใครซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งที่สุดในระดับเดียวกัน
แน่นอนแหละว่าในโลกโหลวเฉิงมีนักรบเก่ง ๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่ก็ใช่ว่าคนเหล่านั้นจะทำแบบเขาได้ง่าย ๆ!
หากเขาใช้ความสามารถนี้ในการหนีล่ะก็ เกรงว่าคงมีนักรบน้อยคนนักที่ตามทัน!
ถังเจินบินไปจนจะหมดเวลาแล้วฉีกการ์ดใบต่อไปเพื่อแทนที่ใบเก่าโดยที่ยังบินต่อ
หลังจากที่ฉีกการ์ดตามรอยไปเป็นโหลแล้วเขาก็ได้ออกจากพื้นที่แดนร้างซึ่งเมืองเชิ่งหลงตั้งอยู่และเข้าสู่พื้นที่ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
มันเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ บางครั้งจะเห็นโหลวเฉิงขนาดต่าง ๆ บนพื้นแวบผ่านตามรายทาง ซึ่งเผ่าพันธุ์ที่ดูแปลกตารวมไปถึงมอนสเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็มักจะดึงดูดสายตาเขาได้
ในการเดินทางด้วยความเร็วสูงขนาดนี้แม้แต่ร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่มีแรงมากพอที่จะทนบินต่อเนื่องเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงต้องมีการพักเบรกระหว่างทาง โดยเขาตั้งใจเลือกในป่าและลงไปหาพักผ่อนเพื่อฟื้นกำลังกายให้เต็ม
ในช่องเก็บของของเขามีอาหารเก็บไว้เป็นกระบุงโกย ดังนั้นเขาไม่ต้องเสียเวลาล่าสัตว์มาทำอาหาร แค่เอาอาหารสำเร็จรูปมาอุ่นให้ร้อนแล้วกินได้เลย
ถังเจิ้นเอาเนื้อปรุงสุกออกมาถือไว้แล้วเรียกลูกไฟออกมาเผาให้มันร้อนจนกลินหอมฉุย
ความร้อนของไฟที่เขาใช้นั้นเขาควบคุมได้ดั่งใจ แปลว่าเนื้อจะสุกพอดีโดยไม่มีรองไหม้และเดือดไปด้วยไขมันสีเหลืองทองที่หอมน่ากิน
เพียงแค่ไม่นานเนื้อนั่นก็ร้อนได้ที่ส่งกลิ่นชวนน้ำลายแตก
เสร็จแล้วก็เอาเนื้อวางบนจานก่อนจะระเบิดเปลวเพลิงอันร้อนแรงเผามือตัวเอง อันที่จริงไม่ได้เผามือตัวเองหรอกแต่ขี้เกียจเช็ดมือเลยใช้ไฟเผาคราบมันของเนื้อที่ติดมืออยู่ต่างหาก!
ปัดฝุ่นสองสามแปะแล้วก็หยิบเอาไวน์ผลไม้อันแปลกใหม่ออกมาขวดหนึ่งกิน ๆ ดื่ม ๆ อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินดื่มเสร็จแล้วถังเจิ้นก็พักผ่อนครู่หนึ่งก่อนจะฉีกการ์ดตามรอยอีกใบ