ตอนที่แล้วบทที่ 58 ตระหนักถึงกระแสปราณฟ้าดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 60 ทบทวนและวางแผน

บทที่ 59 ทะเลกว้างกลายเป็นทุ่งร้าง


พอเห็นร่างสีแดงฉานนั้น ข้อมูลมหาศาลก็พลันปรากฏขึ้นในสมองของหลี่ฟาน

พลังฟ้าดิน คือตัวแทนเชิงรูปธรรมของกฎเกณฑ์บางอย่างในฟ้าดิน

เมื่อเงื่อนไขบางอย่างถูกกำหนด พลังฟ้าดินก็จะถือกำเนิดขึ้นมา ปรากฏอยู่ในบางพื้นที่

หากกล่าวว่าฟ้าดินกำเนิดพลังสังหาร กำหนดแผนกำจัดผู้ฝึกเซียน

พลังฟ้าดินก็คือผู้ปฏิบัติการตามแผนโดยเฉพาะ

พวกมันไม่มีความคิดของตัวเอง เพียงแค่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญชาตญาณที่ถูกวางไว้

พวกมันคือตัวแทนกฎเกณฑ์ การสังหารผู้ฝึกเซียนเปรียบเสมือนการฆ่าไก่เชือดแกะ

หน้าที่ของพวกมันคือกำจัดผู้ฝึกเซียนที่กระทำการขัดต่อฟ้าดิน

สำหรับผู้ฝึกเซียนแล้ว พลังฟ้าดินนั้นอันตรายยิ่งนัก

หากถูกจับตามองเมื่อใด ก็มักหมายถึงโศกนาฏกรรมที่หนีไม่พ้นเสมอ

แต่ในขณะเดียวกัน...

ในฐานะร่างสมมติของวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ฝึกเซียนแล้ว พลังฟ้าดินยังหมายถึงโอกาสครั้งสำคัญ

หรือที่เรียกว่า การบูชาพลังฟ้าดินเพื่อกลมกลืนกับเต๋า

หากผู้ฝึกเซียนผู้ใดสามารถหลอมรวมพลังฟ้าดินได้สักดวง ไม่ว่าจะมีขั้นการฝึกฝนเช่นไรมาก่อน ก็จะสามารถบรรลุขั้นผสานเต๋าได้ในทันที

พลังฟ้าดินคือศัตรูตัวฉกาจของผู้ฝึกเซียน แต่ก็มีแรงดึงดูดที่ยากจะหักห้ามใจเช่นกัน

ในตอนนี้ ครั้นได้เห็นพลังฟ้าดินซีเยี่ยน ความโลภอยากมหาศาลก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของหลี่ฟาน

"กินมันซะ! กินมันเข้าไปก็จะหยั่งรู้วิถีเต๋าได้ กินมันเข้าไปก็จะบรรลุอย่างปาฏิหาริย์ได้!"

ราวกับคนที่กำลังจะอดตายได้เจอของกินอันโอชะ ราวกับนักเดินทางที่ต้องเร่ร่อนในทะเลทรายหลายวันหลายคืนได้พบทะเลสาบใสสะอาด

ความโลภนั้นดุจกระซิบของปีศาจ คอยบอกกล่าวหลี่ฟานไม่หยุดหย่อน

ชักจูงยั่วยวนให้เขาพุ่งตรงไปหาร่างสีแดงฉานบนฟ้านั่น

หลี่ฟานค่อยๆ คลายความร้อนแรงที่แผ่ออกมาจากไข่มุกทะเลกว้าง พร้อมกับเปล่งบริกรรมคาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวงอย่างบ้าคลั่ง เพื่อระงับความโลภที่กำลังไหลบ่าอยู่ในใจ

ในใจเขารู้ดีว่า ตัวเขาตอนนี้สามารถมองเห็นพลังฟ้าดินซีเยี่ยนได้เป็นเพราะอาศัยไข่มุกทะเลกว้าง

ในสายตาของซีเยี่ยน หลี่ฟานก็เป็นเพียงจิตสำนึกของทะเลกว้างที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่านั้น ดังนั้นแม้จะรับรู้ถึงสายตาของหลี่ฟาน ก็เพียงแค่ชายตามองแวบเดียวแล้วไม่สนใจอีก

แต่หากหลี่ฟานเสียสติไปชั่วขณะ พุ่งเข้าจู่โจมซีเยี่ยน เผยตัวตนที่แท้จริงของผู้ฝึกเซียน มันจะต้องสังหารเขาอย่างไร้ความปรานีแน่นอน

สติและความปรารถนาฉีกกระชากวิญญาณของหลี่ฟาน

ความคิดที่ตรงกันข้ามสุดขั้วราวกับจะบีบขยี้จิตใจของเขาให้แตกกระจาย

หลี่ฟานอาศัยเพียงการฝืนฝนบริกรรมคาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวงต่อไปอย่างยากลำบาก เพื่อรักษาหัวใจเต๋าไว้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด พายุความโลภจึงค่อยๆ สงบลง

หลี่ฟานใจหวิวหวาด ไม่กล้าสอดส่องอะไรอีก

ครั้งนี้ได้เข้าใจชะตาฟ้า แต่ยังคงรักษาจิตสำนึกให้สว่างไสวได้ นับเป็นโชคดีอย่างหาที่สุดมิได้แล้ว

หลี่ฟานเข้าใจบางอย่างในใจ คิดจะถอนจิตสำนึกออกจากไข่มุกทะเลกว้าง กลับคืนสู่ร่างกายของตนเอง แต่กลับพบว่าเป็นเรื่องน่าอึดอัดยิ่งนัก

ที่แท้กว่าจะกำจัดความโลภที่เกิดจากพลังฟ้าดินได้นั้น หลี่ฟานต้องใช้เวลาไปเกือบครึ่งปี!

เขาเชื่อมโยงจิตสำนึกของตนกับไข่มุกทะเลกว้างเป็นเวลานานเกินไป เกินขีดจำกัดที่ผู้ฝึกเซียนระดับฝึกปราณจะรับได้แล้ว

ตอนนี้จิตสำนึกของเขายังเชื่อมต่อกับไข่มุกทะเลกว้างก็ยังพอไหว แต่หากกลับสู่ร่างกายไป คงใช้เวลาไม่นานก็คงจะแก่ชราและสิ้นใจตาย

เพียงแค่มองแวบเดียว ผลกระทบที่ตามมาก็น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้

กลัวว่าการฝึกฝนในชาตินี้คงจะต้องจบลงเพียงเท่านี้แล้ว

แม้หลี่ฟานจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียใจแต่อย่างใด

เขารู้ความจริงเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของทะเลชงอวิ่น ได้เห็นพลังฟ้าดินซีเยี่ยน หยั่งรู้ถึงความลับสวรรค์อย่างแท้จริง

สิ่งที่หลี่ฟานได้มานั้นนับว่ามากมายเหลือเกิน

ถึงแม้ชาตินี้จะจบลงในตอนนี้ เขาก็ยอมรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ได้ต้องการที่จะเรียกใช้【หวนเจิน】ในตอนนี้ จบชีวิตในชาตินี้เสียด้วย

ในเมื่อมาแล้วก็ต้องปล่อยวาง ยังไงจิตสำนึกของเขาก็ถูกกักอยู่ในไข่มุกทะเลกว้างอยู่แล้ว จะใช้โอกาสครั้งนี้หยั่งรู้กระแสปราณแห่งฟ้าดินอีกครั้งก็คงจะดี

ตราบใดที่เขาไม่โง่ไปสอดส่องพลังฟ้าดินอีก แค่เพียงหยั่งรู้กระแสปราณนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ตอนนี้อายุขัยของร่างกายเขาหมดลงแล้ว จิตสำนึกไร้ซึ่งร่างกายหล่อเลี้ยง เหมือนน้ำที่ไม่มีต้นกำเนิด ต้นไม้ที่ไม่มีรากฐาน จะถูกสลายไปในไข่มุกทะเลกว้างทีละน้อย

ตามที่หลี่ฟานคาดคะเนไว้ อย่างมากก็น่าจะอยู่ได้แค่ราวสิบกว่าปี

หากใช้เวลาช่วงนี้ให้คุ้มค่า ต่อให้ไม่ได้อะไรมากมาย ก็คงจะได้ประโยชน์บ้าง

หลี่ฟานเรียกพลังบริสุทธิ์แห่งไข่มุกทะเลกว้างออกมานิดหน่อย ปกป้องร่างกายตนเองไม่ให้เน่าเปื่อยผุพัง

จากนั้นจิตสำนึกของเขาก็จมดิ่งเข้าไปในมุมมองของไข่มุกทะเลกว้างอีกครั้ง

เขามองการหมุนเวียนของกระแสปราณแห่งฟ้าดิน เขามองการขึ้นลงของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และหมู่ดาว

เขาเห็นชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในทะเลชงอวิ่นค่อยๆ ดับสูญไปทีละนิด

เขารับรู้ถึงพลังสังหารอันเย็นชาสงบนิ่ง ดำรงนิรันดร์ในฟ้าดิน

เพียงพริบตา ก็ผ่านไปถึงห้าปี

ในการหมุดยึดครบ 40 ปี ทะเลชงอวิ่นแห้งขอดสิ้นเชิง กลายเป็นแดนมรณะอย่างแท้จริง

มีเพียงเกาะไท่อันที่ได้รับการคุ้มครองจากหลี่ฟาน ที่ยังมีผู้คนจำนวนไม่มากพอรอดชีวิตอยู่

วันหนึ่ง หลี่ฟานพลันรู้สึกสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เงยหน้ามองท้องฟ้า

ร่างสีแดงฉานที่เคยตั้งตระหง่านอยู่บนฟ้าตลอดสิบกว่าปีนั้น ในที่สุดก็หายวับไปแล้ว

ภารกิจของมันสำเร็จลุล่วงแล้ว มันจึงสลายตัวไปโดยธรรมชาติ

ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่า มันจะกลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อใด ณ ที่ใดในพิภพเซียน

หลี่ฟานจ้องมองไปยังทิศทางที่ซีเยี่ยนหายลับไป จิตวิญญาณของเขาจมดิ่งลงสู่ไข่มุกทะเลกว้างอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป จิตสำนึกของหลี่ฟานยิ่งแผ่วเบาลง

ความคิดก็ช้าลงมากกว่าเดิม

ราวกับสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองไปแล้ว สามารถแต่เพียงมองดูท้องฟ้าด้วยมุมมองของไข่มุกทะเลกว้างอย่างเงียบๆ

ในปีที่สองหลังจากที่ซีเยี่ยนหายไป ผู้ฝึกเซียนในชุดเกราะสีเขียวสองสามคนมาถึงทะเลชงอวิ่น

พวกเขาร่ายคาถาเวทย์ต่างๆ ในที่สุดสายฝนที่ทุกคนคิดถึงก็ตกลงมาจากฟากฟ้า

ต่อมา ผู้ฝึกเซียนจำนวนมากขึ้นก็เดินทางมาถึง

แสงสีเขียวสว่างวาบบนพื้นท้องทะเลที่เหือดแห้ง

พืชพรรณที่แสดงถึงสัญญาณชีวิตปรากฏขึ้นบนผืนดิน

สายลมอ่อนโบกพัด ต้นไม้ก็ผลิใบขึ้นจากพื้นดิน

ในเวลาไม่ถึงปี ผืนดินแตกระแหงที่ผ่านมาก็กลับมาเขียวขจีชุ่มชื้นอีกครั้ง

ภาพที่ซีเยี่ยนเคยเผาผลาญทะเลเมื่อไม่นานมานี้ ราวกับฝันร้ายที่ค่อยๆ จางหายไป

ทะเลชงอวิ่นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นเทือกเขาชงอวิ๋น

เมืองที่ลอยอยู่บนฟ้าเริ่มก่อสร้างขึ้นเหนือเทือกเขาชงอวิ๋น

หลังจากสร้างเสร็จ ก็ดึงดูดให้ผู้ฝึกเซียนทั่วทุกสารทิศแห่แหนกันมา

เทือกเขาชงอวิ๋นจึงยิ่งคึกคักขึ้นเรื่อยๆ

บางครั้งมีผู้ฝึกเซียนได้ยินชื่อเสียงแล้วเดินทางมาเยี่ยมชมเกาะเดียวที่รอดพ้นจากภัยพิบัติไฟไหม้ พยายามตามหาโอกาสดีๆ

แต่ด้วยการปกปิดตามสัญชาตญาณของหลี่ฟาน พวกเขาจึงไม่พบสิ่งใดเลย

ในปีที่ 48 แห่งการหมุดยึด ผู้ฝึกเซียนขั้นสร้างฐานผู้หนึ่งกลับมายังทะเลชงอวิ่นอีกครั้ง

เขามาถึงเกาะหลิ่วหลี่ในอดีต ที่ปัจจุบันคือภูผาหลิ่วหลี่ สีหน้าเศร้าสร้อยอย่างยิ่ง

กระแสจิตของหลี่ฟานที่อยู่ไม่ไกลกวาดผ่านไป เห็นเหตุการณ์นี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้

คนผู้นี้ หลี่ฟานรู้จักดี

เขาคือจางห่าวโป๋ ผู้ที่เคยตัดสินใจอพยพออกจากทะเลชงอวิ่นเพราะความกังวลในใจ

หลายสิบปีผ่านไป ไม่รู้ว่าเขาผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ถึงกับกลายเป็นผู้ฝึกเซียนขั้นสร้างฐานได้

ภาพชีวิตชาตินี้ผุดขึ้นในความคิดของหลี่ฟานอย่างรวดเร็ว จิตของเขากำลังจะสลายไปแล้ว

ก่อนที่จะดับสูญไปโดยสมบูรณ์ จิตสำนึกของหลี่ฟานก็หวนกลับสู่ร่าง

หลังผ่านการหยั่งรู้กระแสปราณแห่งฟ้าดินมานานกว่าสิบปี คอขวดที่ขวางกั้นการทะลุทะลวงขั้นของหลี่ฟานก็พลันสลายลง

ปราณวิญญาณแห่งฟ้าดินไหลบ่าเข้ามา ขั้นการฝึกฝนของหลี่ฟานก็ทะยานไปสู่ฝึกปราณระดับสูงในฉับพลัน

รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของหลี่ฟาน แล้วค้างอยู่เช่นนั้น

ร่างกายของเขาเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว พอสายลมพัดผ่านก็กลายเป็นผงธุลีไปในพริบตา

เหลือไว้แต่เพียงโครงกระดูก นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น

"หวนเจิน!"

ก่อนที่ทุกอย่างจะมลายหายไป หลี่ฟานร้องเรียกในใจ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด