ตอนที่แล้วบทที่ 57 โอกาสมาถึงอย่างฉับพลัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 ทะเลกว้างกลายเป็นทุ่งร้าง

บทที่ 58 ตระหนักถึงกระแสปราณฟ้าดิน


หลี่ฟานถูกจำกัดอยู่ที่ขั้นฝึกปราณระดับกลางมาหลายปีแล้ว ไม่อาจก้าวหน้าต่อไปได้

หลังจากฝึกวิชายุทธ์ทั้งสองจนถึงขั้นฝึกปราณระดับกลาง ก็ยังหาโอกาสเฉพาะตัวไม่พบ

ยามนี้ หลี่ฟานมองไปยังหยกงามหลิ่วหลี่ กลับรู้สึกถึงโอกาสในการข้ามด่านอย่างไม่ทันคิด

นั่นก็คือการใช้จิตมาสัมผัสเพื่อรับรู้หยกงามหลิ่วหลี่ ดั่งครั้งก่อน

หลี่ฟานเองก็รู้ชัดดีว่านั่นคืออันตรายร้ายกาจสักเพียงใด เหมือนกับการเลือกตาย

บันทึกของผู้ฝึกเซียนใน《บันทึกการฝึกฝนวิเศษ》เคยกล่าวถึงผู้ที่สัมผัสโอกาสเฉพาะตนบ่อยครา

แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็แน่นอนว่ายังมีโอกาสอยู่คู่กัน

เหตุใดครั้งก่อนจึงไม่สัมผัสได้ แต่ยามนี้กลับรู้สึกถึงมันขึ้นมาในฉับพลัน

หลี่ฟานนึกออกในทันใด

《คาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวง》

บางทีการปฏิบัติตาม《คาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวง》อาจจะช่วยหลี่ฟานต้านทานอำนาจของหยกงามหลิ่วหลี่ที่จะครอบงำเขาได้

เมื่อตัดสินใจแล้ว

หลี่ฟานประสานมือรองรับหยกงามหลิ่วหลี่ ชี้ไปยังตำแหน่งตันเถียน

นั่งขัดสมาธิ《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》และ《คาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวง》หมุนวนพร้อมกัน

ช่วงแรก การใช้สองสิ่งนี้พร้อมกันทำให้หลี่ฟานรู้สึกไม่ค่อยชิน

แต่คาถาหล่อหลอมจิตไม่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของปราณวิญญาณ เพียงแต่ฝึกฝนจิตวิญญาณ ดังนั้นสองวิชาจึงไม่ขัดแย้งกัน

หลังจากลองพยายามอยู่หลายร้อยครั้ง หลี่ฟานในที่สุดก็เริ่มจับทางได้ในการใช้สองวิชาพร้อมกัน

จิตใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดังกลับกลายเป็นทะเลอันกว้างใหญ่อีกครั้ง มองดูโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

ดวงอาทิตย์ผงาด ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อย ดาวพร่างพรายเรียงระย้า เมฆลอยฝนเทลงมา

ทุกสิ่งทุกอย่างเร่งความเร็วขึ้นคูณพัน แวบผ่านสายตาของหลี่ฟานเร็วปานสายฟ้า

เพียงความคิดเดียว ก็ราวกับผ่านไปนานนับร้อยปี

กลิ่นอายแห่งความเก่าแก่ ล่วงเลยมานาน แผ่กระจายอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ เกาะกุมสติของหลี่ฟาน

เขาเริ่มคุ้นชินกับการมองโลกผ่านสายตาของท้องทะเล

เขาเริ่มลืมตัวตนของตนเองไปทีละน้อย

แต่แล้ว กระแสปราณเย็นฉ่ำอันหนึ่งก็พลันพุ่งทะลักขึ้นมา

ดั่งสายธารในป่า ล้างร่องรอยของกาลเวลาอย่างเชื่องช้า

หลี่ฟานก็ค่อยๆ ได้สติคืนมา

"ได้ผลจริงๆ ด้วย"

แม้คาดเดาถูก แต่หลี่ฟานก็ไม่ได้ดีใจหรือเสียใจอะไร

ถึงแม้คาถาหล่อหลอมจิตเสวียนหวงจะช่วยลดอิทธิพลที่หยกงามหลิ่วหลี่มีต่อเขาได้ระดับหนึ่ง แต่เทียบกับอำนาจของหยกงามหลิ่วหลี่แล้ว ตัวเขาก็ยังคงเล็กน้อยเกินไป

แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบ

การสูญเสียอายุขัยของเขายังคงเร็วกว่าการฝึกฝนปกติหลายเท่า ความรู้สึกของมนุษย์อย่างความรัก ความโกรธ ความเศร้า ความสุขก็ถูกทำให้จางลงไปไม่รู้จบสิ้น

แต่ก็มีผลดีอยู่บ้างเหมือนกัน

ตอนนี้เขาสามารถสั่งการพลังของหยกงามหลิ่วหลี่ได้บางส่วนแล้ว

จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นพันเท่า เพียงแค่สั่งการเบาๆ ก็คลุมทั่วเกาะไท่อันทั้งเกาะได้อย่างง่ายดาย

จิตวิญญาณของเขายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น แผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ ดั่งระลอกคลื่น

เกาะร้างที่ชีวิตดับสิ้นจำนวนมากปรากฏขึ้นในความคิดของหลี่ฟาน

ผ่านจิตวิญญาณ เขาเห็นภูเขาไฟที่เคยดับมอดมานานใต้เกาะแห่งหนึ่ง ได้รับอิทธิพลจากหายนะพายุร้าย จึงคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

เขาเห็นไม่ไกลจากเกาะหลิ่วหลี่ มีโครงกระดูกปลายักษ์นอนอยู่ท่ามกลางศพมนุษย์นับไม่ถ้วน ที่กลางโครงกระดูกปลา มีหยกงามขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งเปล่งประกายในแสงแดด

เขาเห็นในมุมลับตาทุกซอกทุกมุมของทะเลชงอวิ่น ยังมีผู้ฝึกเซียนที่เขาเคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วหลงเหลืออยู่อีกไม่กี่คน

เขาเห็นความลับมากมายของทะเลชงอวิ่นที่ถูกซ่อนเร้นไว้ในยามปกติ และจะปรากฏเฉพาะในยามสิ้นโลกเช่นนี้

...

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป

ในใจของเขาไม่มีความโลภอีกแล้ว

เขารวบรวมจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว สั่งการหยกงามหลิ่วหลี่ ควบคุมไอน้ำที่เหลืออยู่ในทะเลชงอวิ่นให้มารวมตัวกันเหนือเกาะไท่อัน

ดังนั้น ผู้รอดชีวิตบนเกาะไท่อันจึงเห็นเมฆดำค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า

"ฟ้าร้อง!"

เมื่อสายฝนตกลงมา ผู้คนโห่ร้องด้วยความปีติยินดี

พวกเขาสวมกอดกันและกลิ้งเล่นกันไปมาท่ามกลางสายฝน

ฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม

เมฆเหนือเกาะไท่อันยังคงเหลือเค้าโครงอยู่บางเบา ไม่ได้หายไปจนหมด

นี่คือการจัดการของหลี่ฟาน ห่างกันครึ่งเดือนจะดึงไอน้ำจากหยกงามหลิ่วหลี่มาให้เกาะไท่อันตกฝนหนึ่งครั้ง

เพื่อรับประกันการเอาชีวิตรอดของมนุษย์บนเกาะ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หลี่ฟานก็จ้องมองท้องฟ้าอย่างเงียบงัน

ที่เขาไม่โลภในความลับและขุมทรัพย์มากมายในทะเลชงอวิ่น ไม่ใช่เพราะหลี่ฟานกลายเป็นคนเหนือโลกหรืออะไร แต่เป็นเพราะเขาได้พบสิ่งที่ควรค่าแก่การแสวงหามากกว่า

นั่นคือโอกาสในการสัมผัสกับพลังฟ้าดิน

ตามทฤษฎีของ《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》 สภาวะในอุดมคติที่สุดของวิชานี้ก็คือการรับรู้และหลอมรวมกระแสปราณฟ้าดิน

กระแสปราณฟ้าดินในฐานะการแสดงออกภายนอกของพลังฟ้าดิน มันใหญ่โตและไร้ขอบเขตอย่างยิ่ง

ผู้ฝึกเซียนทั่วไปที่สัมผัสกับมัน หากพลั้งเผลอแม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็จะเป็นเช่นกับหลี่ฟานครั้งก่อน อายุขัยจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่การสูญเสียจิตสำนึกของตัวเอง กลายเป็นเพียงเครื่องมือของฟ้าดิน ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา

แต่ตอนนี้ หลี่ฟานกลับมีโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ เขาสามารถสัมผัสพลังฟ้าดินได้ โดยยังคงรักษาสติของตัวเองไว้ได้

เพราะตอนนีี้ เขาไม่ใช่แค่ผู้ฝึกเซียนขั้นฝึกปราณธรรมดาอีกต่อไป

ส่วนหนึ่งของจิตสำนึกของเขาเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับหยกงามหลิ่วหลี่

หากผู้ฝึกเซียนใช้ตนเองคาดเดาฟ้าดิน นั่นเป็นแค่การเลือกเส้นทางแห่งความตาย

แต่หากใช้ทะเลคาดเดาฟ้าดิน นั่นอาจยังมีหนทางให้มีชีวิตอยู่รอดก็เป็นได้

ในใจของหลี่ฟานเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอย่างลึกซึ้ง

นี่ต่างหากคือการได้ยินเต๋าตอนเช้า ตายตอนเย็นก็คุ้มแล้ว*!

*หมายถึง หากได้เข้าใจหลักธรรมแม้เพียงเช้าเดียว ตายตอนเย็นก็ไม่เสียดาย

เขาใช้ร่างกายสมมติเป็นทะเล จ้องมองฟ้าดินอย่างเงียบงัน สัมผัสถึงไอปราณต่างๆ ที่ไหลเวียนและหมุนวนในฟ้าดิน สัมผัสถึงเจตจำนงของฟ้าดิน

หนึ่งปี สองปี ...

การผ่านไปของเวลาไม่สำคัญอีกต่อไปสำหรับหลี่ฟาน

ยิ่งจ้องมองท้องฟ้ามากเท่าไหร่ ความเข้าใจของเขาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเท่านั้น

มุมมองต่างๆ ที่เขาเคยมีก่อนหน้าก็ถูกเขาล้มล้างทิ้งไปทั้งหมด

เขาเคยเข้าใจว่าพลังสังหารที่แผ่กระจายอยู่ทั่วทะเลชงอวิ่นกำลังค่อยๆ จางหายไป

แต่ตอนนี้เขาพบความจริงว่า พลังสังหารในฟ้าดินไม่เคยลดลงเลย ยังคงอยู่และดำรงอยู่เหมือนเดิม

สิ่งที่หลี่ฟานเคยสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ พลังสังหารอันดุร้ายป่าเถื่อนเหล่านั้น ไม่ใช่ของฟ้าดินแท้ๆ เลย

พลังสังหารที่แท้จริงของฟ้าดิน มนุษย์ผู้ฝึกเซียนไม่มีทางได้สัมผัสเลย

มันจะไม่ดุดันถึงเพียงนั้น ไม่โกรธเคืองขนาดนั้น ไม่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมายเช่นนั้น

มันเป็นเพียงความตั้งใจบริสุทธิ์ กฎเกณฑ์บริสุทธิ์

ฟ้าดินไร้เมตตา มองสรรพสิ่งเป็นเพียงเศษหญ้าเศษฟาง

ฟ้าดินจะทำลายเจ้า แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเจ้า

ภายใต้พลังฟ้าดิน ทุกสิ่งเป็นเพียงมดปลวก

มนุษย์ ผู้ฝึกเซียน ทะเล...

ในสายตาของพลังฟ้าดิน ไม่มีความแตกต่างใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้ฝึกเซียนแย่งชิงพลังฟ้าดิน จึงถูกพลังสังหารของฟ้าดินกำเนิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม พลังฟ้าดินไม่ได้ลงมือโดยตรง เพราะผู้ฝึกเซียนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดิน

กฎต่างๆ ถูกสร้างขึ้น เพื่อประสานเข้ากับพลังสังหารของฟ้าดิน

เปรียบเสมือนการที่ผู้ฝึกเซียนไม่สามารถฝึกฝนพลังเซียนมากกว่าหนึ่งวิชา

และเหมือนกับ...

สิ่งที่หลี่ฟานกำลังเห็นในเวลานี้

เหนือทะเลชงอวิ่น ร่างสีแดงฉานแบบโปร่งแสงร่างหนึ่งกำลังจ้องมองลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา

ในมือของมัน มีเปลวไฟเล็กๆ กระพริบไหวไม่หยุด

เผาลนไปทั่วทะเลชงอวิ่น

สัมผัสได้ถึงการจ้องมองของหลี่ฟาน ร่างสีแดงฉานหันหน้ามา

เขาและหลี่ฟานสบตากัน

น้ำในหยกงามหลิ่วหลี่พลันเดือดพล่านในชั่วพริบตา

โชคดีที่มันเพียงแค่มองมาที่หลี่ฟานเพียงแวบเดียว แล้วก็ละสายตาไป

จิตสำนึกของหลี่ฟานจึงได้รับการไว้ชีวิต

และเพราะการมองมาที่หลี่ฟานเพียงชั่วแวบนี้เอง ที่ทำให้หลี่ฟานรับรู้ถึงตัวตนของมันได้

พลังฟ้าดิน: เยี่ยม!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด