ตอนที่แล้วบทที่ 278: กลับเป็นเฟิ่งกวนเสียเพ่ยเลเวล 3!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 280: เสี่ยวฉินได้รับความนิยมอีกครั้ง! ผู้กำกับเป็นหนี้เสี่ยวฉินเป็นพระเอก!

บทที่ 279: ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์! สวยเกินไปแล้ว!


การแต่งงานเป็นเหตุการณ์สำคัญทั้งชีวิตสำหรับผู้หญิง

ฉินหลินรู้ว่าเขาเป็นหนี้จ้าวโม่ชิงมาก  และการถ่ายพรีเวดดิ้งนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น  หลังจากที่สร้างคฤหาสน์เสร็จแล้วเขาก็จะใช้ที่นั่นเป็นสถานที่จัดงานแต่งกับเธอด้วยเลย

แต่ก่อนหน้านั้นต้องให้แม่เขาไปสู่ขอเธออย่างเป็นทางการที่ตระกูลจ้าวก่อน  ‘สามสื่อหกพิธี’1  อย่าให้ขาดตก  หลังจากนั้นค่อยรับตัวเธอมาจากตระกูลจ้าวอีกครั้งแบบถูกต้องตามประเพณี

ตอนนั้นแร่หยกที้งหลายที่เขาเก็บไว้เป็นลัง ๆ จะถูกขนออกมาใช้  เครื่องประดับทุกชนิดที่ให้ NPC เซบาลาทำให้ต้องเป็นของดีที่สุด

ซึ่งก่อนจะเอาให้เซบาลาทำก็ต้องหานักออกแบบเจ๋ง ๆ ซะก่อน

และถ้าหากเอามาใช้สำหรับงานแต่งแล้วรูปแบบทั้งหมดก็ไม่ควรซ้ำกัน

หลังจากส่งจ้าวโม่ชิงกลับไปที่ห้องทำงานของเธอแล้วฉินหลินก็ออกจากบ้านไร่อีกครั้งโดยไปที่โกดังเช่า  จากนั้นก็เอาดินวิเศษออกมา 2 กระสอบกับน้ำพุแห่งผืนโลกที่เหลือ

เมื่อกลับมาที่บ้านไร่แล้วเขาก็โทรเรียกอวี้สุ่ยให้มาหาและสั่งว่า “ผู้จัดการอวี้  ไปหาคนมาช่วยผสมดินพิเศษสองกระสอบนี่กับน้ำแล้วเอาไปรดที่ทะเลดอกไม้รวมหน่อย”

“ดินพิเศษที่ศาสตราจารย์หลี่ไข่ทำอีกแล้วใช่มั้ยครับเถ้าแก่” อวี้สุ่ยมองดูดินพิเศษสองกระสอบแล้วถาม

“ถ้างั้นผมเอาตามสูตรที่เคยทำให้ศาสตราจารย์หลี่ไข่ก่อนหน้านี้ได้เลยใช่มั้ยครับ”

“อาฮะ  เอาแบบนั้นแหละ” ฉินหลินไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวมันจะหายเนียน  แค่โบ้ยไปให้พี่หลี่เหมือนเดิมก็พอ  และที่สำคัญคือเรื่องนี้เป็นการแสดงเพื่อใช้ปกปิดการมีอยู่ของน้ำพุแห่งผืนโลก

ทว่าช่วงนี้พี่หลี่เอาแต่กักตัวทำงานวิจัยพันธุ์พืชในอุณหภูมิต่ำของตัวเองไปอย่างเมามันจนไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย

ดูเหมือนว่าหลังจากส่งคำร้องขอประเมินเป็นศาสตราจารย์แล้วพี่หลี่ก็ปิ๊งไอเดียอะไรขึ้นมาได้ซึ่งเป็นความคิดนอกกรอบแต่ยังอยู่ในขอบเขตงานวิจัยของตน

“ได้ครับเถ้าแก่” อวี้สุ่ยไม่ถามอะไรต่อและขนดินวิเศษทั้งสองกระสอบไปที่ทะเลดอกไม้รวมด้วยตัวคนเดียว

เนื่องจากเขาเคยทำงานนี้ให้หลี่ไข่มาก่อนเลยชินมือแล้ว  เขาสั่งให้ลูกน้องไปขนเครื่องไม้เครื่องมือมาให้และขุดบ่อเติมน้ำ  ผสมดินลงไปจากนั้นก็พาคนเอาน้ำนั้นไปรดต้นไม้ในทะเลดอกไม้รวม

ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนฉินหลินก็ได้รับรายงานว่าอวี้สุ่นรดน้ำเสร็จแล้ว

นอกจากนี้เขาได้ ‘บังเอิญ’ เอาถังน้ำพุแห่งผืนโลกไปที่ส่วนที่ตั้งของถังเก็บน้ำและเทมันลงในถังเก็บน้ำส่วนของทะเลดอกไม้รวม

เสร็จแล้วเขาก็เปิดระบบรดน้ำเพื่อให้น้ำที่มีน้ำพุแห่งผืนโลกผสมอยู่ได้รดลงไปทั่วทั้งพื้นที่ของทะเลดอกไม้รวมแบบเนียน ๆ และไม่มีใครสังเกตเห็นความมีพิรุธ

วันต่อมา

หลังจากที่ฉินหลินโหลดของจากเกมมาส่งบ้านไร่แล้วเขาก็รีบไปเช็กดูที่ทะเลดอกไม้รวมก่อนเลย

แน่นอนว่าเขาไม่ได้หัวดีขนาดที่จะจำสภาพของเมื่อวานนี้ได้ทั้งหมด  แค่โฟกัสกับพวกที่พึ่งปลูกใหม่เป็นพิเศษเท่านั้น

พวกมันได้น้ำพุแห่งผืนโลกไปคืนหนึ่งแล้ว  ต้นที่ปลูกใหม่ในวันนี้แข็งแรงกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัดซึ่งโตไวเกินว่าวงจรชีวิตโดยปกติมาก

ตลอดทั้งสัปดาห์ฉินหลินได้มาคอยเทียวเช็กเทียวชมทะเลดอกไม้รวมทุกวัน  และพวกมันก็มีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเหมือนเดิมคือโตโคตรเร็วในทุก ๆ วัน

เพียงสัปดาห์เดียวทะเลดอกไม้รวมได้ดูแตกต่างไปจากเดิมคนละเรื่อง  ตรงที่แต่เดิมจะเห็นว่ามีการออกดอกเป็นกระจุก ๆ หย่อม ๆ ในหลาย ๆ บริเวณ  แต่ตอนนี้มันออกดอกบานสะพรั่งละลานตาครอบคลุมไปทั่วทุกที่จนดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

อวี้สุ่ยเองก็พาคนมาเช็กดูเหมือนกันและแน่นอนว่าต้องพบความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนเช่นกัน

แต่ด้วยประสบการณ์ที่เคยเห็นในทุ่งหญ้ามาก่อนทำให้เขาไม่กระโตกกระตากอะไร

ก็นะ  ดินในกระสอบเหล่านั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นของที่ศาสตราจารย์หลี่ไข่ทำขึ้นนี่หว่า

ที่บ้านไร่ชิงหลินแห่งนี้ทุกคน ๆ ต่างรู้ดีว่าอย่าได้ริอาจตั้งคำถามกับกับสิ่งที่ศาสตราจารย์หลี่ไข่สร้างขึ้น

มาว่ากันต่อเรื่องน้ำพุแห่งผืนโลก  เนื่องจากมีปริมาณที่จำกัดทำให้พืชต้องแบ่ง ๆ กันไป  และปริมาณที่พืชสามารถดูดซับได้ก็มีจำกัดจึงไม่สามารถเติบโตได้อย่างไม่สิ้นสุดเหมือนที่หวังไว้ได้

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 10 วันพวกพืชที่ปลูกก่อนจะโตก่อนจนสุดท้ายก็หยุดโต  จะมีเพียงพวกที่ปลูกทีหลังเท่านั้นที่ยังคงโตต่อได้เนื่องจากยังโตไม่เต็มที่

ซึ่งต้นไม้พวกนี้ในที่สุดก็ไปหยุดโตตอนประมาณวันที่ 15 และสภาพของพวกมันก็แตกต่างจากครึ่งเดือนก่อนโดยสิ้นเชิง

ด้วยน้ำพุแห่งผืนโลกเลยทำให้ตอนนี้พืชทั่วทั้งทะเลดอกไม้รวมโตเต็มที่และงดงามมาก  ถือว่าเป็นทะเลดอกไม้รวมที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว

เมื่อฉินหลินเห็นว่าทะเลดอกไม้รวมสมบูรณ์แบบแล้วเขาก็หาเวลาไปยังอาคารเศรษฐกิจและการค้าโหยวเฉิง

อาคารเศรษฐกิจและการค้าเป็นอาคารสำนักงาน

ด้วยการพัฒนาของอำเภอทำให้มีบริษัทขนาดเล็กจำนวนมากมาตั้ง  ดังนั้นจึงเกิดอาคารประเภทนี้ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการ

แม้ว่าจะไม่ดีเท่าอาคารสำนักงานในเมืองแต่มันก็มีขนาดที่ไม่ใช่เล็ก ๆ โดยมีบริษัทชั้นนำในอำเภอมาเช่าพื้นที่ทำเป็นสำนักงาน

บริษัทวางแผนโฆษณา ‘เชียนสี่โปรดักชัน’ ของฉินเหรินที่อาศัยสัญญาระยะยาวกับบ้านไร่ชิงหลินจนสามารถพัฒนาตัวเองกลายเป็นบริษัทโฆษณาแห่งแรกในอำเภอโหยวเฉิงเองก็ได้ย้ายออฟฟิศมาที่อาคารแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ฉินหลินมาที่นี่เป็นครั้งแรก

เมื่อมาถึง ‘เชียนสี่โปรดักชัน’ แล้วพนักงานต้องนรับก็จำหน้าได้ทันที

“เสี่ยวฉิน  คุณคือเสี่ยวฉินของบ้านไร่ชิงหลินใช่มั้ยคะ!” พนักงานต้อนรับอุทานเสียงดัง

เหมือนจะเป็นไปตามแผน  เพราะดูท่าเขาคงไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วว่าใครจะรู้ว่าเขาคือเจ้าของบ้านไร่ชิงหลินเวลาออกไปไหนมาไหน

เพราะในตอนนี้ตัวตนของเขาที่ฝังลึกอยู่ในใจคนก็คือฮอร์สเทรนเนอร์เสี่ยวฉินนั่นเอง

“ผมมาหาคุณฉิน  หมายถึงคุณฉินเหรินน่ะครับ” ฉินหลินค่อย ๆ พูด

พนักงานต้อนรับรีบตอบทันทีว่า “งั้นก็รอซักครู่นะจ๊าเสี่ยวฉิน” พูดจบเธอก็รีบยกหูโทรศัพท์สำนักงานโทรไปที่ห้องฉินเหริน

เมื่อปลายสายรับเธอก็บอกไปว่า “คุณฉินค้า  เสี่ยวฉินจากบ้านไร่ชิงหลินมาขอพบค่า”

ในห้องทำงานเมื่อฉินเหรินได้ยินคำเรียกที่แม่สาวแผนกต้อนรับพูดก็งงและถามกลับอย่างไม่รู้ตัว “เสี่ยวฉินเหรอ?  เสี่ยวฉินไหนอะ?”

แล้วก็พึ่งจะนึกออกว่าเสี่ยวฉินก็คือฉินหลิน

เวร  ก็พึ่งจะนึกได้ว่าตอนนี้พี่น้องของตนได้กลายเป็นเสี่ยวฉินไปแล้วนี่เนอะ

ฉินเหรินวางสายแล้วรีบออกจากห้องทำงานทันที “ไงหลินจื่อ  วันนี้มาทำไรเหรอ”

ฉินหลินอธิบายว่า “จำได้มั้ยว่าฉันกะโม่ชิงมีแผนจะถ่ายพรีเวดดิ้ง  เพราะงั้นเลยมาหานายไง”

ฉินเหรินรู้ถึงสถานการณ์ของฉินหลินกับจ้าวโม่ชิงดังนั้นเขาจึงพยักหน้าทันที “ได้เวลาถ่ายพรีเวดดิ้งแล้วสินะ  แบบนี้ต้องฉลองแล้วดิ  เออใช่  บริษัทเราพึ่งจะจ้างช่างภาพอาวุโสมาพอดีเลย  เด๋วฉันให้เขาไปถ่ายให้นายเลยแล้วกัน”

แน่นอนว่าฉินเหรินเองก็เป็นช่างภาพ  แต่เขาก็รู้ถึงฝีมือตัวเองดีว่ายังอีกไกล

ดังนั้นตอนที่ยังเป็นธุรกิจเล็ก ๆ แค่สตูดิโอแคบ ๆ ก็พอแล้วกับตัวเขาที่เป็นช่างภาพคนเดียว  แต่ตอนนี้เขาปีกกล้าขาแข็งแล้ว  ไม่ใช่แค่บริษัทในอำเภอเท่านั้นที่มาใช้บริการ  แม้แต่อำเภอข้างเคียงเองก็ยังมาด้วย  อีกทั้งยังมีหน่วยงานทางภาครัฐมาใช้บริการอีก  ดังนั้นช่างภาพที่ต้องใช้จึงต้องเก่งกว่าตนเอง

‘เชียนสี่โปรดักชัน’ ของพวกเขาไม่สามารถพึ่งพาข้อดีของการเป็นบริษัทที่มีความร่วมมือระยะยาวกับบ้านไร่ชิงหลินเพียงอย่างเดียวตลอดไปได้  ไม่งั้นอีกเดี๋ยวก็คงมีบริษัทอื่นที่เจ๋งกว่าเข้ามาแย่งลูกค้าไปหมดไม่ใช่เหรอ

แบบนั้นบริษัทอื่นโง่หรือเขาโง่กันแน่ล่ะ

“โอเคฝากด้วยนะ  เอาที่นายสะดวกเลย” ฉินหลินยิ้มและบอกได้เลยว่าฉินเหรินเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้

แม่สาวพนักงานต้อนรับที่อยู่ข้าง ๆ กันนั้นได้ยินก็หูผึ่งสิ  เมื่อต่อมเผือกถูกกระตุกแล้วก็เลยโพล่งถาม “เสี่ยวฉินจะแต่งงานเหรอ!  กับเสี่ยวจ้าวเหรอ!”

ฉินหลินเหลือบมองพนักงานต้อนรับและเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่ของอีกฝ่ายแล้วมันก็...  ต้องตอบ “ครับ” ออกไป

“จริงเหรอ!”

พนักงานต้อนรับจ้องเสียวฉินไม่วางตาและพูดกับเขาว่า “ฉันเห็นคลิปตอนเธอถ่ายกับเสี่ยวจ้าวก็รู้สึกแล้วว่าพวกเธอเหมาะสมกันดี  ชาวเน็ตหลาย ๆ คนก็เชียร์ให้พวกเธอได้กันไปเลย  ไม่นึกเลยว่าพวกเธอจะได้กันจริง ๆ นะเนี่ย!”

ฉินเหรินได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า  พวกแทะเม็ดแตงโมจกป๊อบคอร์นพวกนี้ไม่ได้รู้อะไรเลย  เอาแต่ดูแล้วก็คิดกันไปเรื่อยเหมือนดูหนัง

ไม่ได้รู้เลยว่าคู่นี้เขาจดทะเบียนสมรสกันไปตั้งนานแล้ว

จากนั้นเขาก็พูดกับฉินหลิน “ปะหลินจื่อ  ดื่มชากันก่อน  ถ้านายมีอะไรอยากเพิ่มเติมเด๋วไปคุยกะช่างภาพ  ฉันจะได้เตรียมของให้ด้วยเลย”

“เค!” ฉินหลินเดินตามไปที่ห้องทำงานของฉินเหรินและพบกับช่างภาพที่อีกฝ่ายพูดถึงจากนั้นก็บอกถึงความต้องการของตนไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเฟิ่งกวนเสียเพ่ยกับฉีหลินหงผาวนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเตรียมของต่าง ๆ ให้สอดคล้อง  และสไตล์ของภาพที่ต้องเซตกล้องก็ต้องให้มันสอดคล้องกับความวินเทจด้วย

ก็นะ  หากใช้พร็อบสไตล์ดุดันแบบนิวซีแลนด์ก็คงไม่อาจใส่เฟิ่งกวนเสียเพ่ยกับฉีหลินหงผาวได้ใช่มั้ยล่ะ  มันต้องสไตล์โบราณของประเทศเราซี่ถึงจะประณีตและงดงาม

หลังจากอธิบายทุกอย่างให้ช่างภาพฟังอย่างชัดเจนแล้วฉินเหรินไปบ้านไร่พร้อมกับฉินหลินเลยเพื่อจะไปถามความเห็นกับจ้าวโม่ชิงเพิ่มเติม

“เอาตามสามีบอก” เป็นคำตอบของจ้าวโม่ชิง

เรื่องนี้เธอไม่ได้เรื่องมาก  แค่เอาตามสามีเธอก็พอแล้ว  เพราะเธอมั่นใจว่าเขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบมากพออยู่แล้วนั่นเอง

อะไรที่สามารถจัดให้อย่างประณีตเธอจะชอบเสมอ

แล้วสุดท้ายก็นัดเวลาถ่ายกัน  โดยจะมีเวลาในการเตรียมตัวสามวัน  อีกสามวันฉินเหรินจะพาพวกมาที่บ้านไร่ตรงเวลา

หลังจากเห็นฉินเหรินออกไปแล้วจ้าวโม่ชิงก็กอดคอของฉินหลินด้วยท่าทีที่อ่อนโยน “ใจดีจังเลยนะเธอเนี่ย~  หื้ม?”

“แค่ใจดีเองเหรอ?” ฉินหลินยิ้มพร้อมกับกอดเอวเธอพร้อมกับพูดจาหยอกล้อ

“ถ้าเธอรู้ว่าฉันเตรียมเฟิ่งกวนเสียเพ่ยแบบไหนให้ล่ะก็  พระองค์อาจอยากใส่มันจนวันตายเลยก็เป็นได้นะพะยะค่า”

“สวามีของเรานั้นดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวโมชิงพูดจบก็จูบฉินหลินอย่างดูดดื่ม

ฉินหลินก็พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ในเมื่อทรงทราบแล้วว่าข้าพระองค์เป็นคนดีที่สุด  เช่นนั้นคืนนี้พระองค์ควรประทานรางวัลแก่ข้าพระองค์ใช่หรือไม่?”

จ้าวโม่ชิงก็ยิ้มหวานให้ก่อนจะโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหู “เช่นนั้นเราจะร่วมมือกับเจ้าแม้นต้องใช้กระบวนท่าที่น่าอายก็ตาม  แต่เราก็จะให้ความร่วมมือในทุกกระบวนท่าที่เจ้าต้องการ...”

บทสนทนาที่เล่นละครเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนี้ทำเอาเลือดลมสูบฉีดทั้งส่วนบนส่วนล่าง  พลางคิดไปถึงวิดีโอตัวอย่างที่แสดงถึงกระบวนท่ามากมายของคุณครูโอฮาชิที่ก่อนหน้านี้จ้าวโม่ชิงไม่เคยชอบเลย

ดังนั้นจงหมั่นทำดีกับเมียเข้าไว้  เมื่อเมียประทับใจผู้เป็นผัวเองนั่นแหละที่จะได้ประโยชน์ใช่มั้ยล่ะ

............................................................................................

สามวันผ่านไปไวเหมือนตัดต่อ

ที่อาคารบริการเฉพาะของทะเลดอกไม้รวมของบ้านไร่ชิงหลิน  ฉินเหรินกับพรรคพวกจากเชียนสี่โปรดักชันกำลังมือเป็นระวิงกันเลย

ช่างภาพที่พามาด้วยนั้นได้สั่งให้คนเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ถ่ายภาพไปประกอบและเซตค่า

เกาเหยาเหยากับหลินหลานจื่อพาพนักงานบ้านไร่มาตั้งเต็นท์สองหลัง

เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยกำลังจะถ่ายพรีเวดดิ้งกัน  ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้จัดการหญิงอันดับสูงสุดของบ้านไร่แล้วพวกเธอต้องมาช่วยบริการเป็นธรรมดา

เต็นท์ที่ว่านี้หนึ่งคือให้ฉินหลินใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า  ส่วนอีกหนึ่งก็ให้จ้าวโม่ชิง

และตอนนี้

สายตาของจ้าวโม่ชิงได้ถูกกล่องบรรจุภัณฑ์สองใบดึงดูดจนไม่อาจวางตา  หนึ่งในนั้นบรรจุเฟิ่งกวนเสียเพ่ยที่ฉินหลินสั่งตัดให้เธอโดยเฉพาะอยู่

จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าเลยว่าเฟิ่งกวนเสียเพ่ยนั้นหน้าตาเป็นยังไง  ได้ยินแค่จากคำสัญญาของฉินหลินว่าเธอจะต้องตกใจจนอยากใส่มันจนวันตายเท่านั้น  และมันได้ทำให้เธอกระตือรือร้นอยากเปิดกล่องนั้นเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากที่เกาเหยาเหยากับหลินหลานจื่อพาพนักงานบ้านไร่มาตั้งเต็นท์เสร็จแล้ว  ฉินเหรินก็มาพูดกับฉินหลินและจ้าวโม่ชิง “หลินจื่อ  โม่ชิง  พวกนายไปเปลี่ยนชุดได้เลยนะ  เปลี่ยนแล้วเด๋วให้ช่างแต่งหน้ามาแต่งหน้าให้”

เกาเหยาเหยากับหลินหลานจื่อแอบขยิบตาให้กัน

หลินหลานจื่อหยิบกล่องที่ใส่เฟิ่งกวนเสียเพ่ยขึ้นมา  ส่วนเกาเหยาเหยาก็ควงแขนจ้าวโม่ชิง “ปะค่ะพี่โม่ชิง  เด๋วพวกหนูช่วนเปลี่ยนชุดให้น้า”

จริง ๆ แล้วเป็นคำสั่งของฉินหลิน

เพราะเฟิ่งกวนเสียเพ่ยนั้นใส่เองคนเดียวไม่ได้ต้องให้คนอื่นช่วย  โดยเฉพาะทรงผมที่เข้ากับมงกุฎเฟิ่งหวงนั้นหลินหลานจื่อมีฝีมือด้านนี้พอดี

และมีเหตุผลส่วนตัวด้วยคือแม่สองสาวนี้อยากเห็นก่อนใครว่าเฟิ่งกวนเสียเพ่ยที่เถ้าแก่เตรียมไว้ให้เถ้าแก่เนี้ยเป็นยังไงบ้าง

ชุดแต่งงานนั้นเป็นของธรรมดาก็จริงอยู่  แม้แต่เฟิ่งกวนเสียเพ่ยจากโรงงานเองก็ยังหาได้ทั่วไป  แต่ว่าเฟิ่งกวนเสียเพ่ยของแท้นั้นหายากมาก  และยิ่งเป็นของที่เถ้าแก่สั่งตัดเป็นพิเศษให้เถ้าแก่เนี้ยด้วยแล้วย่อมไม่ใช่ธรรมดาชัวร์ ๆ

ฉินหลินสวมฉีหลินหงผาวด้วยตัวเองได้  เขาเอากล่องไม้เข้าไปในเต็นท์ของตนแล้วเปลี่ยนชุดอย่างง่ายดาย

หลังจากที่สามสาวจ้าวโม่ชิง,  หลินหลานจื่อ  และเกาเหยาเหยาเข้าไปในเต็นท์แล้วก็พากันเปิดกล่องที่บรรจุเฟิ่งกวนเสียเพ่ยทันที

เฟิ่งกวนเสียเพ่ยอันงดงามปรากฏสู่สายตาของทั้งสามสาว

ดวงตาที่สวยงามของจ้าวโม่ชิงลุกวาวขึ้นมาทันทีที่ได้เห็น  ทั้งสี  ทั้งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งลวดลายสีทองที่ปักไว้  เธอรู้เลยว่าชุดนี้ตัดมาอย่างประณีตสุดขีดแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมงกุฎเฟิ่งหวงกันงดงามอย่างยิ่งวางถัดจากชุดแต่งงานด้วย  ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง  ลวดลายแกะสลัก  หรือขอบทอง  ทุกอย่างล้วนทำให้เธอต้องตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็น

หลินหลานจื่อหยิบมงกุฎเฟิ่งหวงขึ้นมาดูใกล้ ๆ และเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อ “สี่นี่มันทองคำบริสุทธิ์เลยเชียวนะ!”

“ทองจริงหมดเลยเหรอ!” เกาเหยาเหยาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเมื่อได้ยิน

เธอมองดูมงกุฎเฟิ่งหวงและเริ่มคำนวณด้วยหัวสมองน้อย ๆ

เท่าที่ดูแล้วน่าจะหนักซักเจ็ดแปดร้อยกรัมใช่มั้ยหนิ

ประกอบกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียดช่วงนี้ทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้นเป็นกรัมละ 400 งั้นมงกุฎนี่ก็เกิน 3 แสนเลยดิ!  ใช่มะ?

เถ้าแก่ไม่รวยเกินไปเหรอเนี่ย?

มือของหลินหลานจื่อที่ถือมงกุฎอยู่เริ่มจะสั่น ๆ ขึ้นมา  เพราะเธอกำลังถือมงกุฎเฟิ่งหวงราคา 3 แสนกว่าอยู่ในมือ  ลองใครมาถือดูซิว่าสั่นไม่สั่น

“ด้ายสีทองบนชุดนี่ก็ไม่ใช่ด้ายด้วยมั้ง  น่าจะทำจากทองจริงเหมือนกัน  ใช่มั้ยคะ” เกาเหยาเหยาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลายปักสีทองบนตัวชุด

หลินหลานจื่อตอบอย่างมั่นใจ “ว่าถ้ามงกุฎนี่ทำจากทองจริงล่ะก็  ด้ายนี่ก็ต้องทองจริงด้วยเหมือนกัน!”

จ้าวโม่ชิงฟังสองสาวคุยกันพลางหยิบชุดเฟิ่งกวนเสียเพ่ยขึ้นมากางดู

และเมื่อกางออกดูมันก็เผยให้เห็นความงดงามที่มันมี  ดั่งงานศิลปะอันวิจิตรซึ่งดึงดูสายตาทุกคนไม่ให้ละไปไหน

จ้าวโม่ชิงยิ่งมองก็ยิ่งดีใจ  ดีใจที่ฉินหลินให้ความใส่ใจมาก ๆ และแทบรอสวมใส่มันไม่ไหวแล้ว  เธอให้เกาเหยาเหยากับหลินหลานจื่อช่วยใส่ให้ทันที

เฟิ่งกวนเสียเพ่ยตัวนี้มีชายเสื้อยาวซึ่งงดงามมาก  และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสวมใส่ได้โดยที่ไม่มีคนช่วย

หลินหลานจื่อกับเกาเหยาเหยาก็ช่วยเธอสวมทันที  อีกทั้งหลินหลานจื่อยังช่วยเธอทำผมและจัดทรงอย่างบรรจงเพื่อให้เข้ากับมงกุฎเฟิ่งหวงด้วย

และเมื่อจ้าวโม่ชิงสวมเฟิ่งกวนเสียเพ่ยกับมงกุฎเฟิ่งหวงแล้วทั้งหลินหลานจื่อและเกาเหยาเหยาต่างก็ตกตะลึงไปเลย  ทั้งคู่ต่างก็มีสีหน้าเหลือจะเชื่อ

เพราะจู่ ๆ เถ้าแก่เนี้ยก็เปลี่ยนไปในทันทีที่สวมทั้งสองชิ้นเข้าชุดกัน  เธอสวยมาก  มีเสน่ห์ที่ไม่อาจอธิบายได้ซึ่งดึงดูดทุกคนที่ได้เห็นแม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันอย่างพวกเธอเอง  อีกทั้งยังทำให้ผู้หญิงด้วยกันอย่างพวกเธอต้องรู้สึกต้อยต่ำ

ความโบราณของมันยังให้บรรยากาศพิเศษเหมือนว่าเถ้าแก่เนี้ยเป็นเจ้านายพระองค์หนึ่งจากสมัยโบราณผู้ข้ามกาลเวลามายังยุคนี้  ทำให้พวกเธอต้องเหม่อมองอย่างงุนงง

นี่คือผลของโบนัสคุณสมบัติเสน่ห์ +2, โดดเด่น +2 และวินเทจ +2

ด้วยโบนัสคุณสมบัติเหล่านี้แม้แต่คนขี้เหร่ก็ยังสวยได้  เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงจ้าวโม่ชิงที่สวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หลินหลานจื่อที่เหม่อมองจ้าวโม่ชิงอยู่ได้พูดว่า “นี่เหยาเหยา  ในอนาคตผู้ชายที่จะแต่งกะเธอต้องให้เฟิ่งกวนเสียเพ่ยแบบนี้กะเธอก่อนนะค่อยตอบตกลง”

เกาเหยาเหยาหันขวับมาทันที “พี่หลานจื่อคิดว่าหนูโง่เหรอคะ  ถ้าทำงั้นล่ะก็หนูก็ไม่ต้องแต่งงานกันพอดีสิ”

ปล.

สามสื่อหกพิธี (三书六礼) เป็นพิธีแต่งงานแบบจีนโบราณ

三书 = เทียบ (สื่อ) 3 แบบ : เทียบหมั้น (聘书) เทียบสินสอด (礼书) เทียบเชิญเจ้าสาว (迎书)

六礼 = พิธีทั้ง 6 : ทาบทาม (纳彩) ถามชื่อ (问名) ดูสมพงศ์ (纳吉) หมั้น (纳征) ดูฤกษ์ (请期) รับตัวเจ้าสาว (迎亲)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด