บทที่ 56 เวทนาโปรดปรานมนุษย์
น้ำทะเลรอบๆ ไหลเข้าสู่หลุมดำอย่างต่อเนื่อง ทว่าเมื่อสัมผัสขอบหลุมดำก็กลายเป็นไอน้ำหมด
เนื่องจากอุณหภูมิสูงมากเหนือหลุมดำ อากาศรอบด้านจึงเลื่อนไหวบิดเบี้ยวไปหมด
ภายใต้ม่านหมอกที่ลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อเป็นภาพอัศจรรย์ที่ผสมผสานสีขาวดำ
หลี่ฟานควบคุมเรือไท่เหยียนอยู่กลางอากาศ มองดูฉากตรงหน้า แล้วรู้สึกสิ้นหวังอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เกาะหมื่นเซียน... มันหายไป เหมือนไม่เคยมีอยู่จริง?
ฉากต่างๆ ที่เคยพบเห็นบนเกาะหมื่นเซียนในอดีต ผุดขึ้นในความคิดของหลี่ฟานอย่างรวดเร็ว
เช่นลานแห่งธรรมะอันเต็มไปด้วยพันรูปปั้น ผู้ฝึกเซียนนับหมื่นนับพันที่ผ่านไปมา
ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างอันโอ่อ่าตระการตากลางเกาะ ที่ว่ากันว่าเป็นที่ประทับของผู้ทรงพลังขั้นแปรสภาพวิญญาณ...
ทุกอย่างมลายหายไปอย่างหมดจด
แม้แต่ฝุ่นผงก็ยังไม่เหลือ
พลังอะไรกันที่สามารถทำเช่นนั้นได้?
ความขุ่นเคืองแค้นของฟ้าดินหรือ?
หลี่ฟานไม่รู้เลย
เบื้องหน้าฉากที่สะเทือนใจอย่างรุนแรง ในสมองของหลี่ฟานเต็มไปด้วยความปั่นป่วน
ฝึกเซียน เพื่อบรรลุความเป็นอมตะ
เป้าหมายที่หลี่ฟานยึดมั่นมาโดยตลอด ตอนนี้ดูเหมือนไร้ความหมายเสียจริงๆ
เบื้องหน้าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้ฝึกเซียนก็ไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา ไม่ต่างจากมดปลวก
เมื่อความกลัวในใจงอกเงยขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะข่มกลั้นอีกต่อไป
"หนี! หนีไปจากที่นี่ซะ!"
หลี่ฟานตาแดงก่ำ ควบคุมเรือไท่เหยียนบินหนีไปทางทิศตะวันตกของทะเลชงอวิ่นเสมือนหนึ่งชีวิตอยู่ในอันตราย
เขาต้องหลบหนีไปยังแผ่นดิน ห่างไกลจากท้องทะเลแดนนรกนี้
หลี่ฟานควบคุมเรือบินอย่างเร็วสุดๆ ไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ท่ามกลางความคิดที่วุ่นวายอยู่ในหัว
"ตูม!"
เรือไท่เหยียนเหมือนชนเข้าอะไรบางอย่าง จนต้องหยุดเคลื่อนไหว
โชคดีที่มีวงจรอาคมป้องกัน ไม่เช่นนั้นคงอับปางแล้ว
แม้จะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการชนอย่างรุนแรง แต่มันก็ทำให้หลี่ฟานค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้
เขามองออกไปนอกเรือ
แต่ไม่มีอะไรเลย
สิ่งที่เห็นไกลออกไปคือแนวชายฝั่งทะเลที่ทอดยาว ตอนนี้ก็ใกล้ถึงแผ่นดินใหญ่แล้ว
หลี่ฟานบังคับเรือไท่เหยียน พยายามจะบินไปข้างหน้า
"ตูม!"
มีอะไรบางอย่างขวางหน้าหลี่ฟานไว้
หลี่ฟานพยายามอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ก็ไม่อาจเคลื่อนไปได้แม้แต่นิด
เขาลองไปทิศทางอื่น ก็เป็นเช่นเดิม
ม่านกั้นที่มองไม่เห็น แยกทะเลชงอวิ่นกับแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกจากกัน
เข้าได้ แต่ออกไม่ได้
หลี่ฟานตะลึง
จู่ๆ เขานึกถึงสำนวนหนึ่งขึ้นมาได้
เต่าในหม้อ (หมายถึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่หนีไปไหนไม่ได้)
นานหลังจากนั้น หลี่ฟานก็หัวเราะออกมา
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า
โหดร้ายนัก
ต่อมา หลี่ฟานรู้สึกว่างเปล่า เขาควรจะ【หวนเจิน】กลับไปจุดยึดเดิมหรือไม่?
หรือไปดูรอบๆ ให้ทั่วก่อนดี
หลี่ฟานรู้สึกหมดหนทาง และไร้จุดหมาย
เขาขับเรือไท่เหยียนล่องลอยอยู่ในทะเลชงอวิ่น
ผ่านเกาะเย่หลาน ซึ่งก็เช่นเดียวกับเกาะอื่นๆ ดูราวกับโลกาวินาศ ไร้ผู้รอดชีวิต
ผ่านเกาะหลิ่วหลี่
วงกตอาคมปกป้องเกาะพังทลาย เหอเจิ้งเฮ่าก็สาปสูญไป บนเกาะมีแต่ซากศพกระจัดกระจาย ไม่เห็นสัญญาณของชีวิตอีกต่อไป
เกาะหลิวหยุน เกาะจงชิว...
กลายเป็นดินแดนไร้ชีวิตไปหมด
ผู้ฝึกเซียนที่รอดชีวิตมาได้เช่นหลี่ฟานนั้นพบได้น้อยครั้ง แต่ก็ล้วนกลายเป็นบ้าไปแล้ว
เมื่อเห็นหลี่ฟานก็ร้องตะโกนหนีไปราวกับเห็นผี
...
สุดท้าย หลี่ฟานก็กลับมาถึงเกาะไท่อันอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
ที่นี่ เขาถึงได้รับรู้ถึงสัญญาณของความมีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากนานแสนนาน
บางที ทั่วทั้งทะเลชงอวิ่น คงเหลือแค่ผู้คนพวกนี้ให้เห็นอยู่บ้างแล้วกระมัง
หลี่ฟานเดินไปบนถนนในเกาะไท่อัน มองดูมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย
พวกเขายังไม่ทราบเลยว่าภายนอกเกาะไท่อันเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้น ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งการรอดชีวิต
โดยไม่รู้เลยว่ากำลังรออยู่ คือหายนะที่หลีกหนีไม่พ้น
แต่บางทีการไม่รู้อะไรเลยอาจเป็นพรก็ได้
หลังจากได้เห็นฉากเหมือนวันสิ้นโลกเช่นนั้น คงฝันร้ายไปทุกคืนแน่ๆ
หลี่ฟานเย้ยหยันตัวเองในใจ
เขาเดินไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ภาวนาอย่างเคร่งครัดดังแว่วมา
"ท่านเซียนช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก โปรดดลบันดาล ให้สายลมและสายฝนพอเหมาะ มีอาหารกินทุกปี"
"ท่านเซียนช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก โปรดคุ้มครองลูกสาวข้า อวี่เอ๋อร์ ให้เติบโตอย่างแข็งแรงปลอดภัย"
...
หลี่ฟานประหลาดใจ หันหน้ามอง
ที่แท้บนเกาะไท่อัน มีศาลเจ้าตั้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ภายในศาลมีรูปปั้นหนึ่งรูป บนป้ายชื่อหน้ารูปปั้นสลักคำว่า "ท่านเซียนช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก"
รูปปั้นนี้คล้ายกับหลี่ฟานอย่างประหลาด เบนสายตามองมวลชนที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าด้วยแววตาเวทนา
"ท่านเซียนช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก..." หลี่ฟานเงียบไปครู่ใหญ่
นานหลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ช่างเถิด จะปกป้องพวกเจ้าได้นานเท่าไร ก็นานเท่านั้น"
...
แต่การจะปกป้องมนุษย์จากการสังหารของฟ้าดินนั้น ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เดิมหลี่ฟานคิดว่าภัยพิบัติได้ผ่านพ้นไปแล้ว
สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ความจริงแล้วมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ปีที่หนึ่ง ปีที่สอง ปีที่สาม...
ฝนก็ยังไม่ตกลงมา
ระดับน้ำทะเลเริ่มลดลง น้ำเริ่มออกห่างจากเกาะ
ถึงจะมีวงจรอาคมกลั่นน้ำทะเล ผู้คนบนเกาะไท่อันก็ยิ่งหาน้ำได้ยากขึ้นเป็นทวีคูณ
ทุกครั้งต้องเดินทางไกลมากๆ ถึงจะหาน้ำเจอ
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมฟ้าดินถึงประทานเคราะห์กรรมเช่นนี้ลงมา แต่ก็หวาดกลัวว่าทะเลชงอวิ่นจะแห้งขอดในวันใดวันหนึ่ง
ดังนั้นทุกครัวเรือนจึงล้วนบูชารูปไม้แกะสลักของหลี่ฟานไว้ สวดมนต์ภาวนาอ้อนวอนทั้งวันทั้งคืนไม่ขาด
หลี่ฟานก็ไม่มีหนทางอื่น
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฟ้าดิน เขาจะมีปัญญาไปต้านทานได้อย่างไร
ข่าวดีอย่างเดียวก็คือ ในสามปีนี้ หรือเพราะผู้ฝึกเซียนส่วนใหญ่ในทะเลชงอวิ่นตายกันหมดจากไปแล้ว
การสังหารที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกเซียนจากฟ้าดินก็ค่อยๆ จางหายไป
หลี่ฟานจึงใช้โอกาสนี้หวนกลับมาฝึกฝนจนถึงขั้นฝึกปราณระดับกลางได้อีกครั้ง
"เมื่อใดที่พวกเจ้าไม่บูชาข้าอีกต่อไป ข้าก็คงจะกลับไปจุดยึดเดิม" การถูกมวลชนสวดมนต์บูชาทุกวันทุกคืน เป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดเป็นแน่แท้
เขาฝึก "ญาณสัมผัส" แล้วเห็นลมแห่งความตายที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เหนือศีรษะมนุษย์ ในใจจึงตัดสินใจแล้ว
"รอก่อน ทำไมท่ามกลางลมความตายสีดำ เหมือนจะแอบซ่อนสีขาวเป็นริ้วๆ อยู่นะ?"
หลี่ฟานประหลาดใจ
นับแต่พลังฝึกฝนฟื้นคืน หลี่ฟานได้ตรวจดูกระแสปราณแห่งเกาะไท่อันทุกวัน
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงได้พบสัญญาณแห่งชีวิตที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรับรู้ได้มาก่อน
สัญญาณชีวิตมาจากไหน?
หลี่ฟานฝึก《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》จนถึงขีดสุด แล้วพบว่ากระแสชีวิตของผู้คนเกาะไท่อัน กลับมีจุดเริ่มต้นจากตัวเขาเอง!
ยิ่งไขก็ยิ่งงุนงง
หลังจากทวนซ้ำยืนยันหลายครั้ง หลี่ฟานถึงพบว่าสัญญาณชีวิตนั้นมีต้นกำเนิดจากตัวเขาจริงๆ
แต่ไม่ใช่ตัวหลี่ฟานเอง หากแต่เป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ติดตัวเขา
สิ่งของที่เขาเกือบจะลืมมันไปแล้ว
สมบัติมหัศจรรย์แห่งสวรรค์พิภพ: ไข่มุกทะเลกว้าง
เพราะยังไม่สมบูรณ์ ไข่มุกทะเลกว้างนี้จึงถูกทิ้งไว้ในมุมหนึ่งของเรือไท่เหยียนมาโดยตลอด
จนมาถึงวันนี้ เมื่อสะท้อนผ่านกระแสปราณ หลี่ฟานถึงเพิ่งนึกถึงมันขึ้นมาได้
แตกต่างจากสภาพเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่พบครั้งแรก ตอนนี้มันกลายเป็นสีฟ้าใสกระจ่าง รอบด้านเปี่ยมล้นไปด้วยละอองน้ำหนาแน่น
ราวกับมีท้องทะเลอันกว้างใหญ่ครุ่นเคล้าอยู่ในนั้นจริงๆ
"ทะเลกว้างมลาย ทะเลกว้างก็ต้องเกิดใหม่"
หลี่ฟานจ้องมองไข่มุกทะเลกว้างในมือตาค้าง จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาก้าวขึ้นเรือไท่เหยียน บินสูงขึ้นไปถึงหมื่นจั้ง แล้วมองลงมาด้านล่าง
ทะเลชงอวิ่นด้านล่าง เนื่องจากการขาดน้ำยาวนาน พื้นทะเลจึงเริ่มโผล่พ้นน้ำเป็นบริเวณกว้าง
แนวเทือกเขาใต้ทะเล ค่อยๆ เผยโฉมให้เห็นทีละน้อย
ส่วนหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลชงอวิ่น แท้จริงแล้วก็คือยอดของเทือกเขาเหล่านี้นั่นเอง
ใบหน้าคึกคักกระตือรือร้นของโข่วหงผุดขึ้นในความคิดของหลี่ฟานขึ้นมาวูบหนึ่ง
เขาเคยเอ่ยปากเชิญหลี่ฟานว่า "ไม่เป็นไร หากภายภาคหน้า เพื่อนผู้มีวิถีออกไปได้ ก็จงมาหาข้าได้ที่เมืองหลิงเทียนแห่งเทือกเขาชงอวิ่น"
หลี่ฟานหัวเราะ
ทะเลชงอวิ่น
เทือกเขาชงอวิ่น
ที่แท้ก็เป็นสถานที่เดียวกัน