ตอนที่ 56 : แรนช์: สวัสดี
แสงไฟทั้งสองข้างทางของถนนด้านนอกจัตุรัสอนุสรณ์เกราเริ่มสว่างเป็นแถวเหมือนกับแม่น้ำแห่งแสงที่ไหลผ่านไปในระยะไกล สามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของไอเซอร์ไรต์และอาคารสูงตระหง่านได้ มันดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าในท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่บนถนนในเวลานี้
“บัดซบ ทำไมถึงเป็นมนุษย์ที่ได้ค้นพบมัน”
ทาเลียกำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจอย่างลับๆ
ในโลกแห่งภาพฉายที่ไม่สามารถรับรู้ยุคสมัยได้นี้ จะต้องมีความรู้มากมายที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเธอ
อย่างไรก็ตาม โลกแห่งภาพฉายนี้เป็นการถ่ายทอดสดฉากต่างๆ แบบคร่าวๆ เท่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะชมขั้นตอนการท้าทายทั้งหมดผ่านทางหน้าจอเวทมนตร์กลางแจ้งของมหาวิทยาลัย
ข้อมูลที่ครอบคลุมและค่อนข้างเฉพาะเจาะจงจะถูกเก็บรักษาโดย [โปรแกรมบันทึกเขตแดนโลกแห่งภาพฉาย] ของผู้ท้าทายเท่านั้น
ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะทำได้เพียงตั้งใจดูให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ทาเลียกำลังคิดเรื่องนี้ คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน
เพราะเธอค้นพบว่าผู้ท้าทายในโลกแห่งภาพฉายนี้คือลูกศิษย์ที่ผุดมาจากนรกของเธอ!
“ชายคนนั้น…”
แม้ทาเลียจะไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ผุดมาจากนรกผู้นี้ถึงกลายเป็นปีศาจเรืองแสงแทนที่จะเป็นปีศาจจากขุมนรก
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
แรนช์เป็นเหมือนร้านค้าลึกลับ เขามักจะเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้กับเธออยู่เสมอ
และทุกสิ่งที่แรนช์มีอยู่ในมือ เธอสามารถแลกเปลี่ยนมันกับเขาได้!
ตัวอย่างเช่น ข้อมูลทั้งหมดใน [โปรแกรมบันทึกเขตแดนโลกแห่งภาพฉาย] ของแรนช์
ตอนนี้ทาเลียยอมรับแล้วว่าแรนช์สามารถนำสิ่งที่เธอต้องการมาให้ได้ทุกครั้ง เช่นเดียวกับดาวนำโชคของเธอ
ถ้าเธอไม่รู้สึกสงสัยอยู่เสมอว่าชายคนนี้มักจะคิดเรื่องบ้าๆ บางอย่าง ทัศนคติของเธอที่มีต่อแรนช์อาจจะดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ในขณะนี้เอง.
เมื่อทาเลียเห็นกวีแห่งความรักผู้ยิ่งใหญ่ที่มีใบหน้าเหมือนเธอทุกประการบนหน้าจอ เปลือกตาของเธอก็หลุบลงทันที สีหน้าราวกับว่าเธอต้องการจะฆ่าแรนช์
เธอหันหลังกลับทันควันและออกจากสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว ลดศีรษะลงพลางกัดชีสเค้กเข้าไปคำหนึ่ง โดยกลัวว่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ที่อยู่ที่นี่จะค้นพบว่าเธอมีความคล้ายคลึงกับสิ่งมีขีวิตที่ถูกเจ้าคนผุดจากนรกผู้นี้อัญเชิญมา
ชายผู้นี้สมควรตายจริงๆ
...
โถงทางเดินของสถาบันปีศาจยังคงดูคลาสสิกและงดงาม แสงไฟสลัวๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้โบราณ ราวกับเป็นเวทมนตร์จากส่วนลึกของกาลเวลา สุดทางเดินในระยะไกลดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปตลอดกาลจากความมืดมิด พร้อมด้วยความลึกลับที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
พื้นหินอ่อนสีเข้มสลักด้วยลวดลายสีทอง ตรงกลางปูด้วยพรมที่มีลวดลายดอกไม้ปีศาจ บนผนังมีภาพบุคคลและกระจกแปลกๆ ปรากฏขึ้นทุกๆ สองถึงสามก้าว ราวกับพวกมันกำลังมองดูนักเรียนที่เดินไปมาตามโถงทางเดิน
ในทางเดินแห่งนี้ นักเรียนปีศาจหลายคนซึ่งมีสีหน้าหวาดกลัวหรือไม่ก็เคร่งขรึมรีบเร่งเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องอยู่ในทางเดินที่เปล่าเปลี่ยว เสียดแทงเข้าไปในต้นตอของความเงียบงัน ราวกับเป็นโหมโรงของการไล่ล่าและหลบหนี
พวกเขาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ดูหวาดกลัวมากกว่าเดิมในแสงสลัวๆ เหมือนกับว่าพวกเขาเพิ่งรอดพ้นจากฝันร้ายที่ไม่อาจบรรยายได้
ถึงแม้จะผ่านไปสักพักก็ยังไม่ชัดเจนว่าจุดประสงค์การกระทำของพวกเขาคืออะไร แต่ท่าทางที่ตื่นตระหนกของพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาแค่อยากอยู่ห่างจากห้องสอบที่บ้าคลั่งแห่งนั้นให้มากที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ในแถวรั้งท้ายของร่างเหล่านี้ ปีศาจสองตนที่มีสีหน้าตื่นตระหนกน้อยกว่าก็แอบเข้ามาเกาะกลุ่มเช่นกัน และนักเรียนปีศาจที่อยู่ข้างหน้าก็ไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขาเลย
เนื่องจากแรนช์และไฮพีเรียนยังไม่มั่นใจในกฎของสถาบันปีศาจแห่งนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าโจมตีนักเรียนปีศาจคนอื่นๆ อย่างหุนหันพลันแล่น ทั้งคู่รู้สึกว่าการใช้กำลังเพื่อจับกุมนักเรียนมาเค้นข้อมูลนั้นมีความเสี่ยงมากเกินไป
ในโถงทางเดินแห่งนี้ความรู้สึกของการถูกจ้องมองด้วยภาพวาดและกระจกนั้นดูน่าขนลุกอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ากลไกบางอย่างที่ซ่อนอยู่จะถูกกระตุ้นขึ้นมาหรือเปล่า
ดังนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการติดตามนักเรียนที่มีคุณสมบัติค่อนข้างดีที่นั่งอยู่แถวหน้าของพวกเขาก่อนหน้านี้ ค้นหากลยุทธ์การเอาชีวิตรอดที่ดีที่สุดในปัจจุบัน หาโอกาสที่ดีกว่าและลองอีกครั้งโดยไม่ต้องลงมือทำอะไร เพียงแค่โน้มน้าวใจคนที่มีคุณธรรม
“...”
ไฮพีเรียนหันศีรษะของเธอแล้วมองไปยังแรนช์
เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไปแล้วมอบเหรียญหนาๆ สองสามเหรียญที่เพิ่งเก็บมาจากศพให้กับแรนช์ เธอเชื่อว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดอะไรในการให้แรนช์เป็นผู้ดูแลบัญชีของทีม และความสำเร็จเหล่านี้เดิมทีก็เป็นของแรนช์
แรนช์ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าและยอมรับเหรียญลึกลับเหล่านี้
แม้ว่าไฮพีเรียนจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ติดตามแรนช์ และก็ดูเหมือนว่าสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในสถาบันก็คือการอยู่ใกล้ๆ เขา
แต่สภาพอารมณ์ของเธอในขณะนี้ค่อนข้างซับซ้อน เธอต้องการถามแรนช์บางอย่าง แต่เธอกลับลังเลที่จะพูด
เดิมทีเธอกังวลว่ามิตรภาพนี้จะจบลงหลังจากที่แรนช์รู้เรื่องสายเลือดปีศาจของเธอ
แต่ตอนนี้เธอเริ่มกลัวว่าหลังจากที่เขารู้ว่าเธอเป็นปีศาจ แรนช์จะกลายเป็นนักล่าปีศาจและทรมานเธอเหมือนกับนักเรียนและผู้คุมสอบในห้องสอบปีศาจ
“แรนช์ นายคิดยังไงกับปีศาจ?”
ในที่สุดไฮพีเรียนก็ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะกำลังวิ่ง
แรนช์ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาว แม้ว่าจะอายุหลายร้อยปีแต่ก็ยังดูเหมือนกับหญิงสาว”
แรนช์อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากพลางตอบคำถาม เขาไม่รังเกียจถ้าไฮพีเรียนต้องการสนทนาถึงเรื่องนี้
เขาอยากจะพูดอย่างตามใจมานานแล้ว แต่ไม่มีใครพูดถึงหัวข้อนี้กับเขาเลย
ปรากฎว่าไฮพีเรียนเองก็สนใจปีศาจเช่นกัน!
“...”
ไฮพีเรียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าคำพูดของแรนช์ทำให้เธอขุ่นเคืองเล็กน้อย
แม้ว่าอันที่จริงเธอยังอยู่ในช่วงวัยเยาว์ แต่อายุขัยของเธอในฐานะปีศาจลูกผสมจะยาวนานกว่ามนุษย์อย่างแน่นอน และคำพูดของแรนช์ก็เป็นการว่าร้ายให้เธอในอีกร้อยปีต่อจากนี้
ไม่สิ ทำไมจุดสนใจของเขามันถึงฟังดูแปลกๆ?
“แล้วถ้าในโลกจริงนายได้พบกับปีศาจ นายจะทำแบบเดียวกับเมื่อกี้ไหม?”
ไฮพีเรียนถามอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย
แรนช์แค่มองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ความเงียบงันเกิดขึ้นสักพัก
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนแก่ที่กินสารหนูเข้าไปหรือไง คิดว่าฉันอายุยืนเกินไปงั้นเหรอ?”
“…”
“อย่าเพิ่งพูดถึงว่าการหาเรื่องปีศาจเป็นอันตรายหรือเปล่า ในบรรดาพวกเขาก็อาจจะมีคนดีอยู่ในนั้น ไฮพีเรียน โปรดอย่าเลือกปฏิบัติกับปีศาจ”
แรนช์แนะนำอย่างจริงจัง
“...งั้นเหรอ”
ไฮพีเรียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้ยินเช่นนี้ จากนั้นก็ก้มศีรษะลง เม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หินหนักที่กดทับหัวใจของเธอดูเหมือนจะหายไปเพราะคำพูดที่จริงจังของแรนช์
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่มีคนพูดกับเธอว่า “อย่าเลือกปฏิบัติกับปีศาจ”
แม้ว่าคำพูดของแรนช์จะมีความรู้สึกถึงพระแม่มารีก็ตาม
แต่ไฮพีเรียนเชื่อมั่นว่าแรนช์ไม่ใช่พวกหน้าซื่อใจคดแบบนั้น
แต่เป็นพระแม่มารีที่แท้จริง
เพราะเขาสามารถประคองน้ำในชามให้เท่ากัน[1] ไม่เพียงแต่กับปีศาจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตอนที่เขาทรมานมนุษย์ด้วย
...
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ในหมู่นักเรียนปีศาจที่หลบหนีไปตามโถงทางเดิน บางคนยังคงวิ่งหน้าตั้งราวกับว่ากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง ในขณะที่บางคนเลือกห้องเรียนใหม่อีกครั้งและวิ่งเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง
จากมุมมองนี้ โถงทางเดินเองก็ควรจะเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวและอันตรายไม่น้อยไปกว่าห้องเรียนเลย ไม่เช่นนั้นนักเรียนเหล่านี้คงไม่กระตือรือร้นที่จะมองหาชั้นเรียนกันขนาดนี้
“ใกล้ถึงเวลาที่เราต้องหาโอกาสลงมือแล้ว”
ถ้าเป็นไปได้แรนช์ก็ไม่ต้องการเสียเวลาเพียงแค่เข้าไปในห้องเรียนและทำตามกลไกของระบบ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันปีศาจ
มีเพียงการเข้าใจกฎเท่านั้น เขาจึงจะกระทำได้อย่างมั่นใจและกล้าหาญ แม้แต่คิดหาวิธีที่สามารถผ่านได้อย่างรวดเร็วเพื่อค้นหา “เวทมนตร์ปีศาจโบราณที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนทรงผม” ที่เขาต้องการเรียนรู้
ไฮพีเรียนเข้าใจโดยธรรมชาติว่าแรนช์หมายถึงอะไร
ปัจจุบันตรงหน้าพวกเธอเหลือนักเรียนอยู่เพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายสามารถเข้าไปพูดคุยด้วยได้
เธอเร่งฝีเท้าและก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ พลางเอื้อมมือไปคว้านักเรียนผู้โชคดี
“เจ้าแตะ…!”
หลังจากที่ไหล่ของเขาถูกไฮพีเรียนคว้าไว้ ปีศาจที่มีเกล็ดสีเขียวบนคอก็หันกลับมาอย่างดุร้าย เขายกมือขึ้นและกำลังจะพุ่งเข้าหาไฮพีเรียน
อย่างไรก็ตาม.
ทันทีที่สายตาของเขาเพ่งไปยังพื้นที่ถัดไป เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้คุมสอบแรนช์ยืนอยู่ด้านหลังไฮพีเรียน
ความกลัวจากจิตวิญญาณโหมกระหน่ำเข้าสู่หัวใจของปีศาจเกล็ดเขียวราวกับกระแสน้ำป่า มือของเขาค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าไม่มีที่สำหรับวางมันลง
“โอ้…”
เมื่อแรนช์เห็นการปรากฏตัวของปีศาจเกล็ดเขียว เขาก็เปิดริมฝีปากด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ปรากฏว่าคนที่พวกเขาเล็งไว้ก็คือคนที่แรนช์ใช้เป็นเป้าหมายของ [มารยาทพื้นฐาน] ก่อนหน้านี้ เขาหวาดกลัวปีศาจเขามังกรและปีศาจนกฮูกเป็นเวลาหลายสิบวินาทีและในที่สุดก็สามารถหลบหนีออกมาได้ภายใต้จมูกของพวกนั้น แถมยังมีผู้เข้าสอบที่สุดจะชั่วร้ายคนนั้นอีก!
ช่างเป็นโชคชะตาจริงๆ แรนช์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เขา
แม้ว่าแรนช์จะยังไม่ได้พูดอะไรก็ตาม
แต่นักเรียนปีศาจเกล็ดเขียวกลับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเรียบร้อยแล้ว
แรนช์: “สวัสดี”
แค่คำกล่าวทักทายง่ายๆ
มันทำให้นักเรียนปีศาจดูเหมือนได้ยินเสียงเรียกจากขุมนรก เขารู้สึกว่าบรรพบุรุษของตัวเองกำลังเรียกให้เขากลับไปพบกันอีกครั้ง
“เพื่อนร่วมชั้น ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอะไรดี?”
แรนช์เดินไปหานักเรียนปีศาจเกล็ดเขียวโดยเอามือไพล่หลัง ลักษณะท่าทางยังคงดูเหมือนผู้คุมสอบ เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“บา...บาเชล…”
นักเรียนปีศาจดวงตาเหมือนงูเกล็ดสีเขียวตอบสนองด้วยอาการสั่นเทาตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด ผิวของเขาซีดลงกลายเป็นไร้เลือดเนื่องจากความกลัว แข้งขาของเขาก็อ่อนแรงราวกับว่าจะล้มเข่าพับได้ตลอดเวลา
(จบตอน)
[1] ประคองน้ำในชามให้เท่ากัน 一碗水端平 หมายถึง ปฏิบัติด้วยความยุติธรรม ไม่โอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง