บทที่ 14 โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงสุด
ในช่วงที่หลอมโอสถควรควบคุมไฟไม่ให้แรงเกินไป มิฉะนั้น สมุนไพรจะถูกเผาเป็นเถ้าทันที และไม่อาจอ่อนเกินไปเพราะสมุนไพรจะไม่หลอมละลาย
ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนควบคุมไฟแห่งสวรรค์และโลกอย่างตั้งใจ สมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิดก็เริ่มละลายในระหว่างการหลอม ที่สุดมันก็กลายเป็นน้ำสีฟ้าสดใสกลุ่มเล็กๆ
เมื่อมองไปที่น้ำสีฟ้าในเตาหลอมโอสถ หยางเสี่ยวเทียนก็ถึงกับตกตะลึง
โอสถสร้างฐานวิญญาณ ถูกหลอมมาเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
ดูเหมือนจะไม่ยากขนาดนั้น…
การทดสอบนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาวของหอโอสถ ต้องหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณให้สำเร็จภายในหกชั่วยาม
แต่ตอนนี้ เขากลับใช้เวลาเพียงสองชั่วยามเท่านั้น
นั่นไม่ได้แปลว่าเขาเป็นนักปรุงโอสถที่สามารถผ่านการทดสอบได้แล้วหรอกหรือ
หยางเสี่ยวเทียนยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในเตาหลอมนั้นเป็นโอสถสร้างฐานวิญญาณ
เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกลืนมันลงไป
ทันใดนั้น ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขา
เขาจึงพยายามฝึกปราณมังกรแรกเริ่ม พร้อมกับการขับเน้นฤทธิ์โอสถที่อยู่ในกายไปด้วยกัน
ในตอนนั้นเอง วิญญาณยุทธ์เสวียนอู่และอสรพิษนิลกาฬก็ปรากฏขึ้นจากท้องฟ้า พลังวิญญาณอันมหาศาลของสวรรค์และโลกหลั่งไหลเข้ามาด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนเขาฝึกปราณปัญญาสัมฤทธิ์หลายเท่า
พลังวิญญาณได้ที่มาจากโอสถสร้างฐานวิญญาณกำลังเปลี่ยนเป็นพลังยุทธ์ในเส้นลมปราณของเขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ช้า โอสถสร้างฐานวิญญาณก็ได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนหยุดฝึกฝน เขาก็พบว่าตัวเองได้มาถึงขั้นปลายของนักยุทธ์ระดับห้าแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เขาขัดเกลาคือโอสถสร้างฐานวิญญาณ และมันย่อมไม่ใช่โอสถสร้างฐานวิญญาณธรรมดาอย่างแน่นอน มิฉะนั้น มันคงไม่ได้ผลขนาดนี้
ต่อให้เป็นโอสถชนิดเดียวกันแต่กลับมีพลังที่แตกต่างกัน และฤทธิ์ของโอสถขึ้นอยู่กับระดับของสมุนไพร แบ่งจากต่ำไปสูง ระดับต่ำสุด ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ระดับสูงสุด และเหนือกว่าระดับสูงสุดนั้นคือระดับสวรรค์
ซึ่งโอสถสร้างฐานวิญญาณที่เขาเพิ่งหลอม อาจเป็นระดับสูงหรือสูงสุดเสียด้วยซ้ำ
หยางเสี่ยวเทียนมองไปที่สวนสมุนไพรในหุบเขาด้วยความตื่นเต้น หากใช้สมุนไพรเหล่านี้ เขาก็สามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณต่อไปได้ ซึ่งตอนนี้ เขาย่อมมีความหวังในการก้าวหน้ามากขึ้นก่อนปีใหม่แน่นอน
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนออกมาจากถ้ำ ก็พบว่าภายนอกนั้นมืดสนิท เขาตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบกลับไปที่หมู่บ้านสกุลหยางในทันที แน่นอนว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านสกุลหยาง เขาก็ได้รู้ว่าบิดามารดาส่งคนออกตามหาเขาแทบพลิกแผ่นดิน
จนในที่สุด หยางเสี่ยวเทียนก็ต้องถูกตีบั้นท้ายด้วยไม้เป็นการสั่งสอน
ถึงกระนั้น ตอนกลางดึกหลังจากที่ทุกคนในบ้านสกุลหยางเข้านอนหมดแล้ว เขาก็แอบกลับไปที่หุบเขาเพื่อหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณพร้อมกับการฝึกฝนพลังปราณ
หลังการค้นพบถ้ำแห่งนั้น ระหว่างวันหยางเสี่ยวเทียนจะกลับไปที่บ้านสกุลหยางเพื่อฝึกฝนเพลงกระบี่ตงเทียน กลางคืนก็ออกฝึกฝนในหุบเขา บางครั้ง เขาและสัตว์วิญญาณเกราะทองจะเข้าป่าบนเขาล่าสัตว์วิญญาณเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการต่อสู้
เป็นเวลาสี่วันติดต่อกัน ที่หยางเสี่ยวเทียนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนทะลวงเข้าสู่นักยุทธ์ระดับสิบขั้นปลาย ซึ่งมันห่างจากขั้นเซียนสวรรค์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เขาร่ายรำกระบี่กวัดแกว่งในสวนดอกไม้ของบ้านสกุลหยาง เด็กน้อยแทงกระบี่ของเขาออกไป ทันใดนั้น รูกระบี่ก็ปรากฏขึ้นที่ตอไม้ด้านหน้าสามสิบฉื่อ
เมื่อเห็นรูที่กระบี่แทงเข้าไปมีความลึกราวครึ่งฉื่อ เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เพลงกระบี่ตงเทียนเป็นหนึ่งในสิบเพลงกระบี่ที่ดีที่สุดในยุทธภพ แม้เพลงกระบี่ที่เขารับมานั้นจะอยู่ในอันดับสิบ แต่พลังของเพลงกระบี่ในตอนนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่วิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ระดับหนึ่งจะสามารถต้านทานได้
และนี่เป็นเพียงกระบวนท่า ที่มีพลังโจมตีขั้นเบาสุดของเพลงกระบี่ตงเทียนเท่านั้น
เพลงกระบี่ตงเทียนมีทั้งหมดสี่สิบเก้ากระบวนท่า ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไรก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
ต่อมา เมื่อหยางเสี่ยวเทียนนึกถึงขั้นเซียนสวรรค์เขาก็เอามือกุมหัว หลังจากทะลวงเข้าสู่ระดับสิบ ฤทธิ์ของโอสถสร้างฐานวิญญาณก็ลดลงอย่างมาก ด้วยความเร็วในตอนนี้ต่อให้เขายืนกรานที่จะกลืนโอสถสร้างฐานวิญญาณในการฝึกฝนนั่น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกหรือเจ็ดวันในการทะลวงเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์
แต่เวลาเหลือเพียงสองวันก่อนจะถึงปีใหม่ ที่บิดาของเขาต้องไปหมู่บ้านเฮยเฟิง
ซึ่งเขาจะรอช้าไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรดี…