บทที่ 13 ไร้คู่ต่อกร
เมื่อได้รู้ว่าเขาอาจมีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงสุด หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตนได้
หากเขามีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงสุดจริงๆ เขาอาจกลายเป็นเทพหรือเหนือกว่าเทพก็ได้!
“ผู้ที่สามารถสืบทอดเพลงกระบี่ของข้าได้ ถือเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของข้าหงเฟิง ข้าหวังว่าเจ้าจะตั้งใจฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรแรกเริ่มและเพลงกระบี่ตงเทียนให้สำเร็จ ฝากเจ้าดูแลสำนักตงเทียนแทนข้าด้วย!”
“ข้าหงเฟิง กวัดแกว่งกระบี่ตงเทียน ชื่อเสียงเลื่องลือ ทั่วทั้งยุทธภพ ไร้คู่ต่อกร!”
“ข้าหวังว่าชื่อเสียงเจ้าจะเลื่องลือไปไกลกว่าข้า”
ลงนาม..หงเฟิง..
หยางเสี่ยวเทียนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ชื่อเสียงเลื่องลือ ทั่วทั้งยุทธภพ ไร้คู่ต่อกร!
วรยุทธร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
พลังของกระบี่ตงเทียนดูคล้ายจะเกินขอบเขตความเข้าใจของเขาไปแล้ว
หยางเสี่ยวเทียนเฉือนปลายนิ้วแล้วหยดเลือดลงบนกระบี่ตงเทียน ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงวิญญาณของกระบี่ตงเทียนผ่านหยดเลือดที่ใช้เชื่อมโยงจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน
เมื่อเขาชักกระบี่ออกจากฝัก พลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฏเป็นช่องว่างทรงกลมขนาดใหญ่น่าตื่นตะลึง
เมืองซิงเยว่หรือแม้แต่ทั้งอาณาจักรเสินไห่ต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่นี้
หยางเสี่ยวเทียนตื่นตะหนกกับสิ่งที่เขาได้เห็น
ชั่วพริบตาพลังของกระบี่ตงเทียนก็หายไป ราวกับว่ามันเป็นภาพลวงตาเท่านั้น
หยางเสี่ยวเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาท่องเพลงกระบี่ตงเทียนอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นตัวกระบี่ก็กลายเป็นลำแสงก่อนจะรวมเข้ากับแขนขวาของเขา ราวกับว่าแขนขวาและกระบี่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ภายหน้า หากเขาสามารถบรรลุขั้นสุดยอดของเคล็ดวิชากระบี่ตงเทียน คนและกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเมื่อใด เขาย่อมสามารถใช้ปราณกระบี่แทนกระบี่ตงเทียนนับหมื่นเล่มได้ ต่อให้ยามนั้นเขาไม่ได้เรียกกระบี่ตงเทียนออกมาก็ตาม
หยางเสี่ยวเทียนเก็บคัมภีร์เคล็ดวิชามังกรแรกเริ่มแล้วออกจากห้องมาสำรวจห้องที่สาม
ห้องที่สามเต็มไปด้วยคัมภีร์วรยุทธต่างๆ
คัมภีร์ยุทธ์เหล่านี้ถูกรวบรวมโดยหงเฟิงเมื่อครั้งที่เขาท่องไปทั่วยุทธภพ
ทว่าหยางเสี่ยวเทียนมีเคล็ดวิชามังกรแรกเริ่มแล้ว แม้ว่าคัมภีร์เหล่านี้จะดีแต่ก็ไร้ค่ากับเขา
สิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนไม่คาดคิดก็คือ มีเตาหลอมโอสถวางอยู่ในห้องที่สี่ บนเตาหลอมโอสถมีอักษรถูกจารึกไว้โดยหงเฟิง เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดู
ปรากฎว่าเตาหลอมโอสถนี้หงเฟิงได้รับมาจากสถานที่ที่อันตรายสุดในยุทธภพ แม้จะไม่รู้ชื่อของเตาหลอมนี้ แต่เขารู้ว่าเตาหลอมนี้มีความพิเศษ มันสามารถขยายใหญ่ขึ้นหรือหดเล็กลงก็ได้ มีช่องว่างมากมายภายในเตาหลอมที่สามารถใช้เพื่อบรรจุโอสถและเก็บสิ่งของอื่นๆได้
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับเตาหลอมโอสถไร้นามนี้ มันเป็นที่เก็บของซึ่งสะดวกมากสำหรับเขาที่จะออกไปท่องยุทธภพ
ตามคำแนะนำของหงเฟิง เขาได้ผสานจิตวิญญาณกับเตาหลอมโอสถโดยการหยดเลือด เพียงแค่คิดหรือจินตนาการ เตาหลอมโอสถก็เล็กลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นแหวนที่เขาสามารถสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายได้ ผู้ที่ไม่รู้ย่อมมองมันเป็นแค่แหวนธรรมดาๆ วงหนึ่ง
หยางเสี่ยวเทียนมองไปยังผนังทั้งสี่ในห้องซึ่งเต็มไปด้วยตู้ที่มีม้วนคัมภีร์ลับมากมายเก็บเอาไว้
เขาก้าวไปข้างหน้าและเปิดดูคัมภีร์ต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นคัมภีร์ลับเกี่ยวกับการหลอมโอสถ
นักปรุงโอสถเป็นอาชีพที่มีเกียรติอย่างยิ่งในยุทธภพ
ซึ่งเกียรตินั้นมากกว่าวิญญาจารย์เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ในการเป็นนักปรุงโอสถนั้นมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก ไม่เพียงเข้าใจในวัตถุดิบเท่านั้น แต่ต้องสามารถควบคุมไฟแห่งสวรรค์และโลกได้ และต้องมีสัมผัสวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งอีกด้วย
ไม่อาจขาดปัจจัยใดๆ ในนี้ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ด้วยเหตุผลนี้ นักปรุงโอสถจึงหาได้ยากในยุทธภพ ตัวอย่างเช่น ตระกูลหยางไม่มีนักปรุงโอสถแม้สักคนมาหลายปีแล้ว
ในเมืองซิงเยว่ทั้งหมดมีเพียงวังหลวงเท่านั้นที่มีนักปรุงโอสถ และเป็นเพียงระดับหนึ่งดาวเท่านั้น
ถึงกระนั้น คนผู้นั้นก็ได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นคนสำคัญของเมืองซิงเยว่
“ข้าอยากรู้ว่ามีคัมภีร์สำหรับการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณที่นี่หรือไม่”
หยางเสี่ยวเทียนรำพึง เขาเริ่มค้นหา ในที่สุดก็พบคัมภีร์สำหรับการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณอยู่ใต้ตู้หนังสือ
เมื่ออ่านคัมภีร์นี้โดยละเอียด หัวใจของหยางเสี่ยวเทียนก็เต้นเร็วขึ้น
หากเขาสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณและฝึกฝนโดยใช้ผลไม้ที่อยู่ข้างนอกร่วมปรับพลังปราณ ระดับพลังยุทธ์ของเขาจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน และเขามั่นใจถึงเก้าในสิบส่วนที่จะทะลวงขั้นเซียนสวรรค์ได้ก่อนวันปีใหม่
เขาทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อหาสมุนไพรทั้งสิบสี่ชนิดที่จำเป็นในการหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณในหุบเขา และใส่ลงในเตาหลอมโอสถทีละชนิด
จากนั้นตามคำแนะนำที่อธิบายไว้ในคัมภีร์ หยางเสี่ยวเทียนเริ่มสัมผัสได้ถึงไฟแห่งสวรรค์และโลกรอบตัวเขา
ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะสัมผัสวิญญาณของทุกคนนั้นแตกต่างกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่สามารถสัมผัสถึงไฟแห่งสวรรค์และโลกได้
ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็สัมผัสได้ถึงไฟแห่งสวรรค์และโลกที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเขา
ไฟแห่งสวรรค์และโลกนี้ลุกลามไปทั่วเหมือนทะเลเพลิงที่ไร้ขอบเขต
หยางเสี่ยวเทียนซึ่งเดิมทีรู้สึกตื่นเต้นและวิตกกังวล ตอนนี้กลับมีท่าทางประหลาดใจ
นี่คือไฟแห่งสวรรค์และโลกอย่างนั้นหรือ…
แต่ในคัมภีร์ไม่ได้กล่าวไว้ ว่าครั้งแรกที่นักปรุงโอสถจำนวนมากสามารถสัมผัสถึงไฟแห่งสวรรค์และโลกนั้น พวกเขาสัมผัสได้สูงสุดเท่าไร นอกจากบอกว่าได้เพียงในระยะไม่ถึงสิบฉื่อรอบตัวเท่านั้น
แต่ระยะที่หยางเสี่ยวเทียนสัมผัสได้นั้น กลับมากกว่าสามร้อยฉื่อ!
ขณะที่เขาพยายามดึงมันออกมาด้วยพลังวิญญาณ ทันใดนั้น ไฟจากสวรรค์และโลกก็ไหลเข้ามารวมตัวกันในเตาหลอมโอสถราวกับกระแสน้ำ